ผู้จัดการรายวัน - TKS รับเงินปันผล "ซินเน็ค" ทันที 65 ล้านบาท โดยรับในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท จากสัดส่วนถือหุ้น 50% "สุพันธุ์ " ฟุ้งสภาพคล่องดีกว่าปีก่อน เพิ่มโอกาสพิจารณาการจ่ายปันผลสูง มั่นใจไตรมาสแรกแนวโน้มผลงานเยี่ยม เหตุได้งานใหญ่เข้าเป็น Backlog หลายโครงการ ขณะที่ธุรกิจกลุ่มไอทียังมีทิศทางการเติบโตที่ดี เชื่อปีนี้รายได้เติบโต 15-20% ได้ตามเป้า
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมผู้ถือหุ้น บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ TKS ถือหุ้นร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน ได้อนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 130 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 มีนาคม 2551 ทั้งนี้ตามสัดส่วนการถือหุ้นจะทำให้ TKS ได้รับเงินปันผลทั้งสิ้น 65 ล้านบาท และจะรับรู้เป็นรายได้ทันทีในไตรมาสแรกนี้
"หลังจาก TKS ได้รับเงินปันผลจาก ซินเน็คฯ ถึง 65 ล้านบาท จะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้เพิ่มเติมจากการดำเนินงานปกติ ทำให้กระแสเงินสดของ TKS ดีขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การจ่ายปันผลได้มากขึ้นในอนาคต บวกกับแนวโน้มของผลประกอบการไตรมาสแรกของ TKS ที่เชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนจากผลงานของ TKS ตั้งแต่ปลายปี 2550 จนถึงไตรมาส 1/51 ได้รับงานในโครงการขนาดใหญ่เข้ามาต่อเนื่อง แล้วหลายโครงการ" นายสุพันธุ์
ทั้งนี้ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2551 ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยจัดจำหน่ายให้กับผู้ค้าส่งและค้าปลีกภายในประเทศทั้งหมดมากกว่า 5,000 ราย และจัดจำหน่ายสินค้ามากกว่า 50 ตราสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก
บริษัทฯ มี King’s Eye Investments Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนของกลุ่มซินเน็ค ประเทศไต้หวัน ถือหุ้นในบริษัทฯ ทั้งหมดร้อยละ 49 ของทุนชำระแล้ว และTKS ถือหุ้นในบริษัทฯ ร้อยละ 50 ณ เดือนพฤศจิกายน 2550 และบริษัทฯ มีความเป็นอิสระในการบริหารงานจากกลุ่มซินเน็ค ประเทศไต้หวัน โดยมีบุคลากรหลักเป็นคนไทยทั้งหมด รวมทั้งนโยบายในการบริหารที่เป็นเอกเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวตามสภาวะการแข่งขันในตลาดภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุพันธุ์กล่าวอีกว่าจากแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจนของรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/51 เมื่อรวมกับนโยบาย ของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า เชื่อว่าจะทำให้มีงานใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการบริษัทฯ ปีนี้เติบโตได้ในระดับ 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการ บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมผู้ถือหุ้น บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ TKS ถือหุ้นร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน ได้อนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2550 ในอัตราหุ้นละ 0.26 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 130 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 มีนาคม 2551 ทั้งนี้ตามสัดส่วนการถือหุ้นจะทำให้ TKS ได้รับเงินปันผลทั้งสิ้น 65 ล้านบาท และจะรับรู้เป็นรายได้ทันทีในไตรมาสแรกนี้
"หลังจาก TKS ได้รับเงินปันผลจาก ซินเน็คฯ ถึง 65 ล้านบาท จะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้เพิ่มเติมจากการดำเนินงานปกติ ทำให้กระแสเงินสดของ TKS ดีขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การจ่ายปันผลได้มากขึ้นในอนาคต บวกกับแนวโน้มของผลประกอบการไตรมาสแรกของ TKS ที่เชื่อว่าจะเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันในปีก่อนจากผลงานของ TKS ตั้งแต่ปลายปี 2550 จนถึงไตรมาส 1/51 ได้รับงานในโครงการขนาดใหญ่เข้ามาต่อเนื่อง แล้วหลายโครงการ" นายสุพันธุ์
ทั้งนี้ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2551 ประกอบธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศ และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ โดยจัดจำหน่ายให้กับผู้ค้าส่งและค้าปลีกภายในประเทศทั้งหมดมากกว่า 5,000 ราย และจัดจำหน่ายสินค้ามากกว่า 50 ตราสินค้าจากผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก
บริษัทฯ มี King’s Eye Investments Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนของกลุ่มซินเน็ค ประเทศไต้หวัน ถือหุ้นในบริษัทฯ ทั้งหมดร้อยละ 49 ของทุนชำระแล้ว และTKS ถือหุ้นในบริษัทฯ ร้อยละ 50 ณ เดือนพฤศจิกายน 2550 และบริษัทฯ มีความเป็นอิสระในการบริหารงานจากกลุ่มซินเน็ค ประเทศไต้หวัน โดยมีบุคลากรหลักเป็นคนไทยทั้งหมด รวมทั้งนโยบายในการบริหารที่เป็นเอกเทศ ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวตามสภาวะการแข่งขันในตลาดภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุพันธุ์กล่าวอีกว่าจากแนวโน้มการเติบโตอย่างชัดเจนของรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/51 เมื่อรวมกับนโยบาย ของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า เชื่อว่าจะทำให้มีงานใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะสนับสนุนให้ผลประกอบการบริษัทฯ ปีนี้เติบโตได้ในระดับ 15-20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้