"หมัก" เยือนมาเลย์ 23-24 เม.ย. เตรียมถกความร่วมมือแก้ปัญหาไฟใต้และเปิดเส้นทางข้ามแดนแห่งใหม่ หวังกระตุ้นการค้า-ลงทุน คาดเตรียมส่งผู้ร้ายข้ามแดน 2 ราย ปัดเจรจาแกนนำบีอาร์เอ็น “อนุพงษ์” เตรียมลงใต้ติดตามการปฏิบัติรดับกองพันว่ามีปัญหาอะไรขัดข้องหรือไม่ ระบุการยกเลิกกฎอัยการศึกจะเกิดผลภาพบวกต่อประเทศชาติ ยัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังจำเป็นต้องใช้กฎอัยการศึกเนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ปกติ
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (21เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมเตรียมการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 23-24 เม.ย.นี้ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเวลา 20.15 น. นายกฯจะประธานเปิดแพรคลุมป้าย ห้องราพฤกษ์-บุหงารายา ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำมาเลเซีย และในเวลา 20.30 น.นายกรัฐมนตรีจะพบและมอบนโยบายแก่ทีมไทยแลนด์ ในประเทศมาเลเซีย และเข้าพักที่โรงแรม J.W.Marriott
ส่วนวันที่ 24 เม.ย. เวลา 8.45 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมืองปุตราจายา เพื่อหารือข้อราชการระหว่างนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กับนายกรัฐมนตรีไทย มีทั้งคณะเล็ก และคณะใหญ่
เวลา 16.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ที่พระราชวัง Istana Negara กรุงกัวลาสัมเปอร์ จากนั้นทางสถานทูตจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาในช่วงเย็น และเดินทางกลับประเทศไทย โดยออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ในเวลา 19.45 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 21.25 น.
สำหรับหัวข้อในการหารือได้แก่ ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความร่วมมือในกรอบคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน เพื่อความกินดี อยู่ดี นอกจากนี้จะมีกรอบความร่วมมือทางทหาร และหารือความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคง และแนวชายแดน ความร่วมมือทางด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการข้ามแดนใหม่ของไทย- มาเลเซีย การค้าการลงทุนจะมีสมาคมไทย-มาเลเซีย และ มาเลเซีย-ไทย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี และความร่วมมือระหว่างประชาชน อีกทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคม และการวางท่อแก๊สไทย-มาเลเซีย รวมถึงการ State Visit ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย
สำหรับการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมนั้น ทางไทยเตรียมจะมีการเปิดสะพาน แต่เนื่องจากด้านศุลกากร และการตรวจคนเข้าเมืองยังไม่เรียบร้อย โดยจะหารือกันว่าจะจัดระบบอย่างไร ด้านการวางท่อแก๊ส จะกำหนดเส้นทางการวางท่อแก๊สใหม่ เพื่อเพิ่มเส้นทางทั้งในไทยและมาเลเซีย เส้นทางเดิมไม่มีปัญหาจะมีการวางเส้นทางเพิ่มโดยหาเส้นทางที่เหมาะสม และปลอดภัย ส่วนการเยี่ยมเยือน 131 คนไทย ไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า จะมีการหารือพูดคุยกับทางมาเลเซีย ถึงมาตรการขอความร่วมมือเรื่องการหลบหนีของผู้ก่อความไม่สงบ จะมีการหารือกันหรือไม่ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า คาดว่าจะมีการหารือกัน ซึ่งทางมาเลเซีย มีปัญหาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งมีจำนวน 2 รายที่ออกหมายจับรายสำคัญ ตนไม่มีรายละเอียดในเรื่องเหล่านั้น โดยไทยจะเจรจาขอความร่วมมือกับทางมาเลเซีย ส่วนเรื่องบุคคล 2 สัญชาติ มีการพูดคุยกันทุกรัฐบาลคาดว่า มาเลเซีย คงหยิบยกประเด็นนี้มาคุยกัน
เมื่อถามว่า จะมีการหารือเรื่องแกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอย่าง บีอาร์เอ็น หรือ พูโล จะขอเจรจากับไทย จะมีการหารือหรือไม่ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เปิดเผยวันนี้ (22 เม.ย.) ตนจะลงพื้นที่ภาคใต้ ไปดูแลในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 และดูรายละเอียดในการปฏิบัติงานของระดับกองพัน ว่ามีปัญหาข้อขัดข้องอย่างไรหรือไม่ ซึ่งจากดูแนวทางการปฏิบัติของหน่วยรองลงมาแนวโน้มน่าจะดี แต่ตนก็อยากจะไปดูให้เห็น และดูผู้ปฏิบัติโดยตรง
