เมื่อวันหยุดในเทศกาลสงกรานต์หรือเทศกาลขึ้นปีใหม่ตามคติแห่งความเชื่อของไทยอันสืบเนื่องมาจากแต่เดิมได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา และทุกชีวิตในสังคมไทยได้เริ่มต้นปีใหม่ด้วยความหวังที่มีอยู่เหมือนกัน โดยไม่มีการแบ่งชั้นทางสังคมว่าปีใหม่นับจากนี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้น ข้าวของจะถูกลง ความเป็นธรรมในสังคมจะมีมากขึ้น และที่สำคัญที่สุดความทุกข์ใดๆ ที่เกิดขึ้นในปีเก่าที่ผ่านมา จะหมดไปและจะไม่มาเยือนอีกครั้งนับจากนี้ไป
ส่วนในความเป็นจริงจะเป็นเช่นที่คนคาดหวังหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ล่วงหน้าอย่างถูกต้อง และตรงกับความเป็นจริงโดยอาศัยเพียงความรู้สึกนึกคิดของคนที่ยังอยู่ในโลกแห่งโลกียชน จะทำได้อย่างมากก็ด้วยการคาดเดาโดยอาศัยศาสตร์พยากรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหราศาสตร์ซึ่งใช้ดวงดาวเป็นฐานในการพยากรณ์ ดังที่ท่านทั้งหลายได้รับรู้ไปบ้างแล้วจากการที่สื่อนำเสนอการพยากรณ์เรื่องนางสงกรานต์ไว้พอเป็นสังเขป
แต่ในที่นี้จะได้พูดถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในฐานะของโหรสมัครเล่นที่พอจะมีความรู้ และมีประสบการณ์มาบ้าง เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้นำไปวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตในแง่มุมต่างๆ
เริ่มด้วยด้านเศรษฐกิจ ที่ใครต่อใครวิตกกังวลว่าจะแย่ลงกว่านี้หรือไม่ และคู่ศัตรูก็พอจะบอกได้ว่าจากนี้ไปประเทศไทยรวมทั้งโลกด้วย เนื่องจากดวงโลกได้กำหนดเริ่มต้นหรือลัคนาที่ราศีเมษอันเป็นราศีเดียวกันกับดวงกรุงเทพฯ จะพบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องมาจากปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสถึงบาร์เรลละ 120 เหรียญสหรัฐ และจะมีผลต่อเนื่องให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง และปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่งแล้วจะอ่อนตัวลง และอ่อนไปเรื่อยๆ อาจถึง 35 หรือเลยไปถึง 40 ภายในปีนี้
นอกจากราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อแล้ว ปัญหาดอกเบี้ยก็จะตามมาเมื่อมีการปรับดอกเบี้ยให้สูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ และจะมีผลกระทบต่อผู้ซื้อที่กู้มาซื้อบ้านที่อยู่อาศัย และอาจจบลงด้วยปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้นเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 39-40
ในด้านการเมือง เมื่อดาวพฤหัสฯ ที่โคจรผิดปกติ หรือที่เรียกว่า เสิด เข้าสู่ราศีมังกรจาก 21 เมษายน-6 มิถุนายน จะส่งผลให้นักการเมืองแสดงอำนาจท้าทายกฎหมาย และย่ำยีศีลธรรมอันดีงามของสังคมจนเป็นเหตุให้ผู้คนในสังคมทนดูไม่ไหว และออกมาต่อต้านจนเกิดการปะทะกัน
นอกจากนี้ ราหูที่ทำมุมกับอังคารจะส่งผลให้นักการเมืองแสดงพฤติกรรมแบบพวกมากลากไป โดยกระทำในสิ่งที่สวนกระแสความต้องการของประชาชน และเป็นเหตุให้กองทัพมีความจำเป็นต้องออกมารักษาความมั่นคง ด้วยการแทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหารอันมีนักการเมืองมีหน้าที่ และความรับผิดชอบอยู่ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำ และจะจบลงด้วยฝ่ายข้าราชการซึ่งมีประชาชนอยู่เคียงข้าง หรือให้การสนับสนุนเป็นฝ่ายชนะ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐขึ้นในลักษณะปฏิวัติเงียบ หรือปฏิวัตินอกรูปแบบก็ว่าได้
