xs
xsm
sm
md
lg

'สุวิทย์' ดื้อด้านอ้างไม่เอื้อใคร ขึ้นน้ำตาล กก.ละ 5.35 บาท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - บอร์ด กกร. มีมติให้ปรับราคาน้ำตาลทรายขึ้น กก.ละ 5.35 บาท จาก 17.50 บาท/กก.เป็น 22.85 บาท/กก. ทันที “สุวิทย์”ยันขึ้นราคาน้ำตาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้โรงงานน้ำตาล ขณะที่ประชาชนร้องสายด่วนแม่บ้าน 1569 สายแทบไหม้ หลังถูกปฏิเสธการซื้อน้ำตาล หรือหากขายก็ขายในราคาใหม่ ทั้งๆ ที่ในทางกฎหมายยังไม่บังคับใช้ เหตุรัฐบาลทำงานแบบไร้ทิศทาง ส่วนค่ายน้ำดำเตรียมขอปรับราคาอ้างต้นทุนน้ำตาลและบรรจุภัณฑ์เพิ่มถึง 30 %

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้มีการปรับราคาอ้อยขั้นต้น และราคาน้ำตาลทรายจำหน่ายส่งหน้าโรงงานอีกกิโลกรัม (กก.) ละ 5 บาท และในการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ( กกร.) ซึ่งมีตนเองเป็นประธานฯ ได้มีการมีการประชุมเพื่อพิจารณา ราคาน้ำตาลทรายจำหน่ายปลีก ซึ่งจะมีการรวมค่าบริหารจัดการภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับมติ ครม.

สำหรับการปรับราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทราย นายมิ่งขวัญ แย้มว่า ราคาอาจเพิ่มขึ้นเกินกก.ละ 5 บาท โดยสินค้าที่จะได้รับผลกระทบจากน้ำตาลทรายสูงสุด อาทิ น้ำอัดลม นมข้นหวาน และผลไม้กระป๋อง

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยมติที่ประชุมฯบอร์ด กกร. มีมติเห็นชอบการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำตาลทรายอีก 5.35 บาท/กก.(เป็นราคาที่รวม VAT แต่ยังไม่รวมค่าบรรจุถุง) ส่งผลให้ราคาน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จะปรับขึ้นเป็น 22.85 บาท/กก.จากเดิม 17.50 บาท/กก. ในทันที ส่วนน้ำตาลทรายสีรำ (ยังไม่ได้ขัดสี) ปรับขึ้นเป็น 21.35 บาท/กก. จากเดิม 16.00 บาท/กก.

อย่างไรก็ดี การจำหน่ายน้ำตาลทรายที่มีการบรรจุถุง 1 กก. และมีการติดฉลากระบุชื่อเครื่องหมายทางการค้า ให้จำหน่ายปลีกโดยคิดค่าบรรจุได้ไม่เกิน 0.75 บาท/กก. โดยน้ำตาลทรายขาวจะขายไม่เกิน กก.ละ 23.50 บาท และน้ำตาลทรายสีรำ กก.ละ 22.15 บ.

สำหรับการปรับราคาน้ำตาลทรายในครั้งนี้มีผลกระทบกับต้นทุนของผู้ผลิตอาหารที่มีน้ำตาลทรายเป็นส่วนประกอบจำเป็นน้อยมากแค่เพียง 1.0-3.8% ดังนั้นจึงเห็นว่าผู้ผลิตสินค้าประเภทนมข้นหวาน และน้ำอัดลม ยังไม่สมควรจะต้องปรับขึ้นราคาโดยอ้างจากเหตุผลนี้

"หลังจากปรับราคาแล้ว มีผลกระทบน้อยมาก เช่น นมข้นหวาน น้ำอัดลม สัดส่วนเพิ่มขึ้นเพียง 1.0-3.8% เท่านั้น จึงยังไม่ถึงขั้นจะต้องปรับราคาสินค้า" นายยรรยง ระบุทิ้งท้าย

