“ธง” คือสัญลักษณ์ที่มีความหมายเป็นที่รับรู้ และเป็นที่เข้าใจตรงกันในหมู่ชนที่เกี่ยวข้องกับธงนั้น เช่น ธงธรรมจักรเป็นที่รับรู้และเข้าใจในหมู่ชาวพุทธ หรือแม้กระทั่งมิใช่พุทธแต่เป็นคนใฝ่รู้ในเรื่องของศาสนา ว่าหมายถึงการเผยแผ่ธรรมะที่เปรียบด้วยกงล้อที่หมุนไป เป็นต้น
ดังนั้น คำว่า ธงชาติ ก็หมายถึง เครื่องหมายที่ผู้เป็นเจ้าของให้การยอมรับ และนับถือว่าเป็นเครื่องหมายประจำชาติตน ที่คนทุกคนในชาติต้องให้ความเคารพนับถือ ปกป้องมิให้ใครมากระทำการใดๆ อันเป็นการย่ำยีในลักษณะดูถูกดูแคลน และถ้าปรากฏว่ามีใครคนใดคนหนึ่งมากระทำเยี่ยงนี้ ก็จะได้รับการต่อต้านจากคนในชาติซึ่งเป็นเจ้าของธงนั้นอย่างถึงที่สุด
แต่วันนี้และเวลานี้ธงไตรรงค์อันเป็นธงประจำชาติไทย ได้ถูกคนกลุ่มหนึ่งกระทำการย่ำยีด้วยการเขียนชื่ออดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ทักษิณ ชินวัตร และมีตำแหน่งปัจจุบันเป็นประธานสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี ประเทศอังกฤษ และนำมาแขวนไว้ที่อัฒจันทร์ในสนามฟุตบอล ซิตี ออฟ แมนเชสเตอร์ ในวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ในท่ามกลางสายตาผู้คนนับพันๆ คนที่เข้ามาดูการแข่งขันฟุตบอลระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตีกับทีมฟูแลม โดยมีอดีตนายกฯ ทักษิณ ไปร่วมชมอยู่ด้วย
ในทันทีที่หนังสือพิมพ์มติชนรายวันได้นำภาพธงที่เขียนชื่อทักษิณเป็นภาษาอังกฤษลงพิมพ์เผยแพร่ ปรากฏว่าได้กลายเป็นข่าวใหญ่ และบรรดาสื่อต่างๆ พากันเสนอข่าวนี้อย่างทั่วถึง และได้มีนักข่าวไปสัมภาษณ์คุณสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และได้ยินคำตอบในทำนองว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม แต่ได้ออกตัวแก้ต่างให้อดีตนายกฯ ว่าไม่น่าจะรู้เรื่องนี้ และแถมท้ายด้วยการพูดทำนองว่า ฝรั่งเป็นคนทำไม่เกี่ยวกับคุณทักษิณ
แต่อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ข่าวสดได้นำเสนอภาพ และข่าวทำนองนี้อีกครั้ง และในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการบ่งบอกถึงว่าใครทำ และอดีตนายกฯ มีส่วนรู้เห็นหรือไม่มากยิ่งขึ้น เนื่องจากว่าภาพที่ข่าวสดนำมาลงมิใช่ภาพเดียวกับที่มติชนนำมาลง แต่เป็นภาพที่เคยลงในนิตยสารของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี เอง และแถมมีข้อความเพิ่มขึ้นโดยมีคำว่า Well Come อยู่ข้างบน และมีชื่อทักษิณอยู่ข้างล่าง แถมคนที่ถือธงที่ว่านี้มีทั้งฝรั่งและคนไทย ถ้านายกฯ สมัครได้เห็นภาพนี้แล้วไม่ทราบว่าจะยังคงยืนยันว่าฝรั่งทำ และคุณทักษิณไม่รู้เรื่องอีกหรือไม่
แต่ในทัศนะของผู้เขียนแล้วเชื่อว่า ถ้าคุณสมัครได้เห็นภาพนี้แล้ว และมีเวลาตั้งสติให้อยู่กับตัวมากขึ้น คงจะพูดต่างไปจากเดิม ทั้งนี้ด้วยเหตุปัจจัยในเชิงตรรกะดังต่อไปนี้
1. ตามที่ปรากฏชื่อคุณทักษิณในสนามฟุตบอล มิได้อยู่ในมือของแฟนฟุตบอลที่เข้าไปเชียร์ แต่ผูกติดอยู่กับขอบอัฒจันทร์ด้านหน้า และตามข่าวที่ปรากฏออกมา อดีตนายกฯ ทักษิณนั่งในฝั่งตรงกันข้าม คิดเข้าข้างกันอย่างไรก็ต้องบอกว่ามีโอกาสมองเห็นภาพที่ว่านี้ และเมื่อเห็นแล้วทำไมจึงปล่อยไว้เช่นนั้น ไม่มีการสั่งการให้นำออกไป พร้อมกันนั้นก็ออกมาขอโทษคนไทยที่ทำให้มีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ซึ่งตนเองมีส่วนรับผิดชอบในฐานะเป็นเจ้าของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี และเป็นถึงระดับผู้บริหารด้วย
แต่ไม่ปรากฏว่า อดีตนายกฯ ทักษิณได้กระทำเช่นนั้น
2. ภาพที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ข่าวสด ยิ่งจะทำให้ปฏิเสธได้ยากว่าอดีตนายกฯ ในฐานะประธานบริหารทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี ไม่รู้ไม่เห็น และไม่เป็นใจ เพราะการนำภาพในทำนองนี้ลงตีพิมพ์ในเอกสารที่สโมสรเป็นเจ้าของ ควรที่จะได้รับการบอกกล่าวจากผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินการในเรื่องนี้
