“ยามเฝ้าแผ่นดิน” เผย “ไอ้หัวเถิก” ที่ “นายกฯ หมัก” กล่าวหา คือคนที่พยายามปิดเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงจนสำเร็จ แต่กลับโดนนายกฯ ว่ากล่าว ขณะเดียวกันกลับปกป้อง “จักรภพ” ที่ถูกหลายฝ่ายตั้งขอสงสัยว่า มีแนวคิดอันตราย กรณีสปีชภาษาอังกฤษ พร้อมโต้นักวิชาการบางกลุ่ม กล่าวหา “ผู้จัดการ” เป็นดาวสยามยุคใหม่” ไม่แฟร์
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 13 พฤษภาคม นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบบสรรหา และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงสิ่งที่สะท้อนผ่านการพูดจาของ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2550 หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
โดยผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ไม่ใช่เอเอสทีวีแห่งเดียวที่เห็นว่า พฤติกรรมของนายจักรภพ เป็นปัญหาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่วันนี้สื่อมวลชนฉบับอื่นๆ ต่างมองว่า ทั้งการพูดจาและการแสดงออกของนายจักรภพ มันเข้าข่ายในลักษณะสะท้อนถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ควรตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เท่าที่เห็นนายสมัคร กลับออกมาปกป้อง ย้ำถึงคนหัวเถิกผ่านรายการ"สนทนาประสาสมัคร"
นอกจากจะไม่ตรวจสอบสปีชภาษาอังกฤษของ นายจักรภพ แล้ว นายสมัคร ยังดูดายอีก นอกจากนี้ยังดูดายถึงขั้นปล่อยให้ เว็บไซต์ที่ชื่อ chakridynasty.google.com เผยแพร่ข้อเขียนทุเรศๆ ไปทั่วประเทศติดต่อกันเป็นเวลานานนับเดือนโดยที่รัฐบาลไม่ดำเนินการอะไร สอดคล้องกับบทความที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ ฉบับวันที่ 13 พฤษภาคม ที่เห็นว่า แท้จริงคนที่นายสมัคร เรียกว่า “ไอ้หัวเถิก” คือ คนที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลบทิ้งข้อเขียนทุเรศออกจากสาระบบเว็บไซต์ในประเทศไทย
บทความดังกล่าว ยังระบุอีกว่า คนที่ได้เห็นเนื้อหาของบทความชิ้นนั้น เหมือนกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ได้เห็นทั่วกัน แล้วเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ และไม่คิดว่าเรื่องทุเรศๆ อย่างนี้ จะมีออกมาในประเทศ เมื่อพบเห็นก็ต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบถาม เพื่อให้มีการ ปิดแบบปัจจุบันทันด่วน กับเว็บไซต์ตัวนี้ไม่เฉพาะ ผบ.ตร. คนที่นายสมัคร พูดถึง แม้แต่ นายมั่น พัธโนทัย และ นายสือ ล้ออุทัย ปลัดฯ ไอซีที ก็ถูกเชิญเข้าพบ เพราะทั้งหมดมีหน้าที่ด้านนี้โดยตรง
แต่ก็อย่างที่บางกอกทูเดย์รายงาน คนพวกนี้ไร้น้ำยา และมิอาจจะสั่งปิดเว็บไซต์อุบาทว์ๆ อย่างนี้ได้ก็ได้ “ไอ้หัวเถิก” นี่แหละ ที่ช่วยกันคิดหาหนทางเพื่อ ปิดเว็บไซต์ทุเรศๆ ออกไปโดยเร็วหลังจากใช้ความพยายามประสานไปยังผู้บริหารระดับสูงของ JI-Net ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองตกเป็นเครื่องมือของ แก๊งอุบาทว์ สุดท้ายเว็บไซต์ และข้อเขียนชิ้นนั้นก็ถูกลบทิ้งออกไปจากสาระบบเว็บไซต์ของเมืองไทยได้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา
เสียดายที่ นายสมัคร ซึ่งได้รับข้อมูลนี้จากพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง แต่กลับไม่อ่านให้ชัดถ้อยกระทงความ และไม่ทำการตรวจสอบด้วยซ้ำ ที่“ไอ้หัวเถิก”ต้องเชิญให้ใครต่อใครมาพบ ก็เพื่อให้ช่วยกันหาทาง ปิดเว็บไซต์ ที่มี บทความอุบาทว์ๆ นั่นเอง ขณะเดียวกันผู้ดำเนินรายการ ยังเห็นด้วยกับกรณีที่บทความดังกล่าวเรียกร้องให้นายสมัคร นำต้นฉบับสปีชภาษาอังกฤษพร้อมคำแปลภาษาไทยของนายจักรภพ มาเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับรู้รับฟัง อย่าปกป้องคนผิด