อีกประการหนึ่ง การที่ราหูและดาวพฤหัสฯโคจรผิดปกติในราศีมังกรนั้น จะส่งผลในทางลบต่อนักการเมืองที่ลัคนาอยู่มังกร หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีดาวพฤหัสฯ ในดวงเดิมอยู่ราศีมังกรด้วย กล่าวคือ จะทำให้ถูกลดบทบาทและหน้าที่ รวมไปถึงตำแหน่งโดยมีกฎหมายเป็นเครื่องกำหนดชะตากรรม หรือพูดง่ายๆ ก็คือถูกฟ้องร้องและต้องจบบทบาททางการเมืองด้วยคำพิพากษาของศาลก็ได้ หรือมีการลี้ภัยทางการเมืองก็ได้
ในด้านสังคม ประชาชนจะเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งจากข้าวของแพงและมีโจรผู้ร้ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเกิดภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง และน้ำท่วมจะทำความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่เกษตรกรในหลายพื้นที่
จากแนวโน้มทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองดังกล่าวแล้วข้างต้น จะเห็นได้ว่าเมืองไทยจากนี้ไปอย่างน้อย 1 ปี และอย่างมาก 1 ปี 6 เดือนคงหนีไม่พ้นภาวะข้าวยากหมากแพง และการเมืองวุ่นวายหาความสงบได้ยาก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนผ่านพ้นไปแล้ว ดาวพฤหัสฯ จะถอยกลับไปราศีธนูและทำมุมตรีโกณกับดาวอาทิตย์ การเมืองไทยจะค่อยๆ ดีขึ้น โดยที่การเมืองฝ่ายอธรรมหรือยึดแนวทางการต่อสู้สวนทางกับจริยธรรมที่สังคมส่วนใหญ่ยึดถือจะเป็นฝ่ายสูญเสียอำนาจ หรือพ่ายแพ้ต่อฝ่ายธรรมะซึ่งยืนอยู่ข้างผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ และการสิ้นสุดการต่อสู้ทางการเมืองที่ว่านี้ ถึงแม้จะไม่ช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้นโดยตรง แต่ก็ช่วยให้ความเลวร้ายในทางเศรษฐกิจและสังคมลดลง จึงเท่ากับช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อกาลเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง พฤติกรรมทางสังคมโดยรวมก็จะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นตามแนวทางการเมืองฝ่ายธรรมะที่เข้ามารับหน้าที่บริหารจัดการ และเช็ดล้างความเลวร้ายที่การเมืองแบบเดิมได้ทำไว้ให้หมดสิ้นไป
ถึงแม้ว่าข้างหน้าจะพอมองเห็นวี่แววแห่งความดีทั้งในทางเศรษฐกิจ และสังคมอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ว่านี้จะได้มาโดยง่าย เพราะจะต้องไม่ลืมว่าใครก็ตามที่มีอำนาจและมีผลประโยชน์เนื่องด้วยอำนาจนั้น จะต้องขัดขวางต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจนั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ และนั่นก็หมายความว่าฝ่ายที่ต้องการให้ออกไปก็จะต้องลงทุนในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจนั้นคืนมา และเมื่อได้คืนมาแล้วก็ต้องลงทุนในการแก้ไขปรับปรุงให้สังคมที่ถูกบิดเบือน และชี้นำไปในทางอธรรมให้กลับสู่รูปแบบเดิม ซึ่งก็หมายถึงการลงทุนอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้วยแรงกาย แรงใจ และแรงสติปัญญา รวมไปถึงเวลาที่ต้องมีมากพอในการดำเนินการด้วย
ดังนั้น 1 ปีหรือ 2 ปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจต้องเสียไปกับการแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างทางสังคมและการเมือง เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศในทุกด้านต่อไปในอนาคต
แต่ไม่ว่าจะลงทุนอย่างไร และมากน้อยแค่ไหน ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยที่รักชาติ รักบ้านเมือง และทำเพื่อความถูกต้องเป็นธรรมของสังคม ก็จะต้องทำดีไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อส่วนรวม.
