นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรค(วิป) ฝ่ายค้าน แถลงว่า วิปฝ่ายค้านมีมติให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาความเป็นรัฐมนตรีของ นายสุธา ชันแสง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174 กรณีคุณสมบัติจบปริญญาตรีหรือเทียบเท่าหรือไม่
ทั้งนี้ พรรคได้ตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา นายสุธาไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้ต่อสาธารณชน ซึ่งคณะทำงานฝ่ายค้าน เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปเบื้องต้นว่า รัฐมนตรีน่าจะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174 ทั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายค้านจะยกร่างคำร้อง และจะยื่นคำร้องได้ ภายในสัปดาห์นี้ และวันที่ 6 พ.ค.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรค เพื่อได้ร่วมลงนาม ยื่นตีความคุณสมบัติ โดยหลังจากประธานสภาได้รับเรื่องจะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า วิปฝ่ายค้านยังมีมติยื่นคำร้องถอดถอน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่ามีพฤติกรรมเข้าข่าย สามารถใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 270, 271 ถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ เพราะ ส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่กระทำการขัดต่อกฎหมาย แม้ที่ผ่านมาฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้หรือสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่จากการให้คำตอบต่อสาธารณะชนและต่อสภา ของนายจักรภพ ยืนยันได้ว่า มีการใช้อำนาจหน้าที่ส่อว่าจงใจที่จะกระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรรมนูญและต่อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป คือการยกร่างคำร้องถอดถอนและยื่นต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไป ซึ่งพรรคฝ่ายค้านตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ และพร้อมที่จะให้ปากคำ ป.ป.ช. โดยที่ผ่านมา นายจักรภพ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่แทรกแซง การทำงานของสื่อมวลชน ซึ่งรัฐธรรมนูญรับรองสิทธิผู้ที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน ดังจะเห็นจากเรื่องที่พรรคเคยตั้งกระทู้ไปก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที หรือ อสมท.
นี่เป็นรัฐมนตรีสองท่าน ซึ่งเราเห็นว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายที่ต้องดำเนินการ ตรวจสอบตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญและเป็นการยืนยันว่าฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำงานโดยยึดถือประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เป็นหลัก
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนรัฐมนตรีอีก 2 กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน และมีการปกปิดหรือกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการจัดการหุ้นส่วนของรัฐมนตรี คือ นายไชยยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข และ นายวิฬุร เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ หนังสือของป.ป.ช. ได้ส่งมาถึงสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ทางฝ่ายค้านจะทวงถามเรื่องนี้ ต่อที่ประชุมสภาว่า สภาจะดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้สภาจะต้องเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ มติของป.ป.ช. ที่ชี้มูลเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐมนตรีเคารพกฎหมาย และรัฐมสภาซึ่งดำเนินการโดย เสียงข้างมาก เคารพกฎหมายหรือไม่เพียงใด
ทั้งนี้ พรรคได้ตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา นายสุธาไม่ได้ชี้แจงเรื่องนี้ต่อสาธารณชน ซึ่งคณะทำงานฝ่ายค้าน เห็นว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปเบื้องต้นว่า รัฐมนตรีน่าจะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 174 ทั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายค้านจะยกร่างคำร้อง และจะยื่นคำร้องได้ ภายในสัปดาห์นี้ และวันที่ 6 พ.ค.จะนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมพรรค เพื่อได้ร่วมลงนาม ยื่นตีความคุณสมบัติ โดยหลังจากประธานสภาได้รับเรื่องจะต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า วิปฝ่ายค้านยังมีมติยื่นคำร้องถอดถอน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่ามีพฤติกรรมเข้าข่าย สามารถใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 270, 271 ถอดถอนออกจากตำแหน่งได้ เพราะ ส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่กระทำการขัดต่อกฎหมาย แม้ที่ผ่านมาฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้หรือสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่จากการให้คำตอบต่อสาธารณะชนและต่อสภา ของนายจักรภพ ยืนยันได้ว่า มีการใช้อำนาจหน้าที่ส่อว่าจงใจที่จะกระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรรมนูญและต่อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนต่อไป คือการยกร่างคำร้องถอดถอนและยื่นต่อประธานวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการไต่สวนต่อไป ซึ่งพรรคฝ่ายค้านตั้งคณะทำงานติดตามเรื่องนี้ และพร้อมที่จะให้ปากคำ ป.ป.ช. โดยที่ผ่านมา นายจักรภพ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่แทรกแซง การทำงานของสื่อมวลชน ซึ่งรัฐธรรมนูญรับรองสิทธิผู้ที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชน ดังจะเห็นจากเรื่องที่พรรคเคยตั้งกระทู้ไปก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที หรือ อสมท.
นี่เป็นรัฐมนตรีสองท่าน ซึ่งเราเห็นว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายที่ต้องดำเนินการ ตรวจสอบตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญและเป็นการยืนยันว่าฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำงานโดยยึดถือประโยชน์ของพี่น้องประชาชน เป็นหลัก
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนรัฐมนตรีอีก 2 กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน และมีการปกปิดหรือกระทำความผิดกฎหมายว่าด้วยการจัดการหุ้นส่วนของรัฐมนตรี คือ นายไชยยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข และ นายวิฬุร เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ หนังสือของป.ป.ช. ได้ส่งมาถึงสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ทางฝ่ายค้านจะทวงถามเรื่องนี้ ต่อที่ประชุมสภาว่า สภาจะดำเนินการอย่างไร เรื่องนี้สภาจะต้องเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ มติของป.ป.ช. ที่ชี้มูลเป็นการพิสูจน์ว่ารัฐมนตรีเคารพกฎหมาย และรัฐมสภาซึ่งดำเนินการโดย เสียงข้างมาก เคารพกฎหมายหรือไม่เพียงใด