** สุวิทย์ยันขึ้นน้ำตาลไม่ได้เอื้อ รง.

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.)ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อปรับราคาขายส่งน้ำตาลหน้าโรงงานอีก 5 บาทต่อกก.และมีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.เป็นต้นไป โดยยืนยันว่าไม่ได้เอื้อให้โรงงานน้ำตาลได้ประโยชน์เพราะได้สั่งเช็คสต็อกตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.ล่วงหน้าแล้วและระงับน้ำตาลขายในประเทศทันที 13 ล้านกระสอบที่เหลือแต่ยอมรับว่าน้ำตาลที่ออกไปก่อนหน้าสู่ตลาดแล้วก็คงจะต้องยกประโยชน์ให้เขาซึ่งมีไม่มากนัก และน้ำตาลที่จะเข้าสู่ตลาดใหม่ก็จะเป็นราคาใหม่จึงไม่มีประโยชน์ที่จะกักตุนและต้องนำเงินส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายทันทีเพื่อนำไปใช้หนี้

** เล็งถกคลังลดภาษีนำเข้ารถใช้ E-85

นายสุวิทย์กล่าวว่า หลังการปรับขึ้นน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน 5 บาทต่อกิโลกรัมแล้วนั้นจากนี้ไปจะต้องเร่งแผนพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่เป็นวาระแห่งชาติตามเป้าหมายที่วางไว้โดยเฉพาะการเร่งส่งเสริมการนำน้ำตาลไปผลิตเอทานอลเพื่อเพิ่มมูลค่าซึ่งภายในปีนี้คาดว่าจะเห็นแผนการส่งเสริม E-85 (เอทานอลผสมเบนซิน85%) จากปัจจุบันที่มีการผสม 5% (แก๊สโซฮอล์) และผสม 20 %(E-20)

“ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)ร่วมกับสถาบันยานยนต์ไปดูแลเรื่องการผลักดันให้เกิด E-85แล้วซึ่งเบื้องต้นอาจจะเป็นการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปที่สามารถใช้ E -85 ได้มาจากต่างประเทศ ที่ขณะนี้ก็มีบราซิล อเมริกา ยุโรป ซึ่งคงจะต้องหารือกับคลังในการลดภาษีนำเข้ามาเพื่อทดลองตลาดก่อนเมื่อเกิดการตอบรับดีก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาอะไร”นายสุวิทย์กล่าว

** สอน.แจงน้ำตาลตลาดโลกแพงกว่า

นางรัตนาภรณ์ จึงสงวนสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) กล่าวว่า กรณีที่ระบุว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลทรายแพงกว่าตลาดโลกนั้นจะต้องดูว่าเป็นน้ำตาลทรายดิบหรือทรายขาวเนื่องจากน้ำตาลทรายขาวคนต้องบริโภคนั้นตลาดลอนดอนที่เป็นราคาจรสูงถึง 400 เหรียญต่อตันเมื่อรวมค่าขนส่ง ภาษีนำเข้าก็จะเฉลี่ยเป็นราคาขายปลีกประมาณ 25 บาทต่อกก. อย่างไรก็ตามบางครั้งราคาตลาดโลกก็ไม่สามารถอ้างอิงได้มากเพราะบางประเทศที่กำลังพัฒนามีการอุดหนุนการส่งออกทำให้ราคาน้ำตาลตลาดโลกบางช่วงไม่ได้เป็นราคาที่แท้จริง

** เตรียมออกระเบียบเก็บเงิน 47 รง.

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กท.) กล่าวว่า การประชุม กอน.วันที่ 2 พ.ค.อาจจะมีการหารือถึงแผนพัฒนาอ้อยและน้ำตาลทรายรวมถึงระเบียบต่างๆ หลังปรับขึ้นราคาแล้ว โดยอาจจะมีการหารือร่วมกับบอร์ด กท.และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ถึงแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่และการออกระเบียบแก้ไขการจัดเก็บเงินเข้า กท. จาก 47 โรงงานกก.ละ 5 บาทเพื่อนำส่งคืนชำระหนี้กับ ธ.ก.ส.

