เมื่อวานนี้ (20เม.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวในรายการ สนทนาประสาสมัคร ช่วงตอบคำถามที่ส่งมาจากทางบ้าน ถึงกรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่ามีขบวนการโจมตี ให้ร้าย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษว่า เรื่องนี้ตนพยายามหลีกเลี่ยง แต่ที่นายชวน กล่าวหาทำนองว่า ตนมาเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนมีความบกพร่องทางกฎหมายโดนคดี และศาลตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา แล้วเอาคนอย่างนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรี
นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่ทราบจะทำอย่างไร เพราะคดีความขนาดนี้ ก็หวังใจว่าข้างหน้าท่านจะไม่เล่นงาน เพราะศาลอุทธรณ์ก็ให้รอลงอาญา ตนก็ทำงานต่อไปได้ แต่นายชวน พูดทำนองว่าตนเป็นคนมีคดีติดตัว แล้วยังมาทำการเมือง
" ผมก็บอกว่าผมโชคไม่ดีเหมือนกับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองบางคน นั่นน้องชายเขาฉ้อราษฎร์ ทำยุ่งกับเงินธนาคารเขาหลายร้อยล้านครับ ต้องหนีคดีไป 20 ปี บัดนี้คดีหมดแล้วกลับมาเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีใครว่าอะไรนี่ครับ ไม่มีใครกระทบกระทั่งเลย ว่าน้องชายคนเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นเป็นคนฉ้อราษฎร์ ไม่มีละครับ ของผมนี่จะบังหลวงหรือไม่ ผมก็ต่อสู้ของผมอยู่ ผมแน่ใจว่าผมไม่บังหลวง คดีความรถดับเพลิงก็ดี อะไรก็ดี ขุดมาก็ว่ากัน ถ้าผมไม่มารับตำแหน่งนี้ คดีความก็ไม่เกิด ที่ผมมารับตำแหน่งนี้คดีความก็เกิด ผมก็ท้าทายดูให้ตรวจสอบผมอย่างนี้" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวว่าคนที่น้องชายฉ้อราษฎร์นั้นถามว่าสื่อสารมวลชนได้จับไปขยำขยี้ ไปว่ากล่าวไหม ไม่ มีความกริ่งเกรงใจ เกรงใจคุณพี่ชายกัน แล้วน้องชายก็หลบหนีไปจนกระทั่ง อย่างนี้ตนยังไม่เอามาพูดเลย แต่นี่มาพูดให้เห็นก็เพราะว่า หัวหน้าพรรคการเมืองในอดีตบางคน น้องชายไปฉ้อราษฎร์เขา แล้วคนในพรรคท่านแต่ก่อนนี้ก็มีคดีความ คดีหมิ่นประมาทเหมือนกันเลย แล้วยังมาให้เลือกตั้งอยู่
"คดีความนี้ ถ้าเป็นคดีความประเภทที่เขาเรียกว่า คดีลหุโทษ หรือคดีหมิ่นประมาท ในทางการเมืองเขาได้รับยกเว้นไว้ครับ ยกเว้นไว้เลย ในทางการเมืองได้รับยกเว้น คดีหมิ่นประมาทคดีลหุโทษ เอามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่บัดนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้กันไว้ เอาจนได้ละครับ หมายความว่าถ้าดำรงตำแหน่งอยู่ มีคดีพาดมาปั๊บโดนเลยทันที แต่ก่อนไม่มีครับ แต่เดี๋ยวนี้มี" นายสมัคร กล่าว และว่าความจริงไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่เมื่อมากระทบตน ตนก็กระทบบ้าง แต่ตนไม่ได้ออกชื่อใคร ไม่ได้กินปูนอย่าร้อนท้องก็แล้วกัน
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร โจมตีน้องชายนายชวน หลีกภัย ว่าเป็นคนฉ้อโกง และหลบหนีคดีว่า เรื่องที่นายสมัคร พูดนั้นเป็นการหยิบเรื่องเก่า มาดิสเครดิตนายชวน ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นนั้นก็หมดอายุความไปแล้ว ถ้ามีใครมาหยิบเรื่องญาติของนายสมัคร มาเพื่อดิสเครดิตเช่นนี้บ้าง จะรู้สึกเช่นไร
เมื่อถามว่า การกระทำของนายสมัคร เพื่อต้องการกลบข่าวการแฉข้อมูลใบปลิวโจมตีองคมนตรี ใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า เรื่องที่นายชวน หยิบจดหมายขึ้นมาบอกความจริงในสังคมว่า มีจดหมายโจมตีบุคคลในสังคมในลักษณะเช่นนี้นั้น เป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว แต่สัง คมยังไม่ได้รับรู้ เพราะในยามที่บ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ แต่พฤติกรรมแบบนี้ก็ยังอยู่ รัฐบาลควรมาช่วยกันตรวจสอบในเรื่องเนื้อหาที่เกิดขึ้นในใบปลิวมากกว่า ว่าเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่มาบอกว่า คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้มีมลทิน