อีกทั้งจะได้ชัดเจนเสียทีว่า ตรรกะที่กล่าวหา นายสนธิ ลิ้มทองกุล (ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือมาเป็นข้ออ้างในการทำลายล้างทางการเมืองมันผิด รัฐบาลจงใจโกหก นายสมัคร จะนิ่งเฉยกางปีกปกป้องนายจักรภพอยู่อีกหรือไม่
ข้อหา “ดาวสยามยุคใหม่”ไม่แฟร์
จากนั้น ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกล่าวกรณีที่สื่อมวลชนเครือผู้จัดการ ถูกกล่าวหาจากนักวิชาการบางคน โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่อ้างว่า เครือผู้จัดการกำลังจุดชนวนให้เกิดความรุนแรง เหมือนกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และสถานีวิทยุยานเกราะ ขยายความ “ละครแขวนคอ” จนนำไปสู่ความรุนแรงในช่วงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ว่า เป็นการกล่าวหาอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่เป็นธรรม เป็นการจับเอาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากรายการวิทยุ Metro Life ซึ่งภายหลังก็มีการประกาศขอโทษแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ดังนั้น การกล่าวหาว่าเรากุเรื่องขึ้น โดยที่ไม่ได้สืบค้นไปถึงต้นตอของนักวิชาการจึงไม่ถูกต้อง เป็นการกล่าวหาสื่อมวลชนเครือผู้จัดการอย่างไม่แฟร์ โดยเฉพาะหากนำไปเปรียบเทียบกับการนำเสนอบทความในเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน ที่นำบทความที่เนื้อหาบทความมีเนื้อหาที่หมิ่นแหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ทุกอย่างถูกทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง หนังสือเหล่านี้มีวางจำหน่ายตามแผง รัฐบาลต้องดำเนินการ อย่าปล่อยให้เสรีภาพเกินขอบเขต และนายสมัครต้องไม่รักสถาบันแต่ปากเท่านั้น
รายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี คืนวันที่ 13 พฤษภาคม นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระบบสรรหา และนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ ร่วมดำเนินรายการ ในช่วงแรกผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงสิ่งที่สะท้อนผ่านการพูดจาของ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ต่อที่ประชุมของสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2550 หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
โดยผู้ดำเนินรายการกล่าวว่า ไม่ใช่เอเอสทีวีแห่งเดียวที่เห็นว่า พฤติกรรมของนายจักรภพ เป็นปัญหาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่วันนี้สื่อมวลชนฉบับอื่นๆ ต่างมองว่า ทั้งการพูดจาและการแสดงออกของนายจักรภพ มันเข้าข่ายในลักษณะสะท้อนถึงความต้องการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ควรตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่เท่าที่เห็นนายสมัคร กลับออกมาปกป้อง ย้ำถึงคนหัวเถิกผ่านรายการ"สนทนาประสาสมัคร"
นอกจากจะไม่ตรวจสอบสปีชภาษาอังกฤษของ นายจักรภพ แล้ว นายสมัคร ยังดูดายอีก นอกจากนี้ยังดูดายถึงขั้นปล่อยให้ เว็บไซต์ที่ชื่อ chakridynasty.google.com เผยแพร่ข้อเขียนทุเรศๆ ไปทั่วประเทศติดต่อกันเป็นเวลานานนับเดือนโดยที่รัฐบาลไม่ดำเนินการอะไร สอดคล้องกับบทความที่ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ ฉบับวันที่ 13 พฤษภาคม ที่เห็นว่า แท้จริงคนที่นายสมัคร เรียกว่า “ไอ้หัวเถิก” คือ คนที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อลบทิ้งข้อเขียนทุเรศออกจากสาระบบเว็บไซต์ในประเทศไทย