** สายด่วน 1569 เกือบไหม้คนร้องเรียนอื้อ

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ตลอดวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา มีประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อยได้ร้องเรียนผ่านสายด่วนแม่บ้าน 1569 ของกรมการค้าภายในเป็นจำนวนมากว่าถูกปฏิเสธการขายจากพ่อค้าคนกลางและยี่ปั๊วซาปั๊ว โดยอ้างว่าโรงงานผลิตน้ำตาลไม่จัดส่งน้ำตาลให้ตามปกติตั้งแต่ต้นสัปดาห์ บางรายก็อ้างว่าโรงงานลดปริมาณจัดส่งกว่าครึ่งของปริมาณที่เคยจัดส่ง และยังมีการปรับขึ้นราคาจำหน่ายอีกกก.ละ 5.0-5.50 บาท/ถุง

ทั้งนี้ ข้อร้องเรียนส่วนใหญ่ จะระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ทำอะไรกันอยู่ เพราะอยู่ดีๆ ก็ประกาศขึ้นราคาน้ำตาลทราย แต่ไม่มีแผนอะไรรองรับ นึกอยากจะพูดก็พูด และไม่ดูขั้นตอนให้ดีว่าต้องทำอย่างไรเพื่อป้องกันการกักตุนและการปรับขึ้นราคาก่อนกำหนด เพราะตั้งแต่รัฐบาลบอกว่าจะให้ขึ้นราคาน้ำตาลทรายกก.ละ 5 บาท ผู้ค้าก็มีการปรับขึ้นราคาทันที ทั้งๆ ที่ขั้นตอนการทำงาน ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาก่อน

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า มีพ่อค้าคนกลาง 2-3 ราย ได้กระทำผิดจริง โดยกักตุนและปฏิเสธการจำหน่าย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินคดี ขณะที่ร้านค้าทั่วไปก็มีการจำหน่ายน้ำตาลบรรจุถุงเกินราคาที่กำหนดเป็นส่วนใหญ่ แต่ยังไม่พบภาวะขาดแคลนน้ำตาลทราย

นายยรรยง กล่าวว่า ในระหว่างที่ราคาจำหน่ายน้ำตาลทรายใหม่ยังไม่มีผลบังคับใช้ หากผู้บริโภคในพื้นที่ใดเห็นว่าร้านค้าปลีกค้าส่งปฏิเสธการจำหน่ายน้ำตาลทราย หรือขายน้ำตาลทรายในราคาใหม่ ขอให้ร้องเรียนผ่านสายด่วนแม่บ้าน 1569 ได้ทันที ซึ่งหากตรวจสอบพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษ จำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

**เป๊ปซี่จ่อคิวขึ้นราคาน้ำอัดลม

นางปรางณี ไชยพิเดช ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ บริษัทเสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ เปิดเผยว่า จากการที่ครม.ประกาศปรับราคาน้ำตาลขึ้น 5 บาท ต่อกิโลกรัม ทำให้ต้นทุนการผลิตเฉพาะน้ำตาลยังไม่รวมต้นทุนค่าขนส่ง บรรจุภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้น 30% ทันที ดังนั้นมีโอกาสที่ทางบริษัทจะขอปรับราคาเครื่องดื่มน้ำอัดลมขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด โดยต้องเช็คต้นทุนที่แท้จริงก่อนว่าปรับเพิ่มขึ้นเท่าใด

สำหรับการขอปรับราคาขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2549 บริษัทได้ปรับราคาเครื่องดื่มน้ำอัดลมขึ้น 1 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการปรับขึ้นในรอบ 7 ปี แต่การปรับขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้วก็ยังไม่ครอบคลุมต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับการขอปรับราคาขึ้นบริษัทจะปรับตามราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อให้ผู้บริโภครับได้

