เมื่อเร็วๆ นี้ผมไปงานศพ ผมนั่งติดกับ พล.ต.อ.เภา สารสิน จึงมีโอกาสได้คุยกัน พล.ต.อ.เภา สารสิน บอกว่าท่านอายุย่างเข้า 80 ปีแล้ว ตอนเช้าตีห้าครึ่ง ท่านจะไปว่ายน้ำที่โปโลคลับประมาณหนึ่งชั่วโมง ท่านแนะผมว่า พอแก่ตัวลงให้หาอะไรทำอย่าอยู่เฉยๆ ท่านเองเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นมา 16 ปีแล้ว และเป็นนายกสภามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงด้วย นอกจากนั้น ยังทำงานให้สภากาชาดไทย และเป็นประธานมูลนิธิโตโยต้า ท่านตั้งมูลนิธิของท่านเองช่วยเหลือเด็กยากจน และลูกตำรวจปราบปรามยาเสพติดที่ถูกผู้ร้ายยิงตาย ดังนั้น ท่านจึงยังกระฉับกระเฉงอยู่ ยังตีกอล์ฟ และว่ายน้ำได้
ผมถามว่า ตอนไหนที่ท่านรู้สึกว่าแก่ลง มีอะไรบอกเหตุหรือไม่ ท่านตอบว่า ตีกอล์ฟสั้นลงกว่าแต่ก่อน และหัวเข่าไม่ดีต้องผ่าตัด
พล.ต.อ.เภา เป็นผู้อาวุโสที่มีความสุข ท่านมีหลาน 6 คน ทำให้ผมนึกถึงการใช้ชีวิตในวัยชรา เวลานี้คนอายุ 70-80 ปี ยังมีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่แยะ โดยเฉพาะพวกที่ยังทำงานอยู่ แต่ต้องเป็นงานที่ไม่ต้องการพลังความคิด และกำลังกายมากนัก
กิจกรรมที่คนอายุมากไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก ก็คือ การเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกำลังความคิดมาก ท่านปรีดี เคยปรารภว่า ยามที่ท่านมีอำนาจนั้น ท่านก็ด้อยประสบการณ์ แต่เมื่อท่านมีประสบการณ์ ท่านก็ไม่มีอำนาจ อายุกับประสบการณ์นั้น บางทีก็ไปด้วยกัน แต่คนสูงอายุก็ไม่ใช่ว่าจะมีประสบการณ์ทุกคนไป บางทีประสบการณ์ที่มีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการที่ต้องรับผิดชอบได้
อย่างตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นต้น เวลานี้นายกรัฐมนตรีอายุ 70 กว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่ง นายสมัครคงไม่เคยคาดหวัง และไม่ได้เตรียมตัวที่จะมารับผิดชอบภารกิจนี้ พอเป็นเข้าจึงออกมาบ่นทุกอาทิตย์ สังเกตว่าคงจะหมด “ไฟ” หรือความกระตือรือร้นที่จะทำงานใหญ่ขนาดนี้แล้ว หรือจะทำอย่างสองจิตสองใจเพราะขาดการยอมรับจากคนในพรรค ซึ่งต้องการพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า
คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ก็จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการทำงานของสมอง คือ
1. การพูด และเล่าเรื่องซ้ำซาก เล่าแล้วเล่าอีกเพราะลืมไปว่าเคยเล่ามาก่อน
2. จำเรื่องเก่าคนเก่าๆ ได้ แต่จำเรื่องใหม่ๆ ไม่ค่อยได้
3. ชอบบ่น
4. ไม่ชอบให้คนขัดใจ
5. ชอบนั่งรถเที่ยว
การเล่าเรื่องซ้ำๆ นี้ ไม่ต้องเป็นคนแก่ก็เล่าเรื่องซ้ำๆ ซากๆ ได้ เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนมาบอกผมว่า เพื่อนนักเรียนรุ่นพี่คนหนึ่งพูดไม่ค่อยดีเกี่ยวกับผมสามครั้งแล้ว พอทราบชื่อผมก็ไม่สนใจ เพราะรุ่นพี่คนนี้เคยมาชวนให้ผมทำนาฬิกาตราโรงเรียนขายเอาเงิน ราคาเรือนละเป็นแสน ผมก็ไม่เอา รุ่นพี่คนนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าแกชีกอ เวลามีงานประกวดนางสาวไทยของสมาคมนักเรียนเก่า ก็เสนอตัวไปเป็นกรรมการวัดส่วนสัดผู้เข้าประกวด โดยแกสร้างมาตรฐานขึ้นเองว่า ในการวัดทรวงอกของผู้เข้าประกวดนั้น ต้องเอาหัวนมเป็นกึ่งกลาง แล้วแกก็ชอบคุยโม้ด้วยความภาคภูมิใจ ผมก็ไม่ถือสาคนแก่ประเภทนี้ เพราะเป็นคนที่มีอะไรแปลกๆ
