"ไทกร" แฉอดีตซากไทยรักไทย พร้อมลิ่วล้อแม้ว กำลังย่ามใจ เม้าท์กันมันส์ปาก รัฐประหารครั้งต่อไป เราต้องทำเอง! โดยใช้เหตุพันธมิตรฯชุมนุม เป็นเงื่อนไข ขณะที่"สมัคร" ก็กำลังถูกกดดันอย่างหนักจากทั้งผู้มีอำนาจ เหนือพรรคและส.ส.ชี้หากแผนสำเร็จเตรียมปลดล็อก 111 ซากศพ –ล้างคดี –ล้มอายัดทรัพย์ ให้นายใหญ่สบายไปทั้งชาติ
วานนี้ (27 พ.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานกลุ่มอีสานกู้ชาติ กล่าวในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่า ได้ยินกระแสข่าวรัฐประหารออกมาจากพรรคพลังประชาชน โดยพวกเขาคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ทั้งส.ส.ระดับหนึ่งสมัย และแกนนำพรรค รวมทั้งคนแวดล้อมที่มีอำนาจในพรรค
"พรรคพลังประชาชนเขาบอกว่า เขามีบทเรียนในอดีตที่พรรคไทยรักไทยปล่อยให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย แล้วชะล่าใจ จนกระทั่งถูกคมช. ยึดอำนาจจากเขา เขาบอกว่าเขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบนั้นอีกแล้ว" นายไทกร ระบุ และว่า ในวงกาแฟตึกซัมมิท ที่อยู่ข้างที่ทำการพรรค หรือในห้องกาแฟของพรรคที่ถนนเพชรบุรีเอง ก็พูดทำนองเดียวกัน
นายไทกร กล่าวต่อว่า แต่ที่แน่ใจที่สุดก็คือได้รับทราบจากบุคคลที่มีความใกล้ชิดและน่าไว้วางใจของพวกพรรคพลังประชาชน ที่ได้ไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวของนายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อคืนวาน (26 พ.ค.) ซึ่งวันนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ คนสำคัญหลายคนไปร่วมงาน ก็ตั้งวงวิเคราะห์สถานการณ์เรื่องนี้
"โดยผู้มีอำนาจเหนือพรรคฯ ย้ำว่าถ้าสองสามวันนี้ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่ได้ เราก็ต้องทำเอง แต่คนของเราในการทำ ใช้กำลังทหารในส่วนของเราทำ" นายไทกร ระบุ และว่า เป็นคำพูดจากผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชน
นายไทกร กล่าวด้วยว่า ตนมีความแน่ใจว่าเงื่อนไขที่เขาจะปฏิวัตินั้นไม่น่าจะเกิดจากพันธมิตรฯไปยุงยง แต่น่าจะเป็นการอาศัยเงื่อนไขในการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นเงื่อนไขในการจุดประเด็น ปลดล็อกให้ตัวเอง ทั้งนี้ เชื่อว่าวิกฤตน่าจะภายใน 7 วันนี้ ที่ผู้มีอำนาจจะต้องตัดสินใจ เขามั่นใจ มีรัฐมนตรีคนหนึ่งพูดย้ำเรื่องเงื่อนเวลา โดยพูดขึ้นว่าน่าจะเป็น 2-3 วันนี้ ซึ่งรัฐมนตรีคนนี้มีลูกชายเป็น ส.ส.ขอนแก่น เป็นอดีตปลัดกระทรวงความมั่นคงภายใน มาเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง
นายไทกร กล่าวอีกว่า ส่วนผู้มีอำนาจเหนือพรรคจะพูดเรื่องต้องทำเอง ในความหมายที่ทุกคนฟังในขณะนั้นก็แน่ใจว่า ถ้าจะมีการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจ ต้องเป็นการกระทำของพรรคพลังประชาน และส.ส.พรรคพลังประชาชน ทุกคนก็มั่นใจอย่างนั้น ตนบอกพี่น้องสื่อมวลชนไปถาม ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้เลยว่า ถ้ายึดอำนาจคราวนี้ เขามั่นใจได้เลยว่า เขาเป็นคนทำ
ทั้งนี้ นายไทกร ระบุด้วยว่าในวงสนทนาดังกล่าว มีทหารร่วมอยู่ด้วยบ้าง แต่เป็นทหารคนสนิทของอดีตหัวหน้าพรรคฯ แต่ทหารเหล่านี้ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญในการคุมกำลัง เป็นแค่ที่ปรึกษากองทัพ ยศ พล.อ.บ้าง ผู้ทรงคุณวุฒิฯ แต่ไม่มีทหารที่คุมกำลังเข้าไปในวง ส่วนใหญ่เป็นทหารการเมือง ซึ่งถ้าดูจากหน้าตาแล้ว ก็เทียบรุ่นได้ หลายคนก็เคยติดตาม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม ก็หลายคน
