ผู้จัดการรายวัน – มองวิกฤตให้เป็นโอกาส “เบล เมซอง” ธุรกิจขายตรงผ่านแคตตาล็อก ปรับกลยุทธ์มัดใจลูกค้าเต็มสูบ ผุดแคตตาล็อกเล่มเล็กเสริมทัพอีก 3 เล่ม ชูเรื่องระบบผ่อนสินค้า ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น ทุ่มเม็ดเงินการตลาดอีกเท่าตัว เจรจาพันธมิตร ล่ารายชื่อลูกค้าใหม่เพิ่ม มั่นใจสิ้นปีโตอีก 30% มูลค่ารวมกว่า 200 ล้านบาท
นางสาวสุคนธวัชฎ์ นิติสิริสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบล เมซอง (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงผ่านแคตตาล็อก เครือสพัฒน์ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ถือเป็นผลดีต่อธุรกิจขายตรงผ่านแคตตาล็อกอย่างมาก โดยในส่วนของเบล เมซองเอง ในช่วงไตรมาส1ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตของรายได้สูงขึ้น 25% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกับยอดการสั่งซื้อสินค้าต่อครั้งก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยจาก 1,400 บาท เป็น 1,600 บาท
โดยการเติบโตดังกล่าว นอกจากราคาน้ำมันที่เป็นปัจจัยสำคัญแล้ว ยังมาจากการที่บริษัทฯเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มที่ ภายใต้งบการตลาดที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน กับการติดต่อเจรจากับพันธมิตรต่างๆเพื่อขอรายชื่อลูกค้าใหม่ รวมถึงกลยุทธ์การเพิ่มแคตตาล็อกเล่มเล็กขึ้นอีก 3 เล่ม คือ อินเนอร์แวร์ ออกปีละ 3 เล่ม ซึ่งจะเป็นการนำเสนอสินค้าจากเครือสหพัฒน์ 100% จำนวน 400 รายการ, มาม่า แอนด์ เบบี้ ออกปีละ 2 เล่ม จำนวนสินค้า 400 รายการ โดยสินค้าหลักมาจากสหพัฒน์ และสินค้าแฟชั่นอีกเล่ม ขณะที่ปกติจะมีแคตตาล็อกเล่มใหญ่พิมพ์ออกมาทุกๆ 2 เดือน ซึ่งมียอดพิมพ์เพิ่มขึ้นจาก 7 หมื่นเล่มเป็น 1.2 แสนเล่ม
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มุ่งพัฒนาเรื่องของอี คอมเมิร์ซ กับการทำให้หน้าเว็บไซต์เป็นแคตตาล็อกออนไลน์ เชื่อว่าจะเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง พร้อมกับจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชายได้มากขึ้น จากการที่จะมีสินค้าในกลุ่มไอทีมานำเสนอขายด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้าในระบบผ่อนสินค้าด้วย โดยได้ร่วมกับทุกสถาบันการเงินเพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าแบ่งผ่อนชำระได้ ซึ่งทางบริษัทฯได้เพิ่มระยะเวลาในการชำระสินค้าให้นานขึ้น จาก 3 เดือนเป็น 6 หรือ 8 เดือน แล้วแต่ลักษณะของสินค้าที่ซื้อด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนรายสิ้นปีนี้ จาก 1.7 แสนรายในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งทำให้บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 30% จาก 150 ล้านบาท เป็น 200 ในสิ้นปีนี้
นางสาวสุคนธวัชฎ์ นิติสิริสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบล เมซอง (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจขายตรงผ่านแคตตาล็อก เครือสพัฒน์ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น ถือเป็นผลดีต่อธุรกิจขายตรงผ่านแคตตาล็อกอย่างมาก โดยในส่วนของเบล เมซองเอง ในช่วงไตรมาส1ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตของรายได้สูงขึ้น 25% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกับยอดการสั่งซื้อสินค้าต่อครั้งก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยจาก 1,400 บาท เป็น 1,600 บาท
โดยการเติบโตดังกล่าว นอกจากราคาน้ำมันที่เป็นปัจจัยสำคัญแล้ว ยังมาจากการที่บริษัทฯเดินหน้าทำการตลาดอย่างเต็มที่ ภายใต้งบการตลาดที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อน กับการติดต่อเจรจากับพันธมิตรต่างๆเพื่อขอรายชื่อลูกค้าใหม่ รวมถึงกลยุทธ์การเพิ่มแคตตาล็อกเล่มเล็กขึ้นอีก 3 เล่ม คือ อินเนอร์แวร์ ออกปีละ 3 เล่ม ซึ่งจะเป็นการนำเสนอสินค้าจากเครือสหพัฒน์ 100% จำนวน 400 รายการ, มาม่า แอนด์ เบบี้ ออกปีละ 2 เล่ม จำนวนสินค้า 400 รายการ โดยสินค้าหลักมาจากสหพัฒน์ และสินค้าแฟชั่นอีกเล่ม ขณะที่ปกติจะมีแคตตาล็อกเล่มใหญ่พิมพ์ออกมาทุกๆ 2 เดือน ซึ่งมียอดพิมพ์เพิ่มขึ้นจาก 7 หมื่นเล่มเป็น 1.2 แสนเล่ม
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้มุ่งพัฒนาเรื่องของอี คอมเมิร์ซ กับการทำให้หน้าเว็บไซต์เป็นแคตตาล็อกออนไลน์ เชื่อว่าจะเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้อีกทางหนึ่ง พร้อมกับจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ชายได้มากขึ้น จากการที่จะมีสินค้าในกลุ่มไอทีมานำเสนอขายด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้ให้ความสำคัญกับการซื้อสินค้าในระบบผ่อนสินค้าด้วย โดยได้ร่วมกับทุกสถาบันการเงินเพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าแบ่งผ่อนชำระได้ ซึ่งทางบริษัทฯได้เพิ่มระยะเวลาในการชำระสินค้าให้นานขึ้น จาก 3 เดือนเป็น 6 หรือ 8 เดือน แล้วแต่ลักษณะของสินค้าที่ซื้อด้วย ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 แสนรายสิ้นปีนี้ จาก 1.7 แสนรายในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งทำให้บริษัทฯมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 30% จาก 150 ล้านบาท เป็น 200 ในสิ้นปีนี้