ลูกเขยเจ้าสัวเจริญ เปิดปากซื้อตึกเนชั่นฯ แล้ว พร้อมใส่เงินลงทุนเพิ่มอีกพันล้าน ดันเป็นศูนย์กลางธุรกิจไอทีโซนตะวันออก ลั่นมีเงินอีก 2,000 ล้าน รองรับเทกโอเวอร์ตึกปีนี้ เผยแผนด่วนจากนโยบายเจ้าสัวฯ เนรมิตที่ดินชะอำ 12,000 ไร่ สู่บิ๊กโปรเจกต์ ดึงฮ่องกง-ออสเตรเลียลงทุนแทน ผุดโรงแรมระดับ 5 ดาว เร่งปั๊มโรงแรมโลว์คอสต์หมื่นห้องภายใต้แบรนด์อิมม์
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะมีกระแสข่าวที่บริษัท ทีซีซี แลนด์ ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของ “เบียร์ช้าง” จะสนใจอาคารสำนักงานใหญ่เนชั่น ทาวเวอร์ ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) แต่ก็ไม่ได้มีคำยืนยัน ที่หลุดออกมาจากผู้บริหารของบริษัทฯ
ล่าสุดนายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส (ลูกเขยเจ้าสัวเจริญ) กรรมการบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด เปิดเผยในงานเปิดตัวบริษัท เอสแอนด์เอส เรสซิเดนเชียล จำกัด บริษัทอสังหาฯในเครือทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ จำกัด ว่า ทีซีซี แลนด์ฯ ได้เข้าไปซื้อตึกเนชั่นฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในการซื้อครั้งนี้ได้รวมถึงโครงการโรงแรมและรีสอร์ตที่หัวหิน โดยบริษัทฯได้มีการเพิ่มเงินลงทุนในทรัพย์สินที่ได้มาอีก 1,000 ล้านบาท จะมีส่งเสริมให้ตึกเนชั่นฯ กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านไอทีในโซนตะวันออก(บางนา-ตราด) ซึ่งมีบริษัท ที.ซี.ซี.เทคโนโลยี จำกัด (TCCT) บริหารดาต้าเซ็นเตอร์เป็นแห่งที่สอง และแห่งแรกจะเป็นที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ บนถนนสาทร
“เรื่องของการเข้าไปลงทุนอาคารต่างๆ นั้น ทางบริษัทฯยังคงพิจารณาและเลือกอาคารที่มีศักยภาพและอยู่ในทำเลที่ดี โดยทางบริษัทฯ ยังมีงบประมาณในปีนี้อยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท” นายโสมพัฒน์กล่าว
ก่อนหน้านี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเนชั่นฯ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.51 ได้อนุมัติขายทรัพย์สินของบริษัท คือ อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทพร้อมด้วยที่ดินที่อาคารตั้งอยู่ รวมมูลค่าของทรัพย์สิน 1,379.75 ล้านบาท ซึ่ง คำนวณตามมูลค่าทางบัญชี ตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 ก.ย. 2550
เร่งปั๊มโครงการใหญ่ตามเจ้าสัวฯ
นายโสมพัฒน์กล่าวถึงความคืบหน้าของการลงทุนในส่วนของทีซีซี แลนด์ฯว่า มีหลายอย่างที่ทางบริษัทฯจะต้องดำเนินการตามนโยบายที่ประธาน (นายเจริญ สิริวัฒนภักดี) ได้กำชับไว้ ได้แก่ ที่ดินในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ เงินค่าจ้างในการออกแบบปีแรก 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าภายในสิ้นปีแล้วเสร็จ ซึ่งรูปแบบของการพัฒนาที่ดิน ทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในการลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เฉพาะส่วนนี้ ก็น่าจะใช้เงินในการปรับปรุงสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนจะเป็นการดึงนักลงทุนจากประเทศเข้ามาในแต่ละโซน ซึ่งมีทั้งนักลงทุนจากฮ่องกง ออสเตรเลียให้ความสนใจอย่างมาก