นายสาธิต ยังกล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย สั่งย้ายอธิบดีกรมที่ดินว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่สามารถทำได้ แต่ รมว.มหาดไทย ต้องตอบให้ได้ว่า การโยกย้ายที่เกิดขึ้นนั้นเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยทุกวันนี้ ใครก็รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไรที่ อย่าให้การโยกย้ายในครั้งนี้ เป็นการกระทำเพื่อการแก้แค้น หรือเป็นความต้องการของกลุ่มคนบางกลุ่ม
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีนายชวน แถลงข่าวเรื่องใบปลิว และซีดีโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า เป็นการนำพล.อ.เปรม มาพูดแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย ซึ่งการพูดแบบนี้ ทำให้พล.อ. เปรมเสียหาย แต่นายชวน และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประโยชน์ เพราะลำพังแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีน้ำยาในการจุดพลุเรื่องคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เลยนำ พล.อ.เปรม มาเกี่ยวข้อง "นายชวนพูดถึงพล.อ.เปรมแบบนี้ แสดงว่ามีเจตนาดี แต่ประสงค์ร้าย เพราะนายชวน แถลงข่าวล่าสุดนั้นเอกสารก็เหมือนกับที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยแถลงข่าวไปแล้ว และมันก็เป็นของเก่า ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่ นปก. เคยตั้งเวทีขับไล่เผด็จการ และนายชวน ควรไปสอบถาม ส.ส.ในพรรคตัวเอง ที่เคยไปร่วมงานกับพันธมิตรฯ ดีกว่า ว่าใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารครั้งล่าสุดบ้าง และในตอนนั้น เอกสารเหล่านี้ก็เผยแพร่ไปทั่ว สังคมก็รับรู้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางที่ดีนายชวน ควรเผยเจตนาที่แท้จริงในการพูดเรื่องนี้ออกมาดีกว่า ว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะผลสุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบคือพล.อ. เปรม และขอย้ำว่าคนที่ไปแหย่เสือหลับตามที่พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการมูลนิธิรัฐบุรุษอ้างไว้นั้น คือนายชวน สังคมควรรู้ไว้ว่า นายชวน มักจะมีพฤติกรรมแบบนี้ คือคนของตัวเองทำผิด แต่จะไม่ยอมรับ ทั้งๆที่มีหลักฐานชัดเจน หากเป็นฝ่ายตรงข้าม เพียงแต่สันนิษฐานโดยยังไม่พิสูจน์ ก็ผิดไปก่อนแล้ว นายชวน ไม่ได้มีพฤติกรรมสองมาตรฐาน แต่นายชวนเป็นคนที่ไม่มีมาตรฐานเลย" นายจตุพร กล่าว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้ความเห็นกรณีมีการเปิดเผยเกี่ยวกับใบปลิวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า ประธานองคมนตรีเคยเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองมาอย่างมากมาย เป็นปูชนียบุคคล เนื่องจากสังคมเราเป็นประชาธิปไตย มี 60 กว่าล้านเสียงที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ถ้าปล่อยให้เสียงเล็กน้อย ออกมาโดยไม่มีการควบคุม หรือดูแลก็ไม่ยุติธรรม เพราะประธานองคมนตรี ไม่อยู่ในฐานะที่จะปกป้องตัวเองได้ เราเป็นส่วนรวมทราบว่าอะไรดี ไม่ดี บุคคลใดที่เราควรให้เกียรติ ยกย่องก็ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า ควรให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตรวจสอบหรือไม่ ก่อนที่จุดเล็กๆ จะขยายเป็นปัญหาวงกว้าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ควรจะร่วมมือคิดสิ่งที่ดีกับบ้านเมืองดีกว่าทะเลาะกันเพื่อเอาชนะ และหวังว่าเราเป็นผู้ใหญ่กันพอ มีการถกเหตุผลให้ได้คำตอบเหมาะสม ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อเอาชนะกันแล้วทำให้เสียประโยชน์ของบ้านเมือง จนไม่ค่อยได้ทำงาน