บทความดังกล่าว ยังระบุอีกว่า คนที่ได้เห็นเนื้อหาของบทความชิ้นนั้น เหมือนกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ได้เห็นทั่วกัน แล้วเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ และไม่คิดว่าเรื่องทุเรศๆ อย่างนี้ จะมีออกมาในประเทศ เมื่อพบเห็นก็ต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบถาม เพื่อให้มีการ ปิดแบบปัจจุบันทันด่วน กับเว็บไซต์ตัวนี้ไม่เฉพาะ ผบ.ตร. คนที่นายสมัคร พูดถึง แม้แต่ นายมั่น พัธโนทัย และ นายสือ ล้ออุทัย ปลัดฯ ไอซีที ก็ถูกเชิญเข้าพบ เพราะทั้งหมดมีหน้าที่ด้านนี้โดยตรง
แต่ก็อย่างที่บางกอกทูเดย์รายงาน คนพวกนี้ไร้น้ำยา และมิอาจจะสั่งปิดเว็บไซต์อุบาทว์ๆ อย่างนี้ได้ก็ได้ “ไอ้หัวเถิก” นี่แหละ ที่ช่วยกันคิดหาหนทางเพื่อ ปิดเว็บไซต์ทุเรศๆ ออกไปโดยเร็วหลังจากใช้ความพยายามประสานไปยังผู้บริหารระดับสูงของ JI-Net ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองตกเป็นเครื่องมือของ แก๊งอุบาทว์ สุดท้ายเว็บไซต์ และข้อเขียนชิ้นนั้นก็ถูกลบทิ้งออกไปจากสาระบบเว็บไซต์ของเมืองไทยได้ เมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา
เสียดายที่ นายสมัคร ซึ่งได้รับข้อมูลนี้จากพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่ง แต่กลับไม่อ่านให้ชัดถ้อยกระทงความ และไม่ทำการตรวจสอบด้วยซ้ำ ที่“ไอ้หัวเถิก”ต้องเชิญให้ใครต่อใครมาพบ ก็เพื่อให้ช่วยกันหาทาง ปิดเว็บไซต์ ที่มี บทความอุบาทว์ๆ นั่นเอง ขณะเดียวกันผู้ดำเนินรายการ ยังเห็นด้วยกับกรณีที่บทความดังกล่าวเรียกร้องให้นายสมัคร นำต้นฉบับสปีชภาษาอังกฤษพร้อมคำแปลภาษาไทยของนายจักรภพ มาเผยแพร่ผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับรู้รับฟัง อย่าปกป้องคนผิด
อีกทั้งจะได้ชัดเจนเสียทีว่า ตรรกะที่กล่าวหา นายสนธิ ลิ้มทองกุล (ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้สถาบันเป็นเครื่องมือมาเป็นข้ออ้างในการทำลายล้างทางการเมืองมันผิด รัฐบาลจงใจโกหก นายสมัคร จะนิ่งเฉยกางปีกปกป้องนายจักรภพอยู่อีกหรือไม่
ข้อหา “ดาวสยามยุคใหม่”ไม่แฟร์
จากนั้น ผู้ดำเนินรายการ ได้กล่าวถึงกล่าวกรณีที่สื่อมวลชนเครือผู้จัดการ ถูกกล่าวหาจากนักวิชาการบางคน โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่อ้างว่า เครือผู้จัดการกำลังจุดชนวนให้เกิดความรุนแรง เหมือนกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และสถานีวิทยุยานเกราะ ขยายความ “ละครแขวนคอ” จนนำไปสู่ความรุนแรงในช่วงวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ว่า เป็นการกล่าวหาอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่เป็นธรรม เป็นการจับเอาความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากรายการวิทยุ Metro Life ซึ่งภายหลังก็มีการประกาศขอโทษแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ดังนั้น การกล่าวหาว่าเรากุเรื่องขึ้น โดยที่ไม่ได้สืบค้นไปถึงต้นตอของนักวิชาการจึงไม่ถูกต้อง เป็นการกล่าวหาสื่อมวลชนเครือผู้จัดการอย่างไม่แฟร์ โดยเฉพาะหากนำไปเปรียบเทียบกับการนำเสนอบทความในเว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน ที่นำบทความที่เนื้อหาบทความมีเนื้อหาที่หมิ่นแหม่ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างชัดเจน ทุกอย่างถูกทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง หนังสือเหล่านี้มีวางจำหน่ายตามแผง รัฐบาลต้องดำเนินการ อย่าปล่อยให้เสรีภาพเกินขอบเขต และนายสมัครต้องไม่รักสถาบันแต่ปากเท่านั้น