xs
xsm
sm
md
lg

เอสแฟร์ปรับแผนชี้ไตรมาสสองแย่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – บอสใหญ่ซีเอ็มจี ประเมินสถานการณ์ไตรมาสสองแย่ ปัจจัยลบเพียบ หวั่นตลาดหดตัว กำลังซื้อลดลง ปรับแผนเสื้อเอสแฟร์ เร่งออกคอลเลคชั่นใหม่เร็วขึ้น ขยายตลาดต่างประเทศ คาดทั้งปีโต 15% ชี้ตลาดเสื้อผ้าไทยลำบาก

นายจักรพงษ์ เฉลิมชัย ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่ม APPAREL 1 บริษัท เซ็นทรัล เทรดดิ้ง จำกัด ในกลุ่มเซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป หรือซีเอ็มจี ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ เอสแฟร์ ซึ่งเป็นโลคอลแบรนด์ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมของไตรมาสที่สองของประเทศในขณะนี้เนื่องจากมีปัจจัยลบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ปัญหาความไม่นิ่งของการเมือง รวมทั้งฝนที่มาเร็วด้วย ทำให้การทำตลาดจากนี้ไปลำบากมากขึ้น
“กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดูได้จากลูกค้าของเราจากเดิมที่มีประมาณ 2,500-3,000 บาทต่อครั้ง แต่ตอนนี้ลดเหลือเฉลี่ย 1,500 บาทต่อครั้งเท่านั้น ส่วนการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆก็ทำลำบาก ต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ให้มากที่สุดก่อน”
ทั้งนี้บริษัทฯได้ปรับแผนดำเนินงานผลิตภัณฑ์ เอสแฟร์ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ โดยเฉพาะการกระตุ้นตลาดด้วยการออกคอลเลคชั่นใหม่ที่เร็วขึ้นกว่าแผนเดิม ล่าสุด เปิดตัว เสื้อขาวคอลเลคชั่นใหม่ ไวท์คอลเลคชั่น มี 2 รุ่นคือ เทฟล่อนเชิ๊ตและรุ่นแอนตี้แบคทีเรีย ราคา 1,690 บาท ในเดือนพฤษภาคมนี้ จากแผนเดิมจะเปิดตัวเดือนมิถุนายน และเร็วๆนี้จะออกคอลเลคชั่นใหม่กางเกงสแล็ค ซึ่งมีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 45%
ขณะที่คอลเลคชั่นซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็เปิดตัวตั้งแต่ต้นปีแล้ว ซึ่งปีที่แล้วออกรุ่น ลักซ์ชัวรี่ ราคา 1,600-1,800 บาท และรุ่นยังเอ็กซ์เซ็คคิวทีฟ ราคา 1,200 – 1,500 บาท ได้รับความนิยมมากและผลักดันให้ยอดขายรวมโตขึ้นอย่างมาก
รวมไปถึงการขยายตลาดส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นประเทศที่มีกำลังซื้อสูงมาก รวมทั้งประเทศอินเดียซึ่งเดิมมีผู้ประกอบการซื้อไปจำหน่ายอยู่แล้ว 1 ราย แต่ขณะนี้กำลังเจรจากับผู้ประกอบการรายใหม่อีกราย หากสรุปผลว่ารายใดมีเงื่อนไขที่ดีกว่าก็อาจจะเลือกเพียงรายเดียว ซึ่งอนาคตจะเป็นตลาดที่ใหญ่เพราะว่าภา ษีนำเข้าจะลดลงเหลือ 0% ตามกรอบของเอฟทีเอไทย-อินเดีย และตลาดอื่นๆเช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ส่งออกเพิ่มเป็น 20% จากเดิมมี 5% และเตรียมเปิดตลาดในประเทศที่กลุ่มเซ็นทรัลไปลงทุนค้าปลีกอีกด้วย
“ตลาดเสื้อผ้าบิสซิเนสแวร์ แข่งขันกันสูง แต่มีรายหลักจริงๆเพียง 3 แบรนด์คือ เอสแฟร์ จีคิว และแอร์โรว์ ซึ่งมีส่วนแบ่งรวมกันมากกว่า 40% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 4-5,000 ล้านบาทแล้ว ขณะที่ตลาดเสื้อผ้าโดยรวมนั้นมูลค่ามากว่า 10,000 ล้านบาท ก็แข่งขันกันสูงโดยเฉพาะอินเตอร์แบรนด์ที่จะเข้ามามากขึ้นในช่วง 2-3 ปีนี้ ยิ่งกระทบกับตลาดเสือผ้าโลคอลแบรนด์มากขึ้นด้วย”
ผลประกอบการปีที่แล้ว เอสแฟร์ มีรายได้รวม 400 กว่าล้านบาท เติบโต 5% ส่วน 4 เดือนแรกปีนี้เติบโต 20% คาดทั้งปีเติบโต 15% โดยมีสัดส่วนเสื้อเชิ๊ตสีขาวมากกว่า 35% ขณะที่มีช่องทางการจำหน่ายผ่านห้างสรรพสินค้ามากกว่า 70 จุด เป็นหลักกว่า 80% ที่เหลือ 20% เป็นส่งออก
กำลังโหลดความคิดเห็น