วานนี้ (12 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)สำนักงานอัยการสูงสุด สนามหลวง นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วยนายอนุรักษ์ จุรีมาศ รองหัวหน้าพรรค นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรค นายเกษม สรศักดิ์เกษม รองเลขาธิการพรรค และฝ่ายกฎหมายของพรรค นายอรรคพล สรสุชาติ สมาชิกพรรค เข้าพบ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะทำงานอัยการ คดียุบพรรคชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล นายถาวร พานิชพันธ์ รองอัยการสูงสุด นายเศกสรรค์ บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคณะกรรมการอัยการ (กอ.) นายสัมพันธ์ สาระธนะ อธิบดีอัยการฝ่ายพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ คณะทำงาน เพื่อให้ถ้อยคำด้วยวาจาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ นายเกษม เปิดเผยว่า ในวันนี้ จะเป็นการชี้แจงในประเด็นข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ในลักษณะเดียวกับที่เคยให้ปากคำกับกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่จะเพิ่มในส่วนของเจตนารมย์ข้อกฎหมาย เน้นทั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าวก่อนที่อัยการจะพิจารณาสั่งคดี
ภายหลัง นายบรรหาร และคณะ เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะทำงานอัยการนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ นายบรรหาร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นายนิกร นายเกษม และนายอนุรักษ์ เป็นผู้ชี้แจงข้อกฎหมาย ส่วนนายอรรคพล ในฐานะอดีต ส.ส.ร. เข้าชี้แจงเจตนารมณ์การร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 ซึ่งคณะทำงานอัยการได้รับฟังการชี้แจงและได้ซักถามเพิ่มเติมในบางประเด็น แต่อัยการไม่ได้ติดใจประเด็นใดเป็นพิเศษ เนื่องจากได้ส่งเอกสารชี้แจงล่วงหน้าแล้ว ถ้าจะมีการติดใจคงเป็นเรื่องที่มาของผู้ถูกกล่าวหามากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ตนจำรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งการชี้แจงครั้งนั้นคงเป็นการชี้แจงครั้งสุดท้าย
"เราไม่มีที่พึ่งแล้ว ก็ต้องพึ่งทางนี้ เพราะเป็นองค์กรกลางที่ให้ความยุติธรรม ก็สุดแท้แต่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ตามเหตุผล และการชี้แจงทั้งหมดที่มีอยู่ เราทำได้แค่ร้องขอความเป็นธรรม" นายบรรหารกล่าว
เมื่อถามถึงความมั่นใจหลังจากได้ชี้แจงต่อคณะทำงานอัยการ นายบรรหาร กล่าวเพียงว่า ตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายบรรหาร เดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ช่วงจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าลงจากรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน ฉว 5555 กทม. ได้เกิดสะดุดฟุตปาธ จนเกือบเสียหลักล้มลง สร้างความตกใจให้แก่ช่างภาพ และผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว รวมถึงเจ้าหน้าที่และประชาชนที่สังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง แต่โชคดีที่นายบรรหาร สามารถประคองตัวยืนขึ้นได้เองและเดินต่อไปได้อย่างปลอดภัย
ทั้งนี้ นายเกษม เปิดเผยว่า ในวันนี้ จะเป็นการชี้แจงในประเด็นข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ในลักษณะเดียวกับที่เคยให้ปากคำกับกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่จะเพิ่มในส่วนของเจตนารมย์ข้อกฎหมาย เน้นทั้ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. เพื่อขอความเป็นธรรมในคดีดังกล่าวก่อนที่อัยการจะพิจารณาสั่งคดี
ภายหลัง นายบรรหาร และคณะ เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะทำงานอัยการนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ นายบรรหาร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ นายนิกร นายเกษม และนายอนุรักษ์ เป็นผู้ชี้แจงข้อกฎหมาย ส่วนนายอรรคพล ในฐานะอดีต ส.ส.ร. เข้าชี้แจงเจตนารมณ์การร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 ซึ่งคณะทำงานอัยการได้รับฟังการชี้แจงและได้ซักถามเพิ่มเติมในบางประเด็น แต่อัยการไม่ได้ติดใจประเด็นใดเป็นพิเศษ เนื่องจากได้ส่งเอกสารชี้แจงล่วงหน้าแล้ว ถ้าจะมีการติดใจคงเป็นเรื่องที่มาของผู้ถูกกล่าวหามากกว่า แต่อย่างไรก็ดี ตนจำรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งการชี้แจงครั้งนั้นคงเป็นการชี้แจงครั้งสุดท้าย
"เราไม่มีที่พึ่งแล้ว ก็ต้องพึ่งทางนี้ เพราะเป็นองค์กรกลางที่ให้ความยุติธรรม ก็สุดแท้แต่ว่าจะพิจารณาอย่างไร ตามเหตุผล และการชี้แจงทั้งหมดที่มีอยู่ เราทำได้แค่ร้องขอความเป็นธรรม" นายบรรหารกล่าว
เมื่อถามถึงความมั่นใจหลังจากได้ชี้แจงต่อคณะทำงานอัยการ นายบรรหาร กล่าวเพียงว่า ตอบไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายบรรหาร เดินทางมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ช่วงจังหวะที่กำลังจะก้าวเท้าลงจากรถยนต์ส่วนตัว ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน ฉว 5555 กทม. ได้เกิดสะดุดฟุตปาธ จนเกือบเสียหลักล้มลง สร้างความตกใจให้แก่ช่างภาพ และผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว รวมถึงเจ้าหน้าที่และประชาชนที่สังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง แต่โชคดีที่นายบรรหาร สามารถประคองตัวยืนขึ้นได้เองและเดินต่อไปได้อย่างปลอดภัย