โดยรูปแบบของการพัฒนาในเบื้องต้น จะพยายามส่งเสริมให้เป็นแหล่งที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีการแบ่งที่ดินประมาณ 4,000 ไร่ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของที่ดินทั้งหมด ขุดเพื่อทำเป็นทำเลสาบ และยังสามารถนำน้ำเหล่านี้ มารองรับกับความต้องการภายในโครงการได้ ส่วนของการพัฒนาจะแบ่งเป็น 4,000 ไร่ รองรับการเปิดเป็นสนามกอล์ฟประมาณ 4-5 สนามๆละ 18 หลุม และอีก 4,000 ไร่ จะเป็นรูปแบบของที่อยู่อาศัยรองรับกลุ่มลูกค้าเกษียณอายุให้แก่ชาวต่างประเทศ รวมถึงมีโรงแรมไว้บริการอีก 5-6 โรงแรม
“เหตุผลที่เราต้องเร่งนำที่ดินที่ชะอำมาดำเนินการ เนื่องจากไม่กี่วันมานี้ ท่านประธาน(นายเจริญ สิริวัฒนภักดี) ได้เร่งมา อย่างไรก็ตาม เดิมในแผนจะมีการพัฒนาสวนสนุกระดับโลก แต่เมื่อพิจารณาความเหมาะสมแล้ว คงไมมีในส่วนของสวนสนุก” กรรมการบริษัท ทีซีซี แลนด์ฯ กล่าว
ในส่วนของธุรกิจโรงแรม จะมีการเปิดให้บริการ เช่น โรงแรมบนถนนสุรวงศ์ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เลอเมอร์ริเดียน , โรงแรมในจ.เชียงใหม่ คาดเปิดให้บริการส.ค.นี้ ส่วนของการลงทุนโรงแรมเพิ่มเติมคาดในปีนี้จะมีวงเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท เช่น โรงแรมที่เกาะสมุย 2 โครงการ ๆละ 3,000 ล้านบาท และเร่งการก่อสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่สุขุมวิท 24 จำนวน 250 ห้อง โดยอยู่ระหว่างการหาเชนมาบริหารโรงแรม
ปั๊ม รร.โลว์คอสต์ให้ได้หมื่นยูนิต
นายโสมพัฒน์ กล่าวถึงการขยายตลาดเข้าไปสู่โรงแรมระดับ 3 ดาว (โลว์คอสต์) ภายใต้ชื่อ “BUDGET” หรือ ห้องพักราคาถูก ว่า จะอยู่ภายใต้แบรนด์ “อิมม์ ” (IMM) เป็นโรงแรมที่เน้นลูกค้าระดับกลาง บริการค่าพักต่อคืนไม่สูงประมาณ 700-1,000 บาท สะดวกในการเดินทาง และสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือรถไฟฟ้าใต้ดินได้ ปัจจุบันมีอยู่ 2 โรงแรมที่ได้เข้าไปซื้อมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ อิมม์ อีโค่ เชียงใหม่ ประมาณ 120 ห้อง อัตราค่าบริการ 700-800 บาทต่อคืน โรงแรมอิมม์ ฟิวชั่น สุขุมวิท 50 จำนวน 168 ห้อง ค่าพักต่อคืน 1,000 บาท
นอจากนี้ ยังได้เตรียมไปพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์อิมม์ ในหัวเมืองท่องเที่ยวเพิ่มเติม ได้แก่ ที่หัวหิน และสมุย จำนวนห้องพักแต่ละแห่งคาดไม่เกิน 120 ห้อง และคิดว่าต้องการไปขยายบริการที่ภูเก็ตและจ.ขอนแก่นเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนของเป้าหมายที่ประธานฯมอบไว้ น่าจะมีจำนวนห้องพักภายใต้แบรนด์อิมม์ประมาณ 10,000 ห้อง
ทยอยเปิดคอนโดฯ ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ จำกัด นายโสมพัฒน์ ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ กล่าวว่า บริษัทแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสแอนด์เอส เรสซิเดนเชียล จำกัด จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขยายตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง จากก่อนหน้าที่บริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนมาแล้วหลายโครงการ และคิดว่าทางบริษัทเอสแอนด์เอสฯน่าจะมีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้ โดยราคาขายเริ่มต้น 50,000 บาทต่อตารางเมตร เริ่มต้น 1 ล้านบาทไปจนถึง 3 ล้านบาท แต่จะให้น้ำหนักกับขนาดยูนิตไม่ใหญ่ เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานในช่วงอายุ 25-35 ปี ที่ต้องการรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบใหม่