คนแก่ที่ไม่ขี้บ่นก็มี อย่างย่าผมไม่เป็นคนขี้บ่นเลย ลูกหลานก็สบายใจ คนแก่บางคนบ่นทุกเรื่อง เวลาทีวีมีโฆษณาก็บ่น เล่นไพ่ตองเสียก็บ่น
นายสมัครมาออกทีวีมีคนตั้งชื่อให้ว่า “ด่าไปบ่นไป” เพราะแทนที่จะพูดเรื่องอนาคตของประเทศ การแก้ไขปัญหาของชาติก็มาบ่น คนฟังก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะนายสมัครรู้อยู่คนเดียว อย่างการพูดถึง “ไอ้หัวเถิก” คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร บางคนก็บอกว่าหมายถึง คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา แต่คุณปีย์ก็ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตอะไร หากจะนัดใครไปกินข้าว ใครไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป หรือไปแล้วจะนั่งเฉยๆ ไม่พูดอะไร คุณปีย์ก็คงจะไม่ว่าอะไร
ผมเติบโตมาโดยย่าเป็นคนเลี้ยง ดังนั้นผมจึงชินกับคนแก่ การกินอาหารก็กินแบบคนแก่ คือ กินข้าวคลุกปลาช่อนทอด คลุกน้ำปลาแล้วมีมะม่วงสุกแนมด้วย เป็นต้น นอกจากนั้น ย่าก็สอนให้ล้างเท้าก่อนนอนซึ่งผมก็ติดมาจนทุกวันนี้
ผมฟังคนบ่นเรื่องการเมืองมาก เรื่องที่บ่นมากที่สุดก็เห็นจะเป็นพฤติกรรมของนักการเมืองบางคนที่คนบ่นๆ เจ็บๆ ว่าเป็นพวก “คางคกขึ้นวอ” สรุปก็คือผู้คนไม่ชอบคนพูดจาสามหาว ทำท่ากร่าง ดูแล้วก็เกิดความหมั่นไส้
คนแก่ที่มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข กินอาหารดีๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีจิตใจเบิกบาน มองโลกในแง่ดีอย่างเช่น คุณเภา สารสิน มีอยู่หลายคน เวลาเราพบคนเหล่านี้เราก็สบายใจ หากเราไม่อยากรำคาญก็ปิดทีวีรายการที่มีคนชอบบ่นออกมา ก็สิ้นเรื่อง.
ผมถามว่า ตอนไหนที่ท่านรู้สึกว่าแก่ลง มีอะไรบอกเหตุหรือไม่ ท่านตอบว่า ตีกอล์ฟสั้นลงกว่าแต่ก่อน และหัวเข่าไม่ดีต้องผ่าตัด
พล.ต.อ.เภา เป็นผู้อาวุโสที่มีความสุข ท่านมีหลาน 6 คน ทำให้ผมนึกถึงการใช้ชีวิตในวัยชรา เวลานี้คนอายุ 70-80 ปี ยังมีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่แยะ โดยเฉพาะพวกที่ยังทำงานอยู่ แต่ต้องเป็นงานที่ไม่ต้องการพลังความคิด และกำลังกายมากนัก
กิจกรรมที่คนอายุมากไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องมากนัก ก็คือ การเมือง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกำลังความคิดมาก ท่านปรีดี เคยปรารภว่า ยามที่ท่านมีอำนาจนั้น ท่านก็ด้อยประสบการณ์ แต่เมื่อท่านมีประสบการณ์ ท่านก็ไม่มีอำนาจ อายุกับประสบการณ์นั้น บางทีก็ไปด้วยกัน แต่คนสูงอายุก็ไม่ใช่ว่าจะมีประสบการณ์ทุกคนไป บางทีประสบการณ์ที่มีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจการที่ต้องรับผิดชอบได้
