รอยเตอร์ - ความฝันของฮิลลารี คลินตันที่จะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ดูเหมือนกำลังลางเลือนลงเต็มที ทว่า สมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนก็ได้รื้อฟื้นข้อเสนอทางเลือกแก้วิกฤตในพรรค โดยให้ บารัค โอบามา ควงคู่กับเธอ ร่วมทีมลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีเสียเลย
"พรรคจะต้องคิดหาทางออกในเรื่องนี้กันอย่างหนักมากในช่วงสองสามสัปดาห์ข้างหน้า" แฮโรลด์ ฟอร์ด อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และปัจจุบันเป็นประธานสภาคณะผู้นำของพรรคเดโมแครตบอก ภายหลังจากที่โอบามามีชัยชนะอย่างขาดลอยในนอร์ทแคโรไลนา อีกทั้งแพ้เพียงเฉียดฉิวต่อคลินตันในมลรัฐอินดีแอนาเมื่อวันอังคาร(6)
อันที่จริงแล้ว คนที่เปิดประเด็นเรื่อง "ซื้อตั๋วคู่" เช่นนี้ ก็คือตัวคลินตันเอง โดยเธอเคยบอกเมื่อครั้งที่เธอมีชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐเทกซัสและโอไฮโอว่า โอบามาควรลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีมากกว่า
ทว่า ความพ่ายแพ้แบบน่าผิดหวังหลังการเลือกตั้งขั้นต้นเมื่อวันอังคาร กลับทำให้โอบามาเป็นต่อยิ่งขึ้น เพราะเขาได้คะแนนในส่วนของคณะผู้แทนพรรคซึ่งมีสิทธิในการเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แซงหน้าคลินตันห่างออกไปอีก
คนในพรรคเดโมแครตส่วนหนึ่งเห็นว่า แนวคิดในการส่งโอบามา-คลินตันลงสมัครคู่กันในนามพรรคเดโมแครตนั้นน่าทึ่งทีเดียว และมองว่าโอบามาจะเดินหน้าไปได้อีกไกล ด้วยการประสานความแตกต่างภายในพรรค โดยที่มีคู่แข่งหัวแข็งอย่างคลินตันมาเป็นคู่ร่วมงาน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับจอห์น แมคเคน จากพรรครีพับลิกัน ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
ยิ่งกว่านั้น ผลการสำรวจความคิดเห็นของซีบีเอสนิวส์/นิวยอร์กไทมส์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งฝ่ายที่สนับสนุนโอบามาและที่สนับสนุนคลินตันต่างก็เห็นด้วยกับ "โครงการในฝัน" ที่ผู้สมัครทั้งสองจะลงชิงชัยในการเลือกตั้งใหญ่ปลายปีคู่กัน
"หลายคนหยุดคิดแล้วถามตัวเองว่าทำไมจะต้องเสนอชื่อคนที่ได้คะแนน 51 เปอร์เซ็นต์ ในเมื่อเราสามารถจะเสนอชื่อคู่ที่จะได้คะแนน 100 เปอร์เซ็นต์เลย" เป็นคำกล่าวของ แซม อารอรา โฆษกของกลุ่ม "เลือกทั้งคู่" ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้เสนอชื่อผู้สมัครของเคโมแครตทั้งสองคนคู่กันไป
แต่โอบามายังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เดวิด พลัฟฟ์ ผู้จัดการการเลือกตั้งของโอบามาบอกว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะโอบามายังมุ่งสนใจแต่เรื่องการชิงชัยในสนามเลือกตั้งที่เหลืออยู่ และเรื่องที่คณะผู้แทนระดับสูงของพรรค หรือซูเปอร์เดลีเกต ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเสนอชื่อใครเป็นตัวแทนของพรรค มากกว่า อีกทั้งโอบามาจะต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเลือกผู้ใดมาเป็นผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับเขา
ทางด้านทีมเลือกตั้งของคลินตัน ก็ยังไม่ตอบอะไรชัดเจนเช่นกัน โดยบอกแต่เพียงว่ายังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับทีมงานของโอบามา และอ้างว่าคลินตันเองก็เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคุยเรืองนี้
อย่างไรก็ตาม คนวงในของเดโมแครตเองบางคนก็ยังเกรงว่าโครงการในฝันนี้จะเป็นได้เพียงแค่ความฝันเท่านั้น นักยุทธศาสตร์คนหนึ่งซึ่งสนับสนุนคลินตันและเชื่อว่าตอนนี้เป็นโอกาสของโอบามาแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้สมัครทั้งสองจะเห็นว่าการลงสมัครคู่กันจะเป็นทางออกที่ดี
"ผมคิดว่าหากคลินตันได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เธอคงไม่เลือกใครมาเป็นรองประธานาธิบดีนอกจากโอบามา แต่หากมองจากมุมของโอบามาแล้ว เขาชูนโยบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงมาตลอด ผมเลยคิดว่าเขาอาจจะเลือกคนอื่นมากกว่า"