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการแรก คือ เอสแอนด์เอส สุขุมวิท ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 101/1 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพียง 600 เมตร มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท และภายในสิ้นปีจะมีแผนเปิดโครงการภายใต้แบรนด์เอสแอนด์เอส อีก 1 โครงการ โซนฝั่งธนบุรีซึ่งจะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีลม มูลค่าใกล้เคียงกับโครงการแรก
แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะมีกระแสข่าวที่บริษัท ทีซีซี แลนด์ ของตระกูลสิริวัฒนภักดี เจ้าของ “เบียร์ช้าง” จะสนใจอาคารสำนักงานใหญ่เนชั่น ทาวเวอร์ ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (NMG) แต่ก็ไม่ได้มีคำยืนยัน ที่หลุดออกมาจากผู้บริหารของบริษัทฯ
ล่าสุดนายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส (ลูกเขยเจ้าสัวเจริญ) กรรมการบริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด เปิดเผยในงานเปิดตัวบริษัท เอสแอนด์เอส เรสซิเดนเชียล จำกัด บริษัทอสังหาฯในเครือทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ จำกัด ว่า ทีซีซี แลนด์ฯ ได้เข้าไปซื้อตึกเนชั่นฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในการซื้อครั้งนี้ได้รวมถึงโครงการโรงแรมและรีสอร์ตที่หัวหิน โดยบริษัทฯได้มีการเพิ่มเงินลงทุนในทรัพย์สินที่ได้มาอีก 1,000 ล้านบาท จะมีส่งเสริมให้ตึกเนชั่นฯ กลายเป็นศูนย์กลางทางด้านไอทีในโซนตะวันออก(บางนา-ตราด) ซึ่งมีบริษัท ที.ซี.ซี.เทคโนโลยี จำกัด (TCCT) บริหารดาต้าเซ็นเตอร์เป็นแห่งที่สอง และแห่งแรกจะเป็นที่ตึกเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ บนถนนสาทร
“เรื่องของการเข้าไปลงทุนอาคารต่างๆ นั้น ทางบริษัทฯยังคงพิจารณาและเลือกอาคารที่มีศักยภาพและอยู่ในทำเลที่ดี โดยทางบริษัทฯ ยังมีงบประมาณในปีนี้อยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท” นายโสมพัฒน์กล่าว
ก่อนหน้านี้ มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเนชั่นฯ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.51 ได้อนุมัติขายทรัพย์สินของบริษัท คือ อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทพร้อมด้วยที่ดินที่อาคารตั้งอยู่ รวมมูลค่าของทรัพย์สิน 1,379.75 ล้านบาท ซึ่ง คำนวณตามมูลค่าทางบัญชี ตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 ก.ย. 2550
เร่งปั๊มโครงการใหญ่ตามเจ้าสัวฯ
นายโสมพัฒน์กล่าวถึงความคืบหน้าของการลงทุนในส่วนของทีซีซี แลนด์ฯว่า มีหลายอย่างที่ทางบริษัทฯจะต้องดำเนินการตามนโยบายที่ประธาน (นายเจริญ สิริวัฒนภักดี) ได้กำชับไว้ ได้แก่ ที่ดินในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ประมาณ 12,000 ไร่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ เงินค่าจ้างในการออกแบบปีแรก 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าภายในสิ้นปีแล้วเสร็จ ซึ่งรูปแบบของการพัฒนาที่ดิน ทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในการลงทุนและพัฒนาระบบสาธารณูปโภค เฉพาะส่วนนี้ ก็น่าจะใช้เงินในการปรับปรุงสาธารณูปโภคต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่การลงทุนจะเป็นการดึงนักลงทุนจากประเทศเข้ามาในแต่ละโซน ซึ่งมีทั้งนักลงทุนจากฮ่องกง ออสเตรเลียให้ความสนใจอย่างมาก
โดยรูปแบบของการพัฒนาในเบื้องต้น จะพยายามส่งเสริมให้เป็นแหล่งที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี มีการแบ่งที่ดินประมาณ 4,000 ไร่ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของที่ดินทั้งหมด ขุดเพื่อทำเป็นทำเลสาบ และยังสามารถนำน้ำเหล่านี้ มารองรับกับความต้องการภายในโครงการได้ ส่วนของการพัฒนาจะแบ่งเป็น 4,000 ไร่ รองรับการเปิดเป็นสนามกอล์ฟประมาณ 4-5 สนามๆละ 18 หลุม และอีก 4,000 ไร่ จะเป็นรูปแบบของที่อยู่อาศัยรองรับกลุ่มลูกค้าเกษียณอายุให้แก่ชาวต่างประเทศ รวมถึงมีโรงแรมไว้บริการอีก 5-6 โรงแรม
