ชี้มะเขือเทศเป็นมากกว่า ‘ซูเปอร์ฟูด’ หลังพบสรรพคุณสำคัญอีกสองประการคือ ปกป้องจากรังสียูวี รวมถึงรักษาความอ่อนเยาว์ของผิว นอกเหนือจากการช่วยลดคลอเรสเตอรอลและป้องกันมะเร็งบางชนิด
ศาสตราจารย์มาร์ก เบิร์ช-มาชิน และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์และนิวคาสเซิลในอังกฤษ ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของมะเขือเทศในการปกป้องผิว โดยขอให้อาสาสมัคร 10 คนกินซอสมะเขือเทศเข้มข้น 5 ช้อน (55 กรัม) ผสมกับน้ำมันมะกอก 10 กรัม ทุกวันนาน 3 เดือน อีก 10 คนกินน้ำมันมะกอกอย่างเดียว
เมื่อครบ 3 เดือน การทดสอบด้วยหลอดอุลตราไวโอเล็ตพบว่า ผิวของกลุ่มที่กินมะเขือเทศได้รับการปกป้องจากแสงมากกว่าตอนเริ่มต้น 1 ใน 3
รายงานที่เผยแพร่ในที่ประชุมบริติช โซไซตี้ ฟอร์ อินเวสติเกทีฟ เดอร์มาโทโลจี้ ระบุเพิ่มเติมว่าในการทดสอบอื่นๆ พบว่าอาหารที่ปรุงจากมะเขือเทศเป็นหลักช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน หรือโปรตีนที่ช่วยรักษาความนุ่มนวลและความกระชับของผิว
นอกจากนั้น ผลไม้ชนิดนี้ยังช่วยปกป้องไมโทคอนเดรีย (mitochondria) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเซลล์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่กินเข้าไปให้กลายเป็นพลังงาน
ศาสตราจารย์เบิร์ช-มาชินจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่าคุณประโยชน์นี้ช่วยฟื้นสภาพผิว หรืออีกนัยหนึ่งคือช่วยป้องกันริ้วรอยของความโรยรา
อย่างไรก็ตาม เลสลีย์ โรดส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เสริมว่าการค้นพบนี้ไม่ได้เป็นข้ออ้างในการเลิกใช้ครีมป้องกันแสงแดด แต่ควรเป็นส่วนเสริมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมากกว่า
ทั้งนี้ นักวิจัยเชื่อว่า คุณประโยชน์ของมะเขือเทศมาจากส่วนที่เรียกว่าไลโคพีน หรือสารที่ทำให้ผิวมะเขือเทศเป็นสีแดง
ไลโคพีนเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้นหากนำมะเขือเทศไปปรุงหรือผ่านกระบวนการแปรรูป
สุดท้ายนักวิจัยแนะนำเมนูสำหรับผู้ที่อยากรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวไว้ให้นานที่สุด ได้แก่ น้ำมะเขือเทศ 1 แก้วพร้อมอาหารเช้า มื้อกลางวันอาจเป็นสลัดหรือซุปมะเขือเทศ ส่วนเย็นเป็นพาสตาราดซอสมะเขือเทศ
ศาสตราจารย์มาร์ก เบิร์ช-มาชิน และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์และนิวคาสเซิลในอังกฤษ ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของมะเขือเทศในการปกป้องผิว โดยขอให้อาสาสมัคร 10 คนกินซอสมะเขือเทศเข้มข้น 5 ช้อน (55 กรัม) ผสมกับน้ำมันมะกอก 10 กรัม ทุกวันนาน 3 เดือน อีก 10 คนกินน้ำมันมะกอกอย่างเดียว
เมื่อครบ 3 เดือน การทดสอบด้วยหลอดอุลตราไวโอเล็ตพบว่า ผิวของกลุ่มที่กินมะเขือเทศได้รับการปกป้องจากแสงมากกว่าตอนเริ่มต้น 1 ใน 3
รายงานที่เผยแพร่ในที่ประชุมบริติช โซไซตี้ ฟอร์ อินเวสติเกทีฟ เดอร์มาโทโลจี้ ระบุเพิ่มเติมว่าในการทดสอบอื่นๆ พบว่าอาหารที่ปรุงจากมะเขือเทศเป็นหลักช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจน หรือโปรตีนที่ช่วยรักษาความนุ่มนวลและความกระชับของผิว
นอกจากนั้น ผลไม้ชนิดนี้ยังช่วยปกป้องไมโทคอนเดรีย (mitochondria) ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเซลล์ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารที่กินเข้าไปให้กลายเป็นพลังงาน
ศาสตราจารย์เบิร์ช-มาชินจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล กล่าวว่าคุณประโยชน์นี้ช่วยฟื้นสภาพผิว หรืออีกนัยหนึ่งคือช่วยป้องกันริ้วรอยของความโรยรา
อย่างไรก็ตาม เลสลีย์ โรดส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ เสริมว่าการค้นพบนี้ไม่ได้เป็นข้ออ้างในการเลิกใช้ครีมป้องกันแสงแดด แต่ควรเป็นส่วนเสริมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมากกว่า
ทั้งนี้ นักวิจัยเชื่อว่า คุณประโยชน์ของมะเขือเทศมาจากส่วนที่เรียกว่าไลโคพีน หรือสารที่ทำให้ผิวมะเขือเทศเป็นสีแดง
ไลโคพีนเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้นหากนำมะเขือเทศไปปรุงหรือผ่านกระบวนการแปรรูป
สุดท้ายนักวิจัยแนะนำเมนูสำหรับผู้ที่อยากรักษาความอ่อนเยาว์ของผิวไว้ให้นานที่สุด ได้แก่ น้ำมะเขือเทศ 1 แก้วพร้อมอาหารเช้า มื้อกลางวันอาจเป็นสลัดหรือซุปมะเขือเทศ ส่วนเย็นเป็นพาสตาราดซอสมะเขือเทศ