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (21เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมเตรียมการเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 23-24 เม.ย.นี้ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เวลา 16.00 น. นายกรัฐมนตรี และคณะจะเดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยเวลา 20.15 น. นายกฯจะประธานเปิดแพรคลุมป้าย ห้องราพฤกษ์-บุหงารายา ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำมาเลเซีย และในเวลา 20.30 น.นายกรัฐมนตรีจะพบและมอบนโยบายแก่ทีมไทยแลนด์ ในประเทศมาเลเซีย และเข้าพักที่โรงแรม J.W.Marriott
ส่วนวันที่ 24 เม.ย. เวลา 8.45 น. นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมืองปุตราจายา เพื่อหารือข้อราชการระหว่างนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กับนายกรัฐมนตรีไทย มีทั้งคณะเล็ก และคณะใหญ่
เวลา 16.30 น. นายกรัฐมนตรี จะเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย ที่พระราชวัง Istana Negara กรุงกัวลาสัมเปอร์ จากนั้นทางสถานทูตจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงน้ำชาในช่วงเย็น และเดินทางกลับประเทศไทย โดยออกเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ในเวลา 19.45 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 21.25 น.
สำหรับหัวข้อในการหารือได้แก่ ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความร่วมมือในกรอบคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน เพื่อความกินดี อยู่ดี นอกจากนี้จะมีกรอบความร่วมมือทางทหาร และหารือความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคง และแนวชายแดน ความร่วมมือทางด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ทั้งนี้ ยังมีมาตรการข้ามแดนใหม่ของไทย- มาเลเซีย การค้าการลงทุนจะมีสมาคมไทย-มาเลเซีย และ มาเลเซีย-ไทย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี และความร่วมมือระหว่างประชาชน อีกทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคม และการวางท่อแก๊สไทย-มาเลเซีย รวมถึงการ State Visit ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย
สำหรับการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมนั้น ทางไทยเตรียมจะมีการเปิดสะพาน แต่เนื่องจากด้านศุลกากร และการตรวจคนเข้าเมืองยังไม่เรียบร้อย โดยจะหารือกันว่าจะจัดระบบอย่างไร ด้านการวางท่อแก๊ส จะกำหนดเส้นทางการวางท่อแก๊สใหม่ เพื่อเพิ่มเส้นทางทั้งในไทยและมาเลเซีย เส้นทางเดิมไม่มีปัญหาจะมีการวางเส้นทางเพิ่มโดยหาเส้นทางที่เหมาะสม และปลอดภัย ส่วนการเยี่ยมเยือน 131 คนไทย ไม่ได้มีการพูดคุยกัน
เมื่อถามว่า จะมีการหารือพูดคุยกับทางมาเลเซีย ถึงมาตรการขอความร่วมมือเรื่องการหลบหนีของผู้ก่อความไม่สงบ จะมีการหารือกันหรือไม่ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า คาดว่าจะมีการหารือกัน ซึ่งทางมาเลเซีย มีปัญหาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งมีจำนวน 2 รายที่ออกหมายจับรายสำคัญ ตนไม่มีรายละเอียดในเรื่องเหล่านั้น โดยไทยจะเจรจาขอความร่วมมือกับทางมาเลเซีย ส่วนเรื่องบุคคล 2 สัญชาติ มีการพูดคุยกันทุกรัฐบาลคาดว่า มาเลเซีย คงหยิบยกประเด็นนี้มาคุยกัน
เมื่อถามว่า จะมีการหารือเรื่องแกนนำกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบอย่าง บีอาร์เอ็น หรือ พูโล จะขอเจรจากับไทย จะมีการหารือหรือไม่ โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เปิดเผยวันนี้ (22 เม.ย.) ตนจะลงพื้นที่ภาคใต้ ไปดูแลในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 4 และดูรายละเอียดในการปฏิบัติงานของระดับกองพัน ว่ามีปัญหาข้อขัดข้องอย่างไรหรือไม่ ซึ่งจากดูแนวทางการปฏิบัติของหน่วยรองลงมาแนวโน้มน่าจะดี แต่ตนก็อยากจะไปดูให้เห็น และดูผู้ปฏิบัติโดยตรง