ส่วนในความเป็นจริงจะเป็นเช่นที่คนคาดหวังหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้ล่วงหน้าอย่างถูกต้อง และตรงกับความเป็นจริงโดยอาศัยเพียงความรู้สึกนึกคิดของคนที่ยังอยู่ในโลกแห่งโลกียชน จะทำได้อย่างมากก็ด้วยการคาดเดาโดยอาศัยศาสตร์พยากรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโหราศาสตร์ซึ่งใช้ดวงดาวเป็นฐานในการพยากรณ์ ดังที่ท่านทั้งหลายได้รับรู้ไปบ้างแล้วจากการที่สื่อนำเสนอการพยากรณ์เรื่องนางสงกรานต์ไว้พอเป็นสังเขป
แต่ในที่นี้จะได้พูดถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในฐานะของโหรสมัครเล่นที่พอจะมีความรู้ และมีประสบการณ์มาบ้าง เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้นำไปวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตในแง่มุมต่างๆ
เริ่มด้วยด้านเศรษฐกิจ ที่ใครต่อใครวิตกกังวลว่าจะแย่ลงกว่านี้หรือไม่ และคู่ศัตรูก็พอจะบอกได้ว่าจากนี้ไปประเทศไทยรวมทั้งโลกด้วย เนื่องจากดวงโลกได้กำหนดเริ่มต้นหรือลัคนาที่ราศีเมษอันเป็นราศีเดียวกันกับดวงกรุงเทพฯ จะพบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องมาจากปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อยๆ มีโอกาสถึงบาร์เรลละ 120 เหรียญสหรัฐ และจะมีผลต่อเนื่องให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง และปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าอยู่ในขณะนี้จะแข็งค่าเพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่งแล้วจะอ่อนตัวลง และอ่อนไปเรื่อยๆ อาจถึง 35 หรือเลยไปถึง 40 ภายในปีนี้
นอกจากราคาน้ำมันและภาวะเงินเฟ้อแล้ว ปัญหาดอกเบี้ยก็จะตามมาเมื่อมีการปรับดอกเบี้ยให้สูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ และจะมีผลกระทบต่อผู้ซื้อที่กู้มาซื้อบ้านที่อยู่อาศัย และอาจจบลงด้วยปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้นเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 39-40
ในด้านการเมือง เมื่อดาวพฤหัสฯ ที่โคจรผิดปกติ หรือที่เรียกว่า เสิด เข้าสู่ราศีมังกรจาก 21 เมษายน-6 มิถุนายน จะส่งผลให้นักการเมืองแสดงอำนาจท้าทายกฎหมาย และย่ำยีศีลธรรมอันดีงามของสังคมจนเป็นเหตุให้ผู้คนในสังคมทนดูไม่ไหว และออกมาต่อต้านจนเกิดการปะทะกัน
นอกจากนี้ ราหูที่ทำมุมกับอังคารจะส่งผลให้นักการเมืองแสดงพฤติกรรมแบบพวกมากลากไป โดยกระทำในสิ่งที่สวนกระแสความต้องการของประชาชน และเป็นเหตุให้กองทัพมีความจำเป็นต้องออกมารักษาความมั่นคง ด้วยการแทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหารอันมีนักการเมืองมีหน้าที่ และความรับผิดชอบอยู่ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างนักการเมืองกับข้าราชการประจำ และจะจบลงด้วยฝ่ายข้าราชการซึ่งมีประชาชนอยู่เคียงข้าง หรือให้การสนับสนุนเป็นฝ่ายชนะ และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐขึ้นในลักษณะปฏิวัติเงียบ หรือปฏิวัตินอกรูปแบบก็ว่าได้