“เหตุผลที่เราต้องเร่งนำที่ดินที่ชะอำมาดำเนินการ เนื่องจากไม่กี่วันมานี้ ท่านประธาน(นายเจริญ สิริวัฒนภักดี) ได้เร่งมา อย่างไรก็ตาม เดิมในแผนจะมีการพัฒนาสวนสนุกระดับโลก แต่เมื่อพิจารณาความเหมาะสมแล้ว คงไมมีในส่วนของสวนสนุก” กรรมการบริษัท ทีซีซี แลนด์ฯ กล่าว
ในส่วนของธุรกิจโรงแรม จะมีการเปิดให้บริการ เช่น โรงแรมบนถนนสุรวงศ์ มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เลอเมอร์ริเดียน , โรงแรมในจ.เชียงใหม่ คาดเปิดให้บริการส.ค.นี้ ส่วนของการลงทุนโรงแรมเพิ่มเติมคาดในปีนี้จะมีวงเงินประมาณ 7,000 ล้านบาท เช่น โรงแรมที่เกาะสมุย 2 โครงการ ๆละ 3,000 ล้านบาท และเร่งการก่อสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่สุขุมวิท 24 จำนวน 250 ห้อง โดยอยู่ระหว่างการหาเชนมาบริหารโรงแรม
ปั๊ม รร.โลว์คอสต์ให้ได้หมื่นยูนิต
นายโสมพัฒน์ กล่าวถึงการขยายตลาดเข้าไปสู่โรงแรมระดับ 3 ดาว (โลว์คอสต์) ภายใต้ชื่อ “BUDGET” หรือ ห้องพักราคาถูก ว่า จะอยู่ภายใต้แบรนด์ “อิมม์ ” (IMM) เป็นโรงแรมที่เน้นลูกค้าระดับกลาง บริการค่าพักต่อคืนไม่สูงประมาณ 700-1,000 บาท สะดวกในการเดินทาง และสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสหรือรถไฟฟ้าใต้ดินได้ ปัจจุบันมีอยู่ 2 โรงแรมที่ได้เข้าไปซื้อมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ อิมม์ อีโค่ เชียงใหม่ ประมาณ 120 ห้อง อัตราค่าบริการ 700-800 บาทต่อคืน โรงแรมอิมม์ ฟิวชั่น สุขุมวิท 50 จำนวน 168 ห้อง ค่าพักต่อคืน 1,000 บาท
นอจากนี้ ยังได้เตรียมไปพัฒนาโรงแรมภายใต้แบรนด์อิมม์ ในหัวเมืองท่องเที่ยวเพิ่มเติม ได้แก่ ที่หัวหิน และสมุย จำนวนห้องพักแต่ละแห่งคาดไม่เกิน 120 ห้อง และคิดว่าต้องการไปขยายบริการที่ภูเก็ตและจ.ขอนแก่นเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนของเป้าหมายที่ประธานฯมอบไว้ น่าจะมีจำนวนห้องพักภายใต้แบรนด์อิมม์ประมาณ 10,000 ห้อง
ทยอยเปิดคอนโดฯ ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนของบริษัท ที.ซี.ซี. แคปปิตอล แลนด์ จำกัด นายโสมพัฒน์ ในฐานะรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทฯ กล่าวว่า บริษัทแห่งใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท เอสแอนด์เอส เรสซิเดนเชียล จำกัด จะเข้ามาทำหน้าที่ในการขยายตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลาง จากก่อนหน้าที่บริษัทได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนมาแล้วหลายโครงการ และคิดว่าทางบริษัทเอสแอนด์เอสฯน่าจะมีโอกาสเข้าไปทำตลาดได้ โดยราคาขายเริ่มต้น 50,000 บาทต่อตารางเมตร เริ่มต้น 1 ล้านบาทไปจนถึง 3 ล้านบาท แต่จะให้น้ำหนักกับขนาดยูนิตไม่ใหญ่ เน้นกลุ่มเป้าหมายวัยทำงานในช่วงอายุ 25-35 ปี ที่ต้องการรูปแบบการดำเนินชีวิตแบบใหม่
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการแรก คือ เอสแอนด์เอส สุขุมวิท ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 101/1 อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพียง 600 เมตร มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท และภายในสิ้นปีจะมีแผนเปิดโครงการภายใต้แบรนด์เอสแอนด์เอส อีก 1 โครงการ โซนฝั่งธนบุรีซึ่งจะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีลม มูลค่าใกล้เคียงกับโครงการแรก