ส.ว.สอบ "จักรภพ" ข้อมูลชัด จงใจละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่อขัด มาตรา 157 ฐานฮุบอำนาจออกใบอนุญาตวิทยุชุมชน
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา สายสื่อสารมวลชน กล่าวว่า คณะอนุกรรมการ 22 คน ตามมาตรา 79 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 แต่งตั้งเสร็จแล้วได้ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ครบเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน ที่รอการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลสื่อรัฐ ไม่ควรประวิงเวลา เพราะตามขั้นตอนการร่างกฎหมายฉบับนี้ ทราบดีว่า เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน ต้องสรรหาคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ กสทช. จึงทำให้เกิดช่องว่างในการกำกับดูแลวิทยุชุมชน
ดังนั้น จึงกำหนดบทเฉพาะกาล มาตรา 79 ให้มีคณะอนุกรรมการ 22 คน ขึ้นมาเป็นผู้ออกใบอนุญาต และกำกับดูแลวิทยุชุมชนไปพลางก่อน ซึ่งเรื่องนี้ จะตั้งกระทู้สอบถามนายจักรภพ ในสภาด้วย
"นายจักรภพ ไม่ควรประวิงเวลาการแต่งตั้งอนุกรรมการอีก 6 คน เพราะจะมีปัญหาตามมาได้ คืออาจมีกลุ่มภาคประชาชนฟ้องศาลว่า ทำผิดกฎหมายละเว้นการปฏิวัติหน้าที่ตาม มาตรา 157 ถึงตอนนั้นทาง ส.ว.ถึงจะเข้าไปตรวจสอบได้" นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ ทาง ส.ว.จะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อสร้างความชัดเจนว่า การกระทำของนายจักรภพ ถือเป็นการจงใจจะไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ตั้งแต่ เรื่องการไปพูดทำนองต่อรองกับกลุ่มวิทยุชุมชน ให้เข้ามาเป็นพวกโดยจะไม่แจ้งจับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมถึงประเด็นนี้ด้วยโดยจะตั้งกระทู้สอบถามในสภา
"ถ้าเมื่อไรนายจักรภพ ไปเซ็นห้ามสตช. จับวิทยุชุมชนคลื่นไหน เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อนั้นถึงจะสามารถนำไปสู่กระบวนการถอดถอนได้ แต่ตอนนี้คงต้องรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนก่อนว่า จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่" ส.ว.สายสื่อสารมวลชน กล่าว
ด้าน นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (คบท.)สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ว่า กทช. ได้ส่งหนังสือไปยัง ครม. เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ออกมติ ครม.แต่งตั้ง 6 คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 6 คน ซึ่ง ครม.แต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางด้านนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชนจำนวน 3 คน กฎหมายมหาชนจำนวน 2 คน และ เทคโนโลยีการสื่อสาร หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการกำกับกิจการจำนวน 1 คน
อีกทั้งต้องมีตัวแทนจากภาคประชาสังคม คือ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากประธานสภาสถาบัน นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย หรือผู้แทน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์หรือผู้แทน ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน หรือผู้แทน ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ ผู้แทนประธานสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน และประธานสหพันธ์องค์กร ผู้บริโภคหรือผู้แทน เป็นอนุกรรมการ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา สายสื่อสารมวลชน กล่าวว่า คณะอนุกรรมการ 22 คน ตามมาตรา 79 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551 แต่งตั้งเสร็จแล้วได้ตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ครบเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน ที่รอการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดังนั้น นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะดูแลสื่อรัฐ ไม่ควรประวิงเวลา เพราะตามขั้นตอนการร่างกฎหมายฉบับนี้ ทราบดีว่า เมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน ต้องสรรหาคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่ กสทช. จึงทำให้เกิดช่องว่างในการกำกับดูแลวิทยุชุมชน
ดังนั้น จึงกำหนดบทเฉพาะกาล มาตรา 79 ให้มีคณะอนุกรรมการ 22 คน ขึ้นมาเป็นผู้ออกใบอนุญาต และกำกับดูแลวิทยุชุมชนไปพลางก่อน ซึ่งเรื่องนี้ จะตั้งกระทู้สอบถามนายจักรภพ ในสภาด้วย
"นายจักรภพ ไม่ควรประวิงเวลาการแต่งตั้งอนุกรรมการอีก 6 คน เพราะจะมีปัญหาตามมาได้ คืออาจมีกลุ่มภาคประชาชนฟ้องศาลว่า ทำผิดกฎหมายละเว้นการปฏิวัติหน้าที่ตาม มาตรา 157 ถึงตอนนั้นทาง ส.ว.ถึงจะเข้าไปตรวจสอบได้" นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ ทาง ส.ว.จะรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อสร้างความชัดเจนว่า การกระทำของนายจักรภพ ถือเป็นการจงใจจะไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ตั้งแต่ เรื่องการไปพูดทำนองต่อรองกับกลุ่มวิทยุชุมชน ให้เข้ามาเป็นพวกโดยจะไม่แจ้งจับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวมถึงประเด็นนี้ด้วยโดยจะตั้งกระทู้สอบถามในสภา
"ถ้าเมื่อไรนายจักรภพ ไปเซ็นห้ามสตช. จับวิทยุชุมชนคลื่นไหน เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อนั้นถึงจะสามารถนำไปสู่กระบวนการถอดถอนได้ แต่ตอนนี้คงต้องรวบรวมข้อมูลให้ชัดเจนก่อนว่า จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่" ส.ว.สายสื่อสารมวลชน กล่าว
ด้าน นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (คบท.)สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ว่า กทช. ได้ส่งหนังสือไปยัง ครม. เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้ออกมติ ครม.แต่งตั้ง 6 คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ดังกล่าวจะประกอบด้วย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 6 คน ซึ่ง ครม.แต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ทางด้านนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ หรือสื่อสารมวลชนจำนวน 3 คน กฎหมายมหาชนจำนวน 2 คน และ เทคโนโลยีการสื่อสาร หรือด้านอื่นที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการกำกับกิจการจำนวน 1 คน
อีกทั้งต้องมีตัวแทนจากภาคประชาสังคม คือ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้งจากประธานสภาสถาบัน นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย หรือผู้แทน นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย หรือผู้แทน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์หรือผู้แทน ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน หรือผู้แทน ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ ผู้แทนประธานสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน และประธานสหพันธ์องค์กร ผู้บริโภคหรือผู้แทน เป็นอนุกรรมการ