ผู้ดำเนินการถามว่า บทสนทนาในวงดังกล่าวจะไปโยงกับกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ระบุว่าการชุมนุมจะไม่บานปลายได้หรือไม่ นายไทกร กล่าวว่า ตนมองว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนที่มองปัญหาการเมืองได้ลึกซึ้ง และคงรู้ว่ามีบางคนใช้สถานการณ์นี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ อ่านสถานการณ์นี้ออก
นายไทกร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการปล่อยข่าวออกมาจาก ถ.เพชรบุรี ว่า พันธมิตรฯ รับเงื่อนไขจาก คมช.เดิมมาเคลื่อนไหว เพื่อให้เกิดการปฏิวัติ แต่ถ้าดูการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่แน่นอน เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่ตามความรู้สึกของประชาชนอย่างแท้จริง นับตั้งแต่แถลงการณ์ฉบับแรก จนถึงฉบับล่าสุด
อย่างไรก็ตาม นายไทกร มองด้วยว่า กระบวนการปล่อยข่าวของพวกพรรคพลังประชาชน และเครือข่ายของเขานั้น ใช้ยุทธวิธีทางการเมืองแบบแนวร่วม และใช้กำลังในส่วนที่มีเพื่อยึดอำนาจ ซึ่งมองว่าการยึดอำนาจดังกล่าว น่าจะมีสองรูปแบบ คือ แบบแรกนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทนการกดดันภายในพรรคไม่ไหว ต้องใช้กฎหมายประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะทำให้อำนาจทั้งหมดมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นก็จับกุมตัวแกนนำพันธมิตรฯ เมื่อเหตุการณ์ไม่สงบ ช่วงนั้น ก็จะเป็นเรื่องการชิงไหวชิงพริบ ที่ผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรคอาจจะต้องใช้คนที่เป็นนายทหารที่ใกล้ชิดกับตนเอง และสามารถติดต่อกับนายทหารที่คุมกำลังได้ ดำเนินการยึดอีกครั้งหนึ่ง
นายไทกร กล่าวต่อว่า นายสมัคร คงไม่คิดไกลถึงตัวเองจะรัฐประหาร แกคงจะลังเลอยู่ ตอนนี้มีกระแสจากผู้มีอำนาจของพรรค และ ส.ส.ในพรรคที่บีบไปที่ตัวนายสมัครโดยตลอด ตอนนี้มีกระแสที่หนี่งคือ ความขัดแย้งของนายทหารโดยรวม ซึ่งเขาเล็งไว้ที่หน่วยหลักของ กทม. คือ แม่ทัพภาคหนึ่ง ที่อยู่ในเป้าหมายจะต้องโยกย้ายโดยด่วน ซึ่งเขากดดันมานานแล้วให้ย้ายนายทหารบางคนมานานแล้ว
ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์หรือไม่ว่า หากเกิดเหตุการณ์ตามที่ลือจริง ผู้ที่มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชน เขาจะได้อะไร นายไทกร กล่าวว่า เมื่อยึดอำนาจแล้ว ก็ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ใช้ประกาศของคณะยึดอำนาจแทน และยกเลิกการสืบสวนสอบสวนที่เป็นภัยต่อตนเองทั้งหมด และประกาศยกเลิกคำพิพากษาตัดสิทธิซากไทยรักไทย ทั้ง 111 คน ล้างทั้งหมด
ประการที่สอง หลังจากยึดอำนาจแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เขาจะไม่เป็นผู้นำเอง ก็จะให้นอมินี จากการรัฐประหารมานั่งเป็นรัฐบาล แล้วก็ใช้กำลังคุมข่าวสาร เพิกถอนการอายัดทรัพย์ของเขาทั้งหมด ก็จะมีรัฐบาลรัฐประหารที่ควบคุมอำนาจโดย พ.ต.ท.ทักษิณ นี่คือสิ่งที่เขาวางแผนไว้
"ผมมองว่าสถานการณ์ หากรัฐบาลปล่อยให้ชุมนุมยืดเยื้อไป ไม่ทำอะไร หรือไม่มีมาตรการแก้ไข หรือไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นคนชั้นกลาง มีความรู้ รัฐบาลก็จะอยู่ในสภาพไร้เสถียรภาพ ไม่สามมารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็เหมือนสมัยตอนปลายรัฐบาลทักษิณ ที่พี่น้องประชาชนไปปิดล้อมทำเนียบฯ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เข้าทำงานเลย ก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ สุดท้ายก็เหมือน รูปปั้นไป ตั้งในทำเนียบฯ ไม่สามารถจะจัดการอะไรได้ นั่นก็จะเป็นจุดเปลี่ยนที่จะเกิดขั้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉะนั้นการตัดสินใจอะไร ก็คงจะภายใน 5-6วันข้างหน้านี้ล่ะ"นายไทกร กล่าว