นายสมัคร กล่าวว่า ตนไม่ทราบจะทำอย่างไร เพราะคดีความขนาดนี้ ก็หวังใจว่าข้างหน้าท่านจะไม่เล่นงาน เพราะศาลอุทธรณ์ก็ให้รอลงอาญา ตนก็ทำงานต่อไปได้ แต่นายชวน พูดทำนองว่าตนเป็นคนมีคดีติดตัว แล้วยังมาทำการเมือง
" ผมก็บอกว่าผมโชคไม่ดีเหมือนกับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองบางคน นั่นน้องชายเขาฉ้อราษฎร์ ทำยุ่งกับเงินธนาคารเขาหลายร้อยล้านครับ ต้องหนีคดีไป 20 ปี บัดนี้คดีหมดแล้วกลับมาเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่มีใครว่าอะไรนี่ครับ ไม่มีใครกระทบกระทั่งเลย ว่าน้องชายคนเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นเป็นคนฉ้อราษฎร์ ไม่มีละครับ ของผมนี่จะบังหลวงหรือไม่ ผมก็ต่อสู้ของผมอยู่ ผมแน่ใจว่าผมไม่บังหลวง คดีความรถดับเพลิงก็ดี อะไรก็ดี ขุดมาก็ว่ากัน ถ้าผมไม่มารับตำแหน่งนี้ คดีความก็ไม่เกิด ที่ผมมารับตำแหน่งนี้คดีความก็เกิด ผมก็ท้าทายดูให้ตรวจสอบผมอย่างนี้" นายสมัคร กล่าว
นายสมัคร กล่าวว่าคนที่น้องชายฉ้อราษฎร์นั้นถามว่าสื่อสารมวลชนได้จับไปขยำขยี้ ไปว่ากล่าวไหม ไม่ มีความกริ่งเกรงใจ เกรงใจคุณพี่ชายกัน แล้วน้องชายก็หลบหนีไปจนกระทั่ง อย่างนี้ตนยังไม่เอามาพูดเลย แต่นี่มาพูดให้เห็นก็เพราะว่า หัวหน้าพรรคการเมืองในอดีตบางคน น้องชายไปฉ้อราษฎร์เขา แล้วคนในพรรคท่านแต่ก่อนนี้ก็มีคดีความ คดีหมิ่นประมาทเหมือนกันเลย แล้วยังมาให้เลือกตั้งอยู่
"คดีความนี้ ถ้าเป็นคดีความประเภทที่เขาเรียกว่า คดีลหุโทษ หรือคดีหมิ่นประมาท ในทางการเมืองเขาได้รับยกเว้นไว้ครับ ยกเว้นไว้เลย ในทางการเมืองได้รับยกเว้น คดีหมิ่นประมาทคดีลหุโทษ เอามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ไม่ได้ แต่บัดนี้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้กันไว้ เอาจนได้ละครับ หมายความว่าถ้าดำรงตำแหน่งอยู่ มีคดีพาดมาปั๊บโดนเลยทันที แต่ก่อนไม่มีครับ แต่เดี๋ยวนี้มี" นายสมัคร กล่าว และว่าความจริงไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่เมื่อมากระทบตน ตนก็กระทบบ้าง แต่ตนไม่ได้ออกชื่อใคร ไม่ได้กินปูนอย่าร้อนท้องก็แล้วกัน
ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง ในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร โจมตีน้องชายนายชวน หลีกภัย ว่าเป็นคนฉ้อโกง และหลบหนีคดีว่า เรื่องที่นายสมัคร พูดนั้นเป็นการหยิบเรื่องเก่า มาดิสเครดิตนายชวน ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นนั้นก็หมดอายุความไปแล้ว ถ้ามีใครมาหยิบเรื่องญาติของนายสมัคร มาเพื่อดิสเครดิตเช่นนี้บ้าง จะรู้สึกเช่นไร
เมื่อถามว่า การกระทำของนายสมัคร เพื่อต้องการกลบข่าวการแฉข้อมูลใบปลิวโจมตีองคมนตรี ใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า เรื่องที่นายชวน หยิบจดหมายขึ้นมาบอกความจริงในสังคมว่า มีจดหมายโจมตีบุคคลในสังคมในลักษณะเช่นนี้นั้น เป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว แต่สัง คมยังไม่ได้รับรู้ เพราะในยามที่บ้านเมืองต้องการความสมานฉันท์ แต่พฤติกรรมแบบนี้ก็ยังอยู่ รัฐบาลควรมาช่วยกันตรวจสอบในเรื่องเนื้อหาที่เกิดขึ้นในใบปลิวมากกว่า ว่าเป็นความจริงหรือไม่ อย่างไร เพราะถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่มาบอกว่า คนที่ออกมาพูดเรื่องนี้มีมลทิน
