เชียงราย -อธิบดีกรมอาเซียนพบภาคเอกชนเชียงราย ชี้ทางรอดในการทำธุรกิจ รับการรวมของประเทศในอาเซียน 9 ประเทศ เป็นประชาคมอาเซียน ใน 7 ปีข้างหน้า ด้วยการผนึกเป็นคลัสเตอร์ พัฒนาทำตัวเป็นคนกลางในการกระจายสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นายวิทวัส ศรีวิหต อธิบดีกรมอาเซียน พร้อมด้วยนายนภดล สระวาสี รองอธิบดีกรมอาเซียน นายสุนทร ชัยยินดีภูมิ ผอ.กองอาเซียน 2 นายเชาวฤทธิ์ สาลิตุล ผอ.กองอาเซียน 4 ดร.นฤมิต หิญธีระนันทน์ หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางเชียงใหม่ ได้เดินทางมาพบปะภาคเอกชนจังหวัดเชียงราย ณ สำนักงานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เมื่อเร็วๆนี้ โดย มีนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย, นายอนุรัตน์ อินทร รองประธานหอการค้าฝ่ายเศรษฐกิจ นายชวลิต สุธรรมวงศ์ รองประธานหอการค้าฝ่ายเกษตร นำนักธุรกิจชั้นนำ กว่า 50 คน เข้าร่วมซักถามปัญหาต่างๆ
นายวิทวัส ศรีวิหต อธิบดีกรมอาเซียน ชี้ให้เห็นว่าในปี ค.ศ.2015 หรือ พ.ศ.2558 หรือ 7 ปี ข้างหน้าจะมีการรวมตัวของประเทศในอาเซียน 9 ประเทศ เป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งทำให้มีภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่มาก และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศของไทย จะเป็นประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2008 ถึงเดือน ธันวาคม 2009
สำหรับจังหวัดเชียงราย ซึ่งด้านเหนือติดพม่า และมีแม่น้ำโขงเชื่อมผ่าน ส่วนด้านตะวันออกติด สปป.ลาว ทำให้เป็นชายแดนสามประเทศ ทั้งยังเชื่อมต่อไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระยะทางราว 300 กิโลเมตรเท่านั้น มีเส้นทางถนนสาย R3a เชื่อมต่อ จีน-สปป.ลาว สู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประเทศไทย และมีสะพานข้ามแม่น้ำโขง อ.เชียงของ-ถนนสาย R3b เชื่อม จีน-พม่า สู่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ อยากให้ภาคเอกชนในจังหวัดได้รวมตัวกัน เพื่อผลักดันข้อเสนอแนะไปสู่รัฐบาล ให้ส่งเสริมในการทำการค้า การท่องเที่ยว และควรมีศูนย์ปฏิบัติการท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ยังต้องพยายามรวมตัวกันเป็นแบบ คลัสเตอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ส่วนการท่องเที่ยวของไทยกับจีนที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบที่จะมาเที่ยวชายทะเล ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แต่อนาคตรัฐบาลจีนอาจจะออกหนังสือเดินทางให้ชาวจีนมากขึ้น ทำให้ชาวจีนเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งไทยก็ต้องปรับตัวรองรับจากผลที่จะเกิดขึ้นด้วย
สำหรับภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย สนใจสอบถามถึงประเทศเวียดนามที่มีเศรษฐกิจเติบโต มีแนวโน้มเป็นคู่ค้าขนาดใหญ่ในอนาคต และปัญหาจากการทำเอฟทีเอ หรือข้อตกลงการค้าเสรี ผัก ผลไม้ ซึ่งมีทั้งผลดีและเสีย และอนาคตจะมีข้อตกลงการค้าเสรีในรูปแบบอื่นตามมา พร้อมกับแสดงความต้องการที่อยากให้ภาคเอกชนไทย เข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีเพียงเอกชนรายใหญ่ไม่กี่รายของไทยเท่านั้น ที่กล้าไปลงทุนในเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงราย แจ้งว่า นายวิทวัส ศรีวิหต อธิบดีกรมอาเซียน พร้อมด้วยนายนภดล สระวาสี รองอธิบดีกรมอาเซียน นายสุนทร ชัยยินดีภูมิ ผอ.กองอาเซียน 2 นายเชาวฤทธิ์ สาลิตุล ผอ.กองอาเซียน 4 ดร.นฤมิต หิญธีระนันทน์ หัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางเชียงใหม่ ได้เดินทางมาพบปะภาคเอกชนจังหวัดเชียงราย ณ สำนักงานหอการค้าจังหวัดเชียงราย เมื่อเร็วๆนี้ โดย มีนายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย, นายอนุรัตน์ อินทร รองประธานหอการค้าฝ่ายเศรษฐกิจ นายชวลิต สุธรรมวงศ์ รองประธานหอการค้าฝ่ายเกษตร นำนักธุรกิจชั้นนำ กว่า 50 คน เข้าร่วมซักถามปัญหาต่างๆ
นายวิทวัส ศรีวิหต อธิบดีกรมอาเซียน ชี้ให้เห็นว่าในปี ค.ศ.2015 หรือ พ.ศ.2558 หรือ 7 ปี ข้างหน้าจะมีการรวมตัวของประเทศในอาเซียน 9 ประเทศ เป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งทำให้มีภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่มาก และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศของไทย จะเป็นประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม 2008 ถึงเดือน ธันวาคม 2009
สำหรับจังหวัดเชียงราย ซึ่งด้านเหนือติดพม่า และมีแม่น้ำโขงเชื่อมผ่าน ส่วนด้านตะวันออกติด สปป.ลาว ทำให้เป็นชายแดนสามประเทศ ทั้งยังเชื่อมต่อไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ระยะทางราว 300 กิโลเมตรเท่านั้น มีเส้นทางถนนสาย R3a เชื่อมต่อ จีน-สปป.ลาว สู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประเทศไทย และมีสะพานข้ามแม่น้ำโขง อ.เชียงของ-ถนนสาย R3b เชื่อม จีน-พม่า สู่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ อยากให้ภาคเอกชนในจังหวัดได้รวมตัวกัน เพื่อผลักดันข้อเสนอแนะไปสู่รัฐบาล ให้ส่งเสริมในการทำการค้า การท่องเที่ยว และควรมีศูนย์ปฏิบัติการท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ยังต้องพยายามรวมตัวกันเป็นแบบ คลัสเตอร์