ถ้าจะบอกว่าคนอังกฤษมีสิทธิเสรีภาพที่จะทำการใดๆ ก็ได้เมื่อไม่มีกฎหมายของอังกฤษห้ามไว้ ก็จะมีคำถามเข้ามาว่า การที่คนต่างประเทศเข้ามาซื้อทีมฟุตบอลอังฤกษ มิได้หมายความว่ามีสิทธิเสรีภาพเกินขนาดว่าจะทำการใดๆ อันเป็นการขัดต่อกฎหมายของประเทศอื่น และที่สำคัญขัดต่อความเป็นผู้ดีของชาวอังกฤษโดยรวมได้ ทั้งนี้จะเห็นได้จากการที่เศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซียเข้ามาถือหุ้นใหญ่ในทีมเชลซี แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่าเมื่อทีมเชลซีแข่งกับทีมอื่นได้มีการนำชื่อของเศรษฐีที่ว่านี้เขียนลงบนธงชาติรัสเซีย และเชียร์กันจนออกหน้าในทำนองนี้แต่อย่างใด นั่นก็พอจะพูดได้ว่าแฟนฟุตบอลชาวอังกฤษก็ไม่แยแสต่อเจ้าของทีมฟุตบอล ในการแสดงพฤติกรรมดังที่ได้เกิดขึ้นในกรณีของแมนเชสเตอร์ ซิตี แต่อย่างใด
ดังนั้นการกระทำทั้งสองครั้งจึงน่าจะอนุมานได้ว่าไม่น่าจะเกิดจากแฟนฟุตบอลเมืองผู้ดี
แต่ในความเป็นไปได้น่าจะเกิดจากใครคนใดคนหนึ่งที่ต้องการเอาใจอดีตนายกฯ ทักษิณจนลืมไปว่าธงชาติคือสัญลักษณ์สำคัญของชาติที่ประกอบไปด้วยองค์สาม อันแทนด้วยสี 3 สี คือ สีแดงแทนชาติ สีขาวแทนศาสนา และสีน้ำเงินแทนพระมหากษัตริย์
ด้วยเหตุนี้ การเขียนข้อความใดๆ ไม่ว่าจะเป็นคนซื้อทีมหรือสัญชาติอื่นใดเพิ่มเติมลงไปไม่ ถือได้ว่าเป็นส่วนเกินจากคำว่า ไตรรงค์ และส่วนเกินที่ว่านี้ ผู้เขียนเชื่อว่าทำให้สังคมไทยรับไม่ได้ ไม่ว่าการกระทำที่ว่านี้จะเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือด้วยเจตนาแอบแฝงใดๆ
ยิ่งกว่านี้ เมื่อเรื่องที่เกิดขึ้นไปเกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯ ทักษิณ ผู้ซึ่งสังคมไทยส่วนหนึ่งกำลังเฝ้ามองการกระทำ และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันมาตลอด เริ่มด้วยการเข้าไปทำพิธีในพระอุโบสถวัดพระแก้ว เรื่อยมาจนถึงการที่คนใกล้ชิดบางคนได้ออกมาพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในลักษณะหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมายในข้อหาจาบจ้วงสถาบัน รวมไปถึงการออกเอกสารและเว็บไซต์โจมตีบุคคลที่จงรักภักดีต่อสถาบันว่าเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองตลอดมา จนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับธงชาติแล้ว เชื่อได้ว่ามีน้ำหนักพอที่จะทำให้คนในสังคม แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยเลือกข้างหรือพูดง่ายๆ อยู่เป็นกลางทางการเมืองวันนี้ก็คงจะต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง และเปลี่ยนใจช่วยกันขจัดปัดเป่าอันตรายที่เกิดขึ้นกับสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ค่อนข้างแน่นอน
อีกประการหนึ่ง การที่เกิดพฤติกรรมในทำนองนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็เชื่อว่าจะทำให้ฝ่ายที่เลือกข้างอดีตนายกฯ ทักษิณ แต่ยังคิดถึงสังคมโดยรวมอยู่บ้าง อึดอัดใจในการที่ต้องออกมาแก้ตัวแก้ต่างแทนบ่อยๆ
เพราะจะต้องไม่ลืมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรณีของการเขียนชื่อลงบนธงชาติ นอกจากจะเป็นการขัดต่อความรู้สึกนึกคิดของคนไทยแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายโดยรวมด้วย
ดังนั้น ผู้เขียนจึงเชื่อว่าคนที่ยังเป็นคนไทยอยู่บ้างในความรู้สึกนึกคิด คงจะทนดูเหตุการณ์ทำนองนี้ให้เกิดต่อไปได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนในกองทัพซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการรักษาความมั่นคงของชาติ และคนที่ไม่ควรลืมอีกคนคือ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร จะต้องออกมาแสดงจุดยืนให้ชัดว่าจะเลือกข้างไหนระหว่างฝ่ายถูกต้อง กับฝ่ายก่อกวนความถูกต้องที่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