วานนี้ (27 พ.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงานกลุ่มอีสานกู้ชาติ กล่าวในรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ว่า ได้ยินกระแสข่าวรัฐประหารออกมาจากพรรคพลังประชาชน โดยพวกเขาคุยกันเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ทั้งส.ส.ระดับหนึ่งสมัย และแกนนำพรรค รวมทั้งคนแวดล้อมที่มีอำนาจในพรรค
"พรรคพลังประชาชนเขาบอกว่า เขามีบทเรียนในอดีตที่พรรคไทยรักไทยปล่อยให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย แล้วชะล่าใจ จนกระทั่งถูกคมช. ยึดอำนาจจากเขา เขาบอกว่าเขาจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแบบนั้นอีกแล้ว" นายไทกร ระบุ และว่า ในวงกาแฟตึกซัมมิท ที่อยู่ข้างที่ทำการพรรค หรือในห้องกาแฟของพรรคที่ถนนเพชรบุรีเอง ก็พูดทำนองเดียวกัน
นายไทกร กล่าวต่อว่า แต่ที่แน่ใจที่สุดก็คือได้รับทราบจากบุคคลที่มีความใกล้ชิดและน่าไว้วางใจของพวกพรรคพลังประชาชน ที่ได้ไปร่วมงานแต่งงานลูกสาวของนายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เมื่อคืนวาน (26 พ.ค.) ซึ่งวันนั้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ คนสำคัญหลายคนไปร่วมงาน ก็ตั้งวงวิเคราะห์สถานการณ์เรื่องนี้
"โดยผู้มีอำนาจเหนือพรรคฯ ย้ำว่าถ้าสองสามวันนี้ควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่ได้ เราก็ต้องทำเอง แต่คนของเราในการทำ ใช้กำลังทหารในส่วนของเราทำ" นายไทกร ระบุ และว่า เป็นคำพูดจากผู้มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชน
นายไทกร กล่าวด้วยว่า ตนมีความแน่ใจว่าเงื่อนไขที่เขาจะปฏิวัตินั้นไม่น่าจะเกิดจากพันธมิตรฯไปยุงยง แต่น่าจะเป็นการอาศัยเงื่อนไขในการชุมนุมของพันธมิตรฯ เป็นเงื่อนไขในการจุดประเด็น ปลดล็อกให้ตัวเอง ทั้งนี้ เชื่อว่าวิกฤตน่าจะภายใน 7 วันนี้ ที่ผู้มีอำนาจจะต้องตัดสินใจ เขามั่นใจ มีรัฐมนตรีคนหนึ่งพูดย้ำเรื่องเงื่อนเวลา โดยพูดขึ้นว่าน่าจะเป็น 2-3 วันนี้ ซึ่งรัฐมนตรีคนนี้มีลูกชายเป็น ส.ส.ขอนแก่น เป็นอดีตปลัดกระทรวงความมั่นคงภายใน มาเป็นรัฐมนตรีคนหนึ่ง
นายไทกร กล่าวอีกว่า ส่วนผู้มีอำนาจเหนือพรรคจะพูดเรื่องต้องทำเอง ในความหมายที่ทุกคนฟังในขณะนั้นก็แน่ใจว่า ถ้าจะมีการใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจ ต้องเป็นการกระทำของพรรคพลังประชาน และส.ส.พรรคพลังประชาชน ทุกคนก็มั่นใจอย่างนั้น ตนบอกพี่น้องสื่อมวลชนไปถาม ส.ส.พรรคพลังประชาชนได้เลยว่า ถ้ายึดอำนาจคราวนี้ เขามั่นใจได้เลยว่า เขาเป็นคนทำ
ทั้งนี้ นายไทกร ระบุด้วยว่าในวงสนทนาดังกล่าว มีทหารร่วมอยู่ด้วยบ้าง แต่เป็นทหารคนสนิทของอดีตหัวหน้าพรรคฯ แต่ทหารเหล่านี้ไม่ได้มีตำแหน่งสำคัญในการคุมกำลัง เป็นแค่ที่ปรึกษากองทัพ ยศ พล.อ.บ้าง ผู้ทรงคุณวุฒิฯ แต่ไม่มีทหารที่คุมกำลังเข้าไปในวง ส่วนใหญ่เป็นทหารการเมือง ซึ่งถ้าดูจากหน้าตาแล้ว ก็เทียบรุ่นได้ หลายคนก็เคยติดตาม พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม ก็หลายคน