อย่างตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นต้น เวลานี้นายกรัฐมนตรีอายุ 70 กว่า ก่อนเข้ารับตำแหน่ง นายสมัครคงไม่เคยคาดหวัง และไม่ได้เตรียมตัวที่จะมารับผิดชอบภารกิจนี้ พอเป็นเข้าจึงออกมาบ่นทุกอาทิตย์ สังเกตว่าคงจะหมด “ไฟ” หรือความกระตือรือร้นที่จะทำงานใหญ่ขนาดนี้แล้ว หรือจะทำอย่างสองจิตสองใจเพราะขาดการยอมรับจากคนในพรรค ซึ่งต้องการพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า
คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ก็จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะการทำงานของสมอง คือ
1. การพูด และเล่าเรื่องซ้ำซาก เล่าแล้วเล่าอีกเพราะลืมไปว่าเคยเล่ามาก่อน
2. จำเรื่องเก่าคนเก่าๆ ได้ แต่จำเรื่องใหม่ๆ ไม่ค่อยได้
3. ชอบบ่น
4. ไม่ชอบให้คนขัดใจ
5. ชอบนั่งรถเที่ยว
การเล่าเรื่องซ้ำๆ นี้ ไม่ต้องเป็นคนแก่ก็เล่าเรื่องซ้ำๆ ซากๆ ได้ เมื่อเร็วๆ นี้ มีคนมาบอกผมว่า เพื่อนนักเรียนรุ่นพี่คนหนึ่งพูดไม่ค่อยดีเกี่ยวกับผมสามครั้งแล้ว พอทราบชื่อผมก็ไม่สนใจ เพราะรุ่นพี่คนนี้เคยมาชวนให้ผมทำนาฬิกาตราโรงเรียนขายเอาเงิน ราคาเรือนละเป็นแสน ผมก็ไม่เอา รุ่นพี่คนนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าแกชีกอ เวลามีงานประกวดนางสาวไทยของสมาคมนักเรียนเก่า ก็เสนอตัวไปเป็นกรรมการวัดส่วนสัดผู้เข้าประกวด โดยแกสร้างมาตรฐานขึ้นเองว่า ในการวัดทรวงอกของผู้เข้าประกวดนั้น ต้องเอาหัวนมเป็นกึ่งกลาง แล้วแกก็ชอบคุยโม้ด้วยความภาคภูมิใจ ผมก็ไม่ถือสาคนแก่ประเภทนี้ เพราะเป็นคนที่มีอะไรแปลกๆ
คนแก่ที่ไม่ขี้บ่นก็มี อย่างย่าผมไม่เป็นคนขี้บ่นเลย ลูกหลานก็สบายใจ คนแก่บางคนบ่นทุกเรื่อง เวลาทีวีมีโฆษณาก็บ่น เล่นไพ่ตองเสียก็บ่น
นายสมัครมาออกทีวีมีคนตั้งชื่อให้ว่า “ด่าไปบ่นไป” เพราะแทนที่จะพูดเรื่องอนาคตของประเทศ การแก้ไขปัญหาของชาติก็มาบ่น คนฟังก็ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะนายสมัครรู้อยู่คนเดียว อย่างการพูดถึง “ไอ้หัวเถิก” คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร บางคนก็บอกว่าหมายถึง คุณปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา แต่คุณปีย์ก็ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตอะไร หากจะนัดใครไปกินข้าว ใครไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป หรือไปแล้วจะนั่งเฉยๆ ไม่พูดอะไร คุณปีย์ก็คงจะไม่ว่าอะไร
ผมเติบโตมาโดยย่าเป็นคนเลี้ยง ดังนั้นผมจึงชินกับคนแก่ การกินอาหารก็กินแบบคนแก่ คือ กินข้าวคลุกปลาช่อนทอด คลุกน้ำปลาแล้วมีมะม่วงสุกแนมด้วย เป็นต้น นอกจากนั้น ย่าก็สอนให้ล้างเท้าก่อนนอนซึ่งผมก็ติดมาจนทุกวันนี้
ผมฟังคนบ่นเรื่องการเมืองมาก เรื่องที่บ่นมากที่สุดก็เห็นจะเป็นพฤติกรรมของนักการเมืองบางคนที่คนบ่นๆ เจ็บๆ ว่าเป็นพวก “คางคกขึ้นวอ” สรุปก็คือผู้คนไม่ชอบคนพูดจาสามหาว ทำท่ากร่าง ดูแล้วก็เกิดความหมั่นไส้
คนแก่ที่มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข กินอาหารดีๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีจิตใจเบิกบาน มองโลกในแง่ดีอย่างเช่น คุณเภา สารสิน มีอยู่หลายคน เวลาเราพบคนเหล่านี้เราก็สบายใจ หากเราไม่อยากรำคาญก็ปิดทีวีรายการที่มีคนชอบบ่นออกมา ก็สิ้นเรื่อง.