นายสาธิต ยังกล่าวถึงกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย สั่งย้ายอธิบดีกรมที่ดินว่า เรื่องการโยกย้ายเป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่สามารถทำได้ แต่ รมว.มหาดไทย ต้องตอบให้ได้ว่า การโยกย้ายที่เกิดขึ้นนั้นเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในกระทรวงมหาดไทยทุกวันนี้ ใครก็รู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไรที่ อย่าให้การโยกย้ายในครั้งนี้ เป็นการกระทำเพื่อการแก้แค้น หรือเป็นความต้องการของกลุ่มคนบางกลุ่ม
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีนายชวน แถลงข่าวเรื่องใบปลิว และซีดีโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า เป็นการนำพล.อ.เปรม มาพูดแบบไม่มีปี่ ไม่มีขลุ่ย ซึ่งการพูดแบบนี้ ทำให้พล.อ. เปรมเสียหาย แต่นายชวน และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประโยชน์ เพราะลำพังแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีน้ำยาในการจุดพลุเรื่องคัดค้านการแก้รัฐธรรมนูญ ก็เลยนำ พล.อ.เปรม มาเกี่ยวข้อง "นายชวนพูดถึงพล.อ.เปรมแบบนี้ แสดงว่ามีเจตนาดี แต่ประสงค์ร้าย เพราะนายชวน แถลงข่าวล่าสุดนั้นเอกสารก็เหมือนกับที่ นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยแถลงข่าวไปแล้ว และมันก็เป็นของเก่า ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่ นปก. เคยตั้งเวทีขับไล่เผด็จการ และนายชวน ควรไปสอบถาม ส.ส.ในพรรคตัวเอง ที่เคยไปร่วมงานกับพันธมิตรฯ ดีกว่า ว่าใครอยู่เบื้องหลังการรัฐประหารครั้งล่าสุดบ้าง และในตอนนั้น เอกสารเหล่านี้ก็เผยแพร่ไปทั่ว สังคมก็รับรู้ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางที่ดีนายชวน ควรเผยเจตนาที่แท้จริงในการพูดเรื่องนี้ออกมาดีกว่า ว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะผลสุดท้ายคนที่ได้รับผลกระทบคือพล.อ. เปรม และขอย้ำว่าคนที่ไปแหย่เสือหลับตามที่พล.อ.พงษ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการมูลนิธิรัฐบุรุษอ้างไว้นั้น คือนายชวน สังคมควรรู้ไว้ว่า นายชวน มักจะมีพฤติกรรมแบบนี้ คือคนของตัวเองทำผิด แต่จะไม่ยอมรับ ทั้งๆที่มีหลักฐานชัดเจน หากเป็นฝ่ายตรงข้าม เพียงแต่สันนิษฐานโดยยังไม่พิสูจน์ ก็ผิดไปก่อนแล้ว นายชวน ไม่ได้มีพฤติกรรมสองมาตรฐาน แต่นายชวนเป็นคนที่ไม่มีมาตรฐานเลย" นายจตุพร กล่าว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้ความเห็นกรณีมีการเปิดเผยเกี่ยวกับใบปลิวโจมตี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ว่า ประธานองคมนตรีเคยเป็นทหารอยู่ในกองทัพ ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองมาอย่างมากมาย เป็นปูชนียบุคคล เนื่องจากสังคมเราเป็นประชาธิปไตย มี 60 กว่าล้านเสียงที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง แต่ถ้าปล่อยให้เสียงเล็กน้อย ออกมาโดยไม่มีการควบคุม หรือดูแลก็ไม่ยุติธรรม เพราะประธานองคมนตรี ไม่อยู่ในฐานะที่จะปกป้องตัวเองได้ เราเป็นส่วนรวมทราบว่าอะไรดี ไม่ดี บุคคลใดที่เราควรให้เกียรติ ยกย่องก็ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า ควรให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตรวจสอบหรือไม่ ก่อนที่จุดเล็กๆ จะขยายเป็นปัญหาวงกว้าง พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ควรจะร่วมมือคิดสิ่งที่ดีกับบ้านเมืองดีกว่าทะเลาะกันเพื่อเอาชนะ และหวังว่าเราเป็นผู้ใหญ่กันพอ มีการถกเหตุผลให้ได้คำตอบเหมาะสม ไม่ใช่ต่อสู้เพื่อเอาชนะกันแล้วทำให้เสียประโยชน์ของบ้านเมือง จนไม่ค่อยได้ทำงาน