ผู้ดำเนินการถามว่า บทสนทนาในวงดังกล่าวจะไปโยงกับกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ระบุว่าการชุมนุมจะไม่บานปลายได้หรือไม่ นายไทกร กล่าวว่า ตนมองว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นคนที่มองปัญหาการเมืองได้ลึกซึ้ง และคงรู้ว่ามีบางคนใช้สถานการณ์นี้ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ อ่านสถานการณ์นี้ออก
นายไทกร กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการปล่อยข่าวออกมาจาก ถ.เพชรบุรี ว่า พันธมิตรฯ รับเงื่อนไขจาก คมช.เดิมมาเคลื่อนไหว เพื่อให้เกิดการปฏิวัติ แต่ถ้าดูการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่แน่นอน เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่ตามความรู้สึกของประชาชนอย่างแท้จริง นับตั้งแต่แถลงการณ์ฉบับแรก จนถึงฉบับล่าสุด
อย่างไรก็ตาม นายไทกร มองด้วยว่า กระบวนการปล่อยข่าวของพวกพรรคพลังประชาชน และเครือข่ายของเขานั้น ใช้ยุทธวิธีทางการเมืองแบบแนวร่วม และใช้กำลังในส่วนที่มีเพื่อยึดอำนาจ ซึ่งมองว่าการยึดอำนาจดังกล่าว น่าจะมีสองรูปแบบ คือ แบบแรกนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ทนการกดดันภายในพรรคไม่ไหว ต้องใช้กฎหมายประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งจะทำให้อำนาจทั้งหมดมาอยู่ที่นายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นก็จับกุมตัวแกนนำพันธมิตรฯ เมื่อเหตุการณ์ไม่สงบ ช่วงนั้น ก็จะเป็นเรื่องการชิงไหวชิงพริบ ที่ผู้มีอำนาจตัวจริงของพรรคอาจจะต้องใช้คนที่เป็นนายทหารที่ใกล้ชิดกับตนเอง และสามารถติดต่อกับนายทหารที่คุมกำลังได้ ดำเนินการยึดอีกครั้งหนึ่ง
นายไทกร กล่าวต่อว่า นายสมัคร คงไม่คิดไกลถึงตัวเองจะรัฐประหาร แกคงจะลังเลอยู่ ตอนนี้มีกระแสจากผู้มีอำนาจของพรรค และ ส.ส.ในพรรคที่บีบไปที่ตัวนายสมัครโดยตลอด ตอนนี้มีกระแสที่หนี่งคือ ความขัดแย้งของนายทหารโดยรวม ซึ่งเขาเล็งไว้ที่หน่วยหลักของ กทม. คือ แม่ทัพภาคหนึ่ง ที่อยู่ในเป้าหมายจะต้องโยกย้ายโดยด่วน ซึ่งเขากดดันมานานแล้วให้ย้ายนายทหารบางคนมานานแล้ว
ผู้ดำเนินรายการ ถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์หรือไม่ว่า หากเกิดเหตุการณ์ตามที่ลือจริง ผู้ที่มีอำนาจเหนือพรรคพลังประชาชน เขาจะได้อะไร นายไทกร กล่าวว่า เมื่อยึดอำนาจแล้ว ก็ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ใช้ประกาศของคณะยึดอำนาจแทน และยกเลิกการสืบสวนสอบสวนที่เป็นภัยต่อตนเองทั้งหมด และประกาศยกเลิกคำพิพากษาตัดสิทธิซากไทยรักไทย ทั้ง 111 คน ล้างทั้งหมด
ประการที่สอง หลังจากยึดอำนาจแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ เขาจะไม่เป็นผู้นำเอง ก็จะให้นอมินี จากการรัฐประหารมานั่งเป็นรัฐบาล แล้วก็ใช้กำลังคุมข่าวสาร เพิกถอนการอายัดทรัพย์ของเขาทั้งหมด ก็จะมีรัฐบาลรัฐประหารที่ควบคุมอำนาจโดย พ.ต.ท.ทักษิณ นี่คือสิ่งที่เขาวางแผนไว้
"ผมมองว่าสถานการณ์ หากรัฐบาลปล่อยให้ชุมนุมยืดเยื้อไป ไม่ทำอะไร หรือไม่มีมาตรการแก้ไข หรือไม่เป็นไปตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นคนชั้นกลาง มีความรู้ รัฐบาลก็จะอยู่ในสภาพไร้เสถียรภาพ ไม่สามมารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็เหมือนสมัยตอนปลายรัฐบาลทักษิณ ที่พี่น้องประชาชนไปปิดล้อมทำเนียบฯ แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เข้าทำงานเลย ก็เป็นรัฐบาลไม่ได้ สุดท้ายก็เหมือน รูปปั้นไป ตั้งในทำเนียบฯ ไม่สามารถจะจัดการอะไรได้ นั่นก็จะเป็นจุดเปลี่ยนที่จะเกิดขั้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ฉะนั้นการตัดสินใจอะไร ก็คงจะภายใน 5-6วันข้างหน้านี้ล่ะ"นายไทกร กล่าว