อีกประการหนึ่ง การที่ราหูและดาวพฤหัสฯโคจรผิดปกติในราศีมังกรนั้น จะส่งผลในทางลบต่อนักการเมืองที่ลัคนาอยู่มังกร หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีดาวพฤหัสฯ ในดวงเดิมอยู่ราศีมังกรด้วย กล่าวคือ จะทำให้ถูกลดบทบาทและหน้าที่ รวมไปถึงตำแหน่งโดยมีกฎหมายเป็นเครื่องกำหนดชะตากรรม หรือพูดง่ายๆ ก็คือถูกฟ้องร้องและต้องจบบทบาททางการเมืองด้วยคำพิพากษาของศาลก็ได้ หรือมีการลี้ภัยทางการเมืองก็ได้
ในด้านสังคม ประชาชนจะเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งจากข้าวของแพงและมีโจรผู้ร้ายเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการเกิดภัยธรรมชาติ เช่น ภัยแล้ง และน้ำท่วมจะทำความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่เกษตรกรในหลายพื้นที่
จากแนวโน้มทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองดังกล่าวแล้วข้างต้น จะเห็นได้ว่าเมืองไทยจากนี้ไปอย่างน้อย 1 ปี และอย่างมาก 1 ปี 6 เดือนคงหนีไม่พ้นภาวะข้าวยากหมากแพง และการเมืองวุ่นวายหาความสงบได้ยาก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนผ่านพ้นไปแล้ว ดาวพฤหัสฯ จะถอยกลับไปราศีธนูและทำมุมตรีโกณกับดาวอาทิตย์ การเมืองไทยจะค่อยๆ ดีขึ้น โดยที่การเมืองฝ่ายอธรรมหรือยึดแนวทางการต่อสู้สวนทางกับจริยธรรมที่สังคมส่วนใหญ่ยึดถือจะเป็นฝ่ายสูญเสียอำนาจ หรือพ่ายแพ้ต่อฝ่ายธรรมะซึ่งยืนอยู่ข้างผู้คนในสังคมส่วนใหญ่ และการสิ้นสุดการต่อสู้ทางการเมืองที่ว่านี้ ถึงแม้จะไม่ช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้นโดยตรง แต่ก็ช่วยให้ความเลวร้ายในทางเศรษฐกิจและสังคมลดลง จึงเท่ากับช่วยให้เศรษฐกิจและสังคมดีขึ้นได้ในระดับหนึ่ง และเมื่อกาลเวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่ง พฤติกรรมทางสังคมโดยรวมก็จะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นตามแนวทางการเมืองฝ่ายธรรมะที่เข้ามารับหน้าที่บริหารจัดการ และเช็ดล้างความเลวร้ายที่การเมืองแบบเดิมได้ทำไว้ให้หมดสิ้นไป
ถึงแม้ว่าข้างหน้าจะพอมองเห็นวี่แววแห่งความดีทั้งในทางเศรษฐกิจ และสังคมอยู่บ้าง แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ว่านี้จะได้มาโดยง่าย เพราะจะต้องไม่ลืมว่าใครก็ตามที่มีอำนาจและมีผลประโยชน์เนื่องด้วยอำนาจนั้น จะต้องขัดขวางต่อสู้ทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจนั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ และนั่นก็หมายความว่าฝ่ายที่ต้องการให้ออกไปก็จะต้องลงทุนในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจนั้นคืนมา และเมื่อได้คืนมาแล้วก็ต้องลงทุนในการแก้ไขปรับปรุงให้สังคมที่ถูกบิดเบือน และชี้นำไปในทางอธรรมให้กลับสู่รูปแบบเดิม ซึ่งก็หมายถึงการลงทุนอย่างมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนด้วยแรงกาย แรงใจ และแรงสติปัญญา รวมไปถึงเวลาที่ต้องมีมากพอในการดำเนินการด้วย
ดังนั้น 1 ปีหรือ 2 ปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจต้องเสียไปกับการแก้ไขปรับปรุงโครงสร้างทางสังคมและการเมือง เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศในทุกด้านต่อไปในอนาคต
แต่ไม่ว่าจะลงทุนอย่างไร และมากน้อยแค่ไหน ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยที่รักชาติ รักบ้านเมือง และทำเพื่อความถูกต้องเป็นธรรมของสังคม ก็จะต้องทำดีไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อส่วนรวม.