นอกจากนั้น เมื่อมองจากมุมมองของคลินตัน "ผมไม่รู้ว่าการเป็นรองประธานาธิบดีจะมีประโยชน์อะไรกับอนาคตทางการเมืองของเธอ ผมคิดว่าเธอสามารถจะมีอิทธิพลอย่างมหาศาลในวุฒิสภาต่อไปอีกเป็นเวลานาน" นักยุทธศาสตร์ผู้นี้บอก
"พรรคจะต้องคิดหาทางออกในเรื่องนี้กันอย่างหนักมากในช่วงสองสามสัปดาห์ข้างหน้า" แฮโรลด์ ฟอร์ด อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และปัจจุบันเป็นประธานสภาคณะผู้นำของพรรคเดโมแครตบอก ภายหลังจากที่โอบามามีชัยชนะอย่างขาดลอยในนอร์ทแคโรไลนา อีกทั้งแพ้เพียงเฉียดฉิวต่อคลินตันในมลรัฐอินดีแอนาเมื่อวันอังคาร(6)
อันที่จริงแล้ว คนที่เปิดประเด็นเรื่อง "ซื้อตั๋วคู่" เช่นนี้ ก็คือตัวคลินตันเอง โดยเธอเคยบอกเมื่อครั้งที่เธอมีชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้นที่รัฐเทกซัสและโอไฮโอว่า โอบามาควรลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีมากกว่า
ทว่า ความพ่ายแพ้แบบน่าผิดหวังหลังการเลือกตั้งขั้นต้นเมื่อวันอังคาร กลับทำให้โอบามาเป็นต่อยิ่งขึ้น เพราะเขาได้คะแนนในส่วนของคณะผู้แทนพรรคซึ่งมีสิทธิในการเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แซงหน้าคลินตันห่างออกไปอีก
คนในพรรคเดโมแครตส่วนหนึ่งเห็นว่า แนวคิดในการส่งโอบามา-คลินตันลงสมัครคู่กันในนามพรรคเดโมแครตนั้นน่าทึ่งทีเดียว และมองว่าโอบามาจะเดินหน้าไปได้อีกไกล ด้วยการประสานความแตกต่างภายในพรรค โดยที่มีคู่แข่งหัวแข็งอย่างคลินตันมาเป็นคู่ร่วมงาน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับจอห์น แมคเคน จากพรรครีพับลิกัน ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
ยิ่งกว่านั้น ผลการสำรวจความคิดเห็นของซีบีเอสนิวส์/นิวยอร์กไทมส์ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งฝ่ายที่สนับสนุนโอบามาและที่สนับสนุนคลินตันต่างก็เห็นด้วยกับ "โครงการในฝัน" ที่ผู้สมัครทั้งสองจะลงชิงชัยในการเลือกตั้งใหญ่ปลายปีคู่กัน
"หลายคนหยุดคิดแล้วถามตัวเองว่าทำไมจะต้องเสนอชื่อคนที่ได้คะแนน 51 เปอร์เซ็นต์ ในเมื่อเราสามารถจะเสนอชื่อคู่ที่จะได้คะแนน 100 เปอร์เซ็นต์เลย" เป็นคำกล่าวของ แซม อารอรา โฆษกของกลุ่ม "เลือกทั้งคู่" ซึ่งเป็นกลุ่มที่สนับสนุนให้เสนอชื่อผู้สมัครของเคโมแครตทั้งสองคนคู่กันไป
แต่โอบามายังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เดวิด พลัฟฟ์ ผู้จัดการการเลือกตั้งของโอบามาบอกว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะโอบามายังมุ่งสนใจแต่เรื่องการชิงชัยในสนามเลือกตั้งที่เหลืออยู่ และเรื่องที่คณะผู้แทนระดับสูงของพรรค หรือซูเปอร์เดลีเกต ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเสนอชื่อใครเป็นตัวแทนของพรรค มากกว่า อีกทั้งโอบามาจะต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเลือกผู้ใดมาเป็นผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับเขา
ทางด้านทีมเลือกตั้งของคลินตัน ก็ยังไม่ตอบอะไรชัดเจนเช่นกัน โดยบอกแต่เพียงว่ายังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับทีมงานของโอบามา และอ้างว่าคลินตันเองก็เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะคุยเรืองนี้
อย่างไรก็ตาม คนวงในของเดโมแครตเองบางคนก็ยังเกรงว่าโครงการในฝันนี้จะเป็นได้เพียงแค่ความฝันเท่านั้น นักยุทธศาสตร์คนหนึ่งซึ่งสนับสนุนคลินตันและเชื่อว่าตอนนี้เป็นโอกาสของโอบามาแล้ว ก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้สมัครทั้งสองจะเห็นว่าการลงสมัครคู่กันจะเป็นทางออกที่ดี
"ผมคิดว่าหากคลินตันได้รับเลือกเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เธอคงไม่เลือกใครมาเป็นรองประธานาธิบดีนอกจากโอบามา แต่หากมองจากมุมของโอบามาแล้ว เขาชูนโยบายเรื่องการเปลี่ยนแปลงมาตลอด ผมเลยคิดว่าเขาอาจจะเลือกคนอื่นมากกว่า"
นอกจากนั้น เมื่อมองจากมุมมองของคลินตัน "ผมไม่รู้ว่าการเป็นรองประธานาธิบดีจะมีประโยชน์อะไรกับอนาคตทางการเมืองของเธอ ผมคิดว่าเธอสามารถจะมีอิทธิพลอย่างมหาศาลในวุฒิสภาต่อไปอีกเป็นเวลานาน" นักยุทธศาสตร์ผู้นี้บอก
