"อนงค์วรรณ" เตรียมลงพื้นที่บางสะพาน รับฟังข้อมูลโครงการโรงถลุงเหล็กที่แม่รำพึง ขณะที่ “จินตนา แก้วขาว” เดินหน้าค้าน แม้ลูกชายถูกจับคดียาบ้า
วานนี้ (3 มี.ค.)นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่คัดค้านการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา เปิดเผยว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯได้รับแจ้งจากคณะทำงานของนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ ต.แม่รำพึงในวันที่ 7 มี.ค.นี้ โดยจะเชิญรัฐมนตรี และคณะไปพื้นที่จริงที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ และให้รับฟังการบรรยายสรุปที่ศูนย์เฝ้าระวังที่ 1 ในพื้นที่ป่าช้าเก่าหรือป่าพรุแม่รำพึง
ส่วนคณะทำงานจะลงมารับข้อมูลจากชาวบ้านในวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งจะมีการเสนอประเด็นให้สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ดำเนินการทบทวนการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ.ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่เครือสหวิริยายังมอบหมายให้ ธาราคอนซัลแทนซ์และปัญญาคอนซัลแทน ดำเนินการ ซึ่งล่าสุดมีการตรวจสอบข้อมูลการทำ อีไอเอ.ใหม่พบว่าบางส่วนยังมีข้อบกพร่องอย่างชัดเจน
นายสุพจน์ กล่าวว่า การทำกิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ยังมีนางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด เข้าร่วมตามปกติ หลังจาก 4 แกนนำองค์กรพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมมีมติชัดเจนว่า กรณีที่นายสันติภาพ แก้วขาว อายุ 19 ปี บุตรชายนางจินตนาถูกจับกุมยาบ้า 17 เม็ด ไม่เกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมค้านโรงถลุงเหล็ก ที่สำคัญชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์เข้าใจบทบาทของนางจินตนา ในการร่วมต่อสู้ ขอให้สังคมมีวิจารณญาณแยกแยะการต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมกับปัญหายาเสพติด
นายวิชิต กงภูเวช ตัวแทนเครือสหวิริยา กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมานางจินตนา ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตนต้องการให้ นางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่าไม้ รวมทั้งนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่ร่วมทำกิจกรรมกับนางจินตนา มาตลอดในระยะหลายปีที่ผ่านมา แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ และ แสดงความรับผิดชอบในประเด็นนี้
นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจควรรับฟังข้อมูลให้รอบด้าน และ พิจารณาอย่างเป็นธรรม ซึ่งตนพร้อมจะให้ข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และจะต้องสอบถามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและแนวทางการสนามฉันท์ของชาวบ้านสองกลุ่ม ซึ่งล่าสุดเกินที่หน่วยงานระดับจังหวัดจะเป็นผู้แสดงความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางลงพื้นที่ของรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯในวันที่ 7 มี.ค.นี้ จะเป็นการรับฟังข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีกำหนดการที่จะเข้าฟังบรรยายสรุปโครงการจากตัวแทนบริษัทสหวิริยา และประชาชนฝ่ายสนับสนุนในช่วงเช้า หลังจากนั้นจะเดินทางไปรับฟังข้อมูลจากฝ่ายคัดค้านโครงการ
วานนี้ (3 มี.ค.)นายสุพจน์ ส่งเสียง แกนนำกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่คัดค้านการก่อสร้างโรงถลุงเหล็กของเครือสหวิริยา เปิดเผยว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯได้รับแจ้งจากคณะทำงานของนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่ ต.แม่รำพึงในวันที่ 7 มี.ค.นี้ โดยจะเชิญรัฐมนตรี และคณะไปพื้นที่จริงที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการ และให้รับฟังการบรรยายสรุปที่ศูนย์เฝ้าระวังที่ 1 ในพื้นที่ป่าช้าเก่าหรือป่าพรุแม่รำพึง
ส่วนคณะทำงานจะลงมารับข้อมูลจากชาวบ้านในวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งจะมีการเสนอประเด็นให้สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ดำเนินการทบทวนการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ อีไอเอ.ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่เครือสหวิริยายังมอบหมายให้ ธาราคอนซัลแทนซ์และปัญญาคอนซัลแทน ดำเนินการ ซึ่งล่าสุดมีการตรวจสอบข้อมูลการทำ อีไอเอ.ใหม่พบว่าบางส่วนยังมีข้อบกพร่องอย่างชัดเจน
นายสุพจน์ กล่าวว่า การทำกิจกรรมของกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง ยังมีนางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด เข้าร่วมตามปกติ หลังจาก 4 แกนนำองค์กรพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมมีมติชัดเจนว่า กรณีที่นายสันติภาพ แก้วขาว อายุ 19 ปี บุตรชายนางจินตนาถูกจับกุมยาบ้า 17 เม็ด ไม่เกี่ยวข้องกับการทำกิจกรรมค้านโรงถลุงเหล็ก ที่สำคัญชาวบ้านจากกลุ่มอนุรักษ์เข้าใจบทบาทของนางจินตนา ในการร่วมต่อสู้ ขอให้สังคมมีวิจารณญาณแยกแยะการต่อสู้เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมกับปัญหายาเสพติด
นายวิชิต กงภูเวช ตัวแทนเครือสหวิริยา กล่าวว่า เมื่อปีที่ผ่านมานางจินตนา ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตนต้องการให้ นางสุนี ไชยรส กรรมการสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่าไม้ รวมทั้งนายนิธิ เอียวศรีวงศ์ จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนที่ร่วมทำกิจกรรมกับนางจินตนา มาตลอดในระยะหลายปีที่ผ่านมา แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ และ แสดงความรับผิดชอบในประเด็นนี้
นายประมวล พงศ์ถาวราเดช สส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจควรรับฟังข้อมูลให้รอบด้าน และ พิจารณาอย่างเป็นธรรม ซึ่งตนพร้อมจะให้ข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และจะต้องสอบถามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและแนวทางการสนามฉันท์ของชาวบ้านสองกลุ่ม ซึ่งล่าสุดเกินที่หน่วยงานระดับจังหวัดจะเป็นผู้แสดงความรับผิดชอบ
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางลงพื้นที่ของรมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯในวันที่ 7 มี.ค.นี้ จะเป็นการรับฟังข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย โดยมีกำหนดการที่จะเข้าฟังบรรยายสรุปโครงการจากตัวแทนบริษัทสหวิริยา และประชาชนฝ่ายสนับสนุนในช่วงเช้า หลังจากนั้นจะเดินทางไปรับฟังข้อมูลจากฝ่ายคัดค้านโครงการ