** ชาวบ้านแห่ซื้อกักตุนน้ำตาลทราย

ที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการปรับราคาน้ำตาลทรายเพิ่มขึ้นอีก 5.35 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้บรรยากาศการซื้อขายน้ำตาลทรายบริเวณตลาดภายใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ค่อนข้างคึกคัก ประชาชนต่างแห่ไปซื้อน้ำตาลทรายจากร้านค้าที่ยังไม่มีการปรับราคาขึ้นเพื่อกักตุนไว้เป็นจำนวนมาก

ผู้ช่วยผู้จัดการ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส สาขาไร่กล้วย อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เผยว่า วันนี้น้ำตาลทรายถุงขายหมดทั้งสต๊อก เพราะประชาชนได้ทราบข่าวจากทางโทรทัศน์ว่า จะมีการปรับราคาน้ำตาลทรายขึ้น 5 บาท และทางโลตัส ยังไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด ประชาชนจึงแห่มาซื้อกักตุนไว้ตั้งแต่เย็นวานนี้ ทั้งนี้ทางสาขาได้มีการจำกัดจำนวนลูกค้า 1 คนต่อน้ำตาล 3 ถุง เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อกันอย่างทั่วถึง แต่ก็มีลูกค้าบางรายขอซื้อมากกว่าที่จำกัด ทางสาขาจึงต้องชี้แจงให้ลูกค้าเข้าใจ

ทั้งนี้ ปกติทางสาขาจะมีการสั่งสินค้าตามยอดขาย ไม่มีการกักตุน หากสินค้านั้นๆ หมดติดต่อกันหลายสัปดาห์ก็จะสั่งเพิ่มยอดสินค้า เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และก่อนหน้าการขึ้นราคาน้ำตาลทรายนั้นทางสาขาขายน้ำตาลทรายได้เฉลี่ยวันละ 200 กิโลกรัม แต่วานนี้(29 เม.ย.) ขายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 50%

** แม่ค้าขนมบ่นอุบได้รับผลกระทบจากราคาน้ำตาล

ด้านนางสมปอง ดังก้อง แม่ค้าร้านขายขนมไข่แม่แป๊ด บริเวณตลาดศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ตนต้องทำขนมทุกวัน และวัตถุดิบหลักก็คือ น้ำตาลทราย แป้ง และไข่ วันหนึ่งตนต้องใช้น้ำตาลทรายประมาณ 15 กิโลกรัม ถือว่าเป็นปริมาณที่มาก การขึ้นราคาน้ำตาลทราย จากกิโลกรัมละ 18 บาท เป็น 23 บาทนั้น ตนได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะตนต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายตรงนี้

อีกทั้งขณะนี้น้ำตาลเริ่มขาดตลาด และร้านค้าส่งน้ำตาลทรายส่วนใหญ่ ติดป้ายราคาใหม่แล้ว ตนจึงต้องแก้ปัญหาโดยการตรวจสอบราคาจากร้านค้าหลายแห่ง เพื่อให้ได้ราคาถูกที่สุด เป็นการประหยัดต้นทุน เนื่องจากตนไม่สามารถลดปริมาณในการใช้น้ำตาลทรายได้ ทั้งนี้ขอฝากให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าที่เป็นอาหารหลักของคนจน ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร หรือน้ำตาล เพราะเมื่อราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น คนจนก็ใช้ชีวิตอยู่ลำบาก

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่บ่นว่าสินค้าทุกอย่างเริ่มขึ้นราคา ทำให้ต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น แต่รายได้เท่าเดิม และบางรายต้องหารายได้เพิ่ม เพื่อแบกรับภาระด้านค่าใช้จ่าย ส่งผลกระทบอย่างมาก อยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้เด็ดขาด เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ หากทุกอย่างแพงแล้วชาวบ้านจะอยู่ได้อย่างไร
กำลังโหลดความคิดเห็น