เอเอฟพี - ฮามิด คาร์ไซ ประธานาธิบดีอัฟกานิสถาน รอดชีวิตหวุดหวิดจากการถูกโจมตีด้วยระเบิดและกระสุนปืนเมื่อวานนี้(27) ระหว่างเป็นประธานพิธีสวนสนามประจำปีของทหาร ที่ถือเป็นงานฉลองอันใหญ่โต ทางด้านกลุ่มตอลิบานซึ่งอ้างเป็นผู้ก่อเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คนและบาดเจ็บอีกสิบกว่ารายคราวนี้ แถลงว่าต้องการแสดงให้โลกรู้ว่าพร้อมบุกโจมตีทุกที่ได้ทุกเมื่อ แต่ปฏิเสธว่าไม่ใช่การลอบสังหารคาร์ไซ
กระสุนที่พวกคนร้ายสาดใส่ ได้ตกลงมาที่ด้านหลังของประรำพิธีซึ่งประธานาธิบดีและผู้นำอัฟกันคนอื่นๆ รวมทั้งบรรดาผู้แทนอาวุโสที่สุดของหน่วยงานระหว่างประเทศต่างๆ นั่งกันอยู่เพื่อชมการสวนสนาม
นอกจากนั้นยังมีการระเบิดขนาดใหญ่อีกหลายครั้ง โดยที่ครั้งหนึ่งซึ่งน่าจะเกิดจากลูกจรวดที่ยิงจากเครื่องยิงอาร์พีจี ได้ระเบิดขึ้นที่ตรงข้างหน้าประรำพอดี รัฐมนตรีสาธารณสุข โมฮัมหมัด อามิน ฟาติมี บอกกับเอเอฟพี
พวกองครักษ์ได้วิ่งเข้าไปล้อมรอบประธานาธิบดีไว้ จากนั้นก็รีบนำเขาออกไปจากที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้มีเกียรติคนอื่นๆ บ้างก็ตกลงมาที่พื้นข้างล่าง บ้างก็วิ่งหนี ฟาติมีเล่าต่อโดยเขาบอกว่าอยู่ห่างจากตัวประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เมตร
ตำรวจและทหารจำนวนราว 3,000 คนที่เข้าร่วมการสวนสนาม ต่างพากันแตกแถววิ่งหนีกันโกลาหล ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเรียงรายรักษาการณ์อยู่รอบบริเวณได้เปิดฉากยิงตอบโต้
ผู้นำของชนเผ่ากลุ่มน้อยผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนประรำพิธี ได้ถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตี ซึ่งกลุ่มคนร้ายดูเหมือนจะซุ่มซ่อนอยู่ในอาคารร้างหลายๆ หลัง ที่อยู่ห่างจากตัวคาร์ไซราว 400 เมตร
นอกจากนั้น ยังมีเด็กชายวัย 10 ขวบที่พำนักอยู่ในบริเวณนั้นถูกฆ่าด้วย โดยอาจจะเพราะเจอลูกหลงของฝ่ายยิงตอบโต้ บรรดาเจ้าหน้าที่กล่าว
สำหรับผู้บาดเจ็บมีราวสิบกว่าคน โดยที่เป็นสมาชิกรัฐสภา 2 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกหลายคน
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ประธานาธิบดีคาร์ไซได้ตรวจแถวทหารและก้าวขึ้นไปอยู่บนเวที และในระหว่างนั้นก็มีการยิงสลุต 21 นัดทั่วเมือง
การสวนสนามประจำปีเช่นนี้ นับเป็นพิธีการซึ่งจัดอย่างใหญ่ที่สุดของอัฟกานิสถาน โดยเป็นการเฉลิมฉลองวาระการล่มสลายของรัฐบาลคอมมิวนิสต์เมื่อ 16 ปีก่อน
ภายหลังเหตุการณ์ไม่นาน ประธานาธิบดีคาร์ไซได้ปรากฏตัวทางโทรทัศน์เพื่อแถลงให้ความมั่นใจกับสาธารณชน และแจ้งว่าทางการสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้จำนวนหนึ่ง
"โชคดีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยอัฟกันเข้าล้อมจับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว และจับกุมตัวมาได้บางส่วนด้วย" คาร์ไซกล่าว "ขณะนี้สถานการณ์ได้กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยแล้ว"
ในแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งที่คาร์ไซเผยแพร่ทางอีเมล เขาระบุว่าได้สั่งการให้ ดำเนินการสืบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์นี้อย่าง "จริงจังและเร่งด่วน" ในทันที
"กองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยภายในเมืองหลวงและเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมดแล้ว" แถลงการณ์ดังกล่าวยังย้ำด้วยว่าไม่มีบุคคลสำคัญใด ๆ ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มกบฏตอลิบานซึ่งเคยครองอำนาจในช่วงปี 1996-2001 กล่าวว่าทางกลุ่มเป็นผู้ปฏิบัติการโจมตีในครั้งนี้ เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของกลุ่มที่พร้อมเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ
"เรายิงจรวดเข้าใส่พิธีเฉลิมฉลอง" ซาบิฮัลเลาะฮ์ มูจาฮิด โฆษกของกลุ่มกบฏบอกและเสริมว่า "เราวางกำลังคนไว้ในบริเวณพิธีหกคน คนของเราสามคนเสียชีวิต"
"เราไม่ได้มีเป้าหมายจะยิงผู้ใดเป็นการเจาะจง" มูจาฮิดบอกเมื่อถูกซักว่าทางกลุ่มพุ่งเป้าหมายไปที่ประธานาธิบดีคาร์ไซหรือไม่ "เราเพียงแค่ต้องการแสดงให้โลกรู้ว่าเราสามารถเข้าโจมตีที่ไหนก็ได้ ถ้าเราต้องการทำ"
กลุ่มตอลิบานดำเนินการอย่างรุนแรงในการต่อต้านรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตลอดจนกองทัพและกองกำลังต่างประเทศนับหมื่นที่พยายามฟื้นฟูความมั่นคงในอัฟกานิสถาน โดยในการสู้รบกันเมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตถึง 8,000 คน ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายกบฏต่อต้าน
กระสุนที่พวกคนร้ายสาดใส่ ได้ตกลงมาที่ด้านหลังของประรำพิธีซึ่งประธานาธิบดีและผู้นำอัฟกันคนอื่นๆ รวมทั้งบรรดาผู้แทนอาวุโสที่สุดของหน่วยงานระหว่างประเทศต่างๆ นั่งกันอยู่เพื่อชมการสวนสนาม
นอกจากนั้นยังมีการระเบิดขนาดใหญ่อีกหลายครั้ง โดยที่ครั้งหนึ่งซึ่งน่าจะเกิดจากลูกจรวดที่ยิงจากเครื่องยิงอาร์พีจี ได้ระเบิดขึ้นที่ตรงข้างหน้าประรำพอดี รัฐมนตรีสาธารณสุข โมฮัมหมัด อามิน ฟาติมี บอกกับเอเอฟพี
พวกองครักษ์ได้วิ่งเข้าไปล้อมรอบประธานาธิบดีไว้ จากนั้นก็รีบนำเขาออกไปจากที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้มีเกียรติคนอื่นๆ บ้างก็ตกลงมาที่พื้นข้างล่าง บ้างก็วิ่งหนี ฟาติมีเล่าต่อโดยเขาบอกว่าอยู่ห่างจากตัวประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เมตร
ตำรวจและทหารจำนวนราว 3,000 คนที่เข้าร่วมการสวนสนาม ต่างพากันแตกแถววิ่งหนีกันโกลาหล ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งเรียงรายรักษาการณ์อยู่รอบบริเวณได้เปิดฉากยิงตอบโต้
ผู้นำของชนเผ่ากลุ่มน้อยผู้หนึ่งที่กำลังนั่งอยู่บนประรำพิธี ได้ถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตี ซึ่งกลุ่มคนร้ายดูเหมือนจะซุ่มซ่อนอยู่ในอาคารร้างหลายๆ หลัง ที่อยู่ห่างจากตัวคาร์ไซราว 400 เมตร
นอกจากนั้น ยังมีเด็กชายวัย 10 ขวบที่พำนักอยู่ในบริเวณนั้นถูกฆ่าด้วย โดยอาจจะเพราะเจอลูกหลงของฝ่ายยิงตอบโต้ บรรดาเจ้าหน้าที่กล่าว
สำหรับผู้บาดเจ็บมีราวสิบกว่าคน โดยที่เป็นสมาชิกรัฐสภา 2 คน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกหลายคน
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากที่ประธานาธิบดีคาร์ไซได้ตรวจแถวทหารและก้าวขึ้นไปอยู่บนเวที และในระหว่างนั้นก็มีการยิงสลุต 21 นัดทั่วเมือง
การสวนสนามประจำปีเช่นนี้ นับเป็นพิธีการซึ่งจัดอย่างใหญ่ที่สุดของอัฟกานิสถาน โดยเป็นการเฉลิมฉลองวาระการล่มสลายของรัฐบาลคอมมิวนิสต์เมื่อ 16 ปีก่อน
ภายหลังเหตุการณ์ไม่นาน ประธานาธิบดีคาร์ไซได้ปรากฏตัวทางโทรทัศน์เพื่อแถลงให้ความมั่นใจกับสาธารณชน และแจ้งว่าทางการสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้จำนวนหนึ่ง
"โชคดีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยอัฟกันเข้าล้อมจับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว และจับกุมตัวมาได้บางส่วนด้วย" คาร์ไซกล่าว "ขณะนี้สถานการณ์ได้กลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยแล้ว"
ในแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งที่คาร์ไซเผยแพร่ทางอีเมล เขาระบุว่าได้สั่งการให้ ดำเนินการสืบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์นี้อย่าง "จริงจังและเร่งด่วน" ในทันที
"กองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตรึงกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยภายในเมืองหลวงและเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ทั้งหมดแล้ว" แถลงการณ์ดังกล่าวยังย้ำด้วยว่าไม่มีบุคคลสำคัญใด ๆ ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มกบฏตอลิบานซึ่งเคยครองอำนาจในช่วงปี 1996-2001 กล่าวว่าทางกลุ่มเป็นผู้ปฏิบัติการโจมตีในครั้งนี้ เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถของกลุ่มที่พร้อมเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ
"เรายิงจรวดเข้าใส่พิธีเฉลิมฉลอง" ซาบิฮัลเลาะฮ์ มูจาฮิด โฆษกของกลุ่มกบฏบอกและเสริมว่า "เราวางกำลังคนไว้ในบริเวณพิธีหกคน คนของเราสามคนเสียชีวิต"
"เราไม่ได้มีเป้าหมายจะยิงผู้ใดเป็นการเจาะจง" มูจาฮิดบอกเมื่อถูกซักว่าทางกลุ่มพุ่งเป้าหมายไปที่ประธานาธิบดีคาร์ไซหรือไม่ "เราเพียงแค่ต้องการแสดงให้โลกรู้ว่าเราสามารถเข้าโจมตีที่ไหนก็ได้ ถ้าเราต้องการทำ"
กลุ่มตอลิบานดำเนินการอย่างรุนแรงในการต่อต้านรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ตลอดจนกองทัพและกองกำลังต่างประเทศนับหมื่นที่พยายามฟื้นฟูความมั่นคงในอัฟกานิสถาน โดยในการสู้รบกันเมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตถึง 8,000 คน ส่วนใหญ่เป็นฝ่ายกบฏต่อต้าน
