ผู้จัดการรายวัน-นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ขณะนี้ได้เสนอให้กระทรวงการคลังผ่านร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมช.คลัง เร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ (อีออกชั่น) เพื่อให้มีผลบังคับใช้แทนระเบียบพัสดุปี 35 อย่างเร็วที่สุด เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างเกิดความคล่องตัวและโปร่งใสมากขึ้น ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)มาแล้วรอบหนึ่ง
สำหรับร่างพ.ร.ฎ.ดังกล่าว หากประกาศใช้จะส่งผลให้หน่วยงานที่เคยได้รับสิทธิพิเศษในการให้บริการกับส่วนราชการเป็นการเฉพาะเจาะจงต้องถูกยกเลิกไป เช่น กรณีการซื้อยาจากองค์กรเภสัชกรรม หรือการซื้อตั๋วเครื่องบินจากบมจ.การบินไทย การซื้อน้ำมันจากบมจ.ปตท. โดยหลังจากการประกาศใช้กฎหมายนี้ หน่วยงานที่เคยได้รับสิทธิพิเศษจะต้องผ่านวิธีการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับผู้ค้ารายอื่นตามปกติเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี
"ที่ผ่านมาในการซื้อขายหรือให้บริการกับส่วนราชการ หลายองค์กรเป็นเสือนอนกินไม่ต้องแข่งขันกับใคร แต่จากนี้หากกฎหมายนี้ผ่านออกมาบังคับใช้ จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและรัฐก็จะได้รับบริการอย่างมีคุณภาพมากขึ้น"นายรังสรรค์กล่าว
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในสมัยที่ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ เป็น รมว.คลัง ได้มีนโยบายเร่งรัดให้ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ แต่องค์กรเภสัชกรรมได้เสนอเรื่องขอให้มีการจัดซื้อจัดจ้างในลักษณะเดิม จึงมีการผ่อนคลาย โดยมีระยะเวลายกเลิกภายใน 5 ปี นับจากกฎหมายบังคับใช้
นอกจากนี้ ร่างพ.ร.ฎ. ยังมีการแก้ไขอีกหลายประเด็น อาทิ อำนาจการสั่งซื้อสั่งจ่าย ที่กฎหมายใหม่กำหนดให้สามารถใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการนั้นๆ ในการอนุมัติได้ทันที โดยไม่มีการกำหนดวงเงิน จากเดิมที่กำหนดให้ระดับวงเงินตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปต้องเป็นอำนาจของรัฐมนตรี เพื่อลดการแทรกแซงจากนักการเมือง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานแต่ละแห่ง
สำหรับร่างพ.ร.ฎ.ดังกล่าว หากประกาศใช้จะส่งผลให้หน่วยงานที่เคยได้รับสิทธิพิเศษในการให้บริการกับส่วนราชการเป็นการเฉพาะเจาะจงต้องถูกยกเลิกไป เช่น กรณีการซื้อยาจากองค์กรเภสัชกรรม หรือการซื้อตั๋วเครื่องบินจากบมจ.การบินไทย การซื้อน้ำมันจากบมจ.ปตท. โดยหลังจากการประกาศใช้กฎหมายนี้ หน่วยงานที่เคยได้รับสิทธิพิเศษจะต้องผ่านวิธีการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับผู้ค้ารายอื่นตามปกติเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี
"ที่ผ่านมาในการซื้อขายหรือให้บริการกับส่วนราชการ หลายองค์กรเป็นเสือนอนกินไม่ต้องแข่งขันกับใคร แต่จากนี้หากกฎหมายนี้ผ่านออกมาบังคับใช้ จะทำให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและรัฐก็จะได้รับบริการอย่างมีคุณภาพมากขึ้น"นายรังสรรค์กล่าว
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ในสมัยที่ นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ เป็น รมว.คลัง ได้มีนโยบายเร่งรัดให้ยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ แต่องค์กรเภสัชกรรมได้เสนอเรื่องขอให้มีการจัดซื้อจัดจ้างในลักษณะเดิม จึงมีการผ่อนคลาย โดยมีระยะเวลายกเลิกภายใน 5 ปี นับจากกฎหมายบังคับใช้
นอกจากนี้ ร่างพ.ร.ฎ. ยังมีการแก้ไขอีกหลายประเด็น อาทิ อำนาจการสั่งซื้อสั่งจ่าย ที่กฎหมายใหม่กำหนดให้สามารถใช้อำนาจของหัวหน้าส่วนราชการนั้นๆ ในการอนุมัติได้ทันที โดยไม่มีการกำหนดวงเงิน จากเดิมที่กำหนดให้ระดับวงเงินตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไปต้องเป็นอำนาจของรัฐมนตรี เพื่อลดการแทรกแซงจากนักการเมือง และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยงานแต่ละแห่ง
