รอยเตอร์ -รัฐมนตรีกลาโหม โรเบิร์ต เกตส์ ของสหรัฐฯ ยอมรับเมื่อวันุพุธ (21) ว่าแม้กำลังทหารสหรัฐฯ จะประสบความสำเร็จขั้นต้นในการปราบปรามกลุ่มอัลกออิดะห์และกลุ่มอิสลามแนวทางสุดขั้วอื่นๆ แต่เรื่องนี้กลับส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายแยกย่อยเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยจนกำราบได้ยากขึ้น
"แผนการเข้าทำลายและควบคุมศูนย์บัญชาการ รวมทั้งทำลายแหล่งกบดานของฝ่ายศัตรูประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่ตอนหลังศัตรูสร้างเครือข่ายและกลุ่มเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์จำนวนมาก ที่ไม่ต้องขึ้นตรงต่อสายการบังคับบัญชาอย่างเข้มงวดอีกต่อไป" เกตส์กล่าวในการประเมินแบบมองการณ์แง่ร้ายที่สุดที่เขาเคยทำ เกี่ยวกับความคืบหน้าของการต่อสู้กับการก่อการร้ายต่อรัฐบาลบุช
"องค์กรก่อการร้ายได้กลายรูปมาเป็นกองกำลังอิสระที่มีขีดความสามารถในการปลุกเร้าผู้คนให้เข้าร่วมขบวนการได้โดยไม่ต้องมีการติดต่อกัน และยุยงให้ก่อเหตุรุนแรงโดยไม่ต้องมีคำสั่งโดยตรง"
เกตส์ยังบอกด้วยว่าภัยคุกคามจากกลุ่มเหล่านี้กำลังเพิ่มมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของการใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ กัมมันตภาพรังสี นิวเคลียร์ หรือกระทั่งอาวุธในโลกไซเบอร์
ทว่า เขาก็เห็นว่าอิรักและอัฟกานิสถานนั้นได้เปิดโอกาสให้สหรัฐฯ เอาชนะกลุ่มอัลกออิดะห์และเครือข่ายต่างๆ และเตือนว่าสหรัฐฯ ยังไม่ควรถอนกำลังทหารออกจากอิรัก
เกตส์ยังบอกด้วยว่าการจะเอาชนะในสมรภูมิทั้งสองนั้นจะ "ต้องโจมตีขั้นเด็ดขาดต่อรากฐานเชิงอุดมการณ์ของกลุ่มสุดขั้วทั้งหลาย"
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในอิรักและอัฟกานิสถาน สามารถใช้เป็นตัวแบบที่นำไปใช้ต่อต้านการก่อการร้ายในที่อื่นๆ
เขาได้อธิบายถึงกลยุทธ์พื้นฐานดังกล่าวว่า คือ การจัดกำลังขนาดเล็กโดยมีทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษให้เป็นแกน, เน้นการฝึกกองกำลังชั้นนำในท้องถิ่น, รวบรวมข่าวกรอง, เล็งเป้าหมายไปที่ตัวหัวหน้าและเครือข่ายสนับสนุน, แล้วร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯเอง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทั้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ
"แผนการเข้าทำลายและควบคุมศูนย์บัญชาการ รวมทั้งทำลายแหล่งกบดานของฝ่ายศัตรูประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่ตอนหลังศัตรูสร้างเครือข่ายและกลุ่มเคลื่อนไหวตามอุดมการณ์จำนวนมาก ที่ไม่ต้องขึ้นตรงต่อสายการบังคับบัญชาอย่างเข้มงวดอีกต่อไป" เกตส์กล่าวในการประเมินแบบมองการณ์แง่ร้ายที่สุดที่เขาเคยทำ เกี่ยวกับความคืบหน้าของการต่อสู้กับการก่อการร้ายต่อรัฐบาลบุช
"องค์กรก่อการร้ายได้กลายรูปมาเป็นกองกำลังอิสระที่มีขีดความสามารถในการปลุกเร้าผู้คนให้เข้าร่วมขบวนการได้โดยไม่ต้องมีการติดต่อกัน และยุยงให้ก่อเหตุรุนแรงโดยไม่ต้องมีคำสั่งโดยตรง"
เกตส์ยังบอกด้วยว่าภัยคุกคามจากกลุ่มเหล่านี้กำลังเพิ่มมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของการใช้อาวุธเคมี อาวุธชีวภาพ กัมมันตภาพรังสี นิวเคลียร์ หรือกระทั่งอาวุธในโลกไซเบอร์
ทว่า เขาก็เห็นว่าอิรักและอัฟกานิสถานนั้นได้เปิดโอกาสให้สหรัฐฯ เอาชนะกลุ่มอัลกออิดะห์และเครือข่ายต่างๆ และเตือนว่าสหรัฐฯ ยังไม่ควรถอนกำลังทหารออกจากอิรัก
เกตส์ยังบอกด้วยว่าการจะเอาชนะในสมรภูมิทั้งสองนั้นจะ "ต้องโจมตีขั้นเด็ดขาดต่อรากฐานเชิงอุดมการณ์ของกลุ่มสุดขั้วทั้งหลาย"
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในอิรักและอัฟกานิสถาน สามารถใช้เป็นตัวแบบที่นำไปใช้ต่อต้านการก่อการร้ายในที่อื่นๆ
เขาได้อธิบายถึงกลยุทธ์พื้นฐานดังกล่าวว่า คือ การจัดกำลังขนาดเล็กโดยมีทหารหน่วยปฏิบัติการพิเศษให้เป็นแกน, เน้นการฝึกกองกำลังชั้นนำในท้องถิ่น, รวบรวมข่าวกรอง, เล็งเป้าหมายไปที่ตัวหัวหน้าและเครือข่ายสนับสนุน, แล้วร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯเอง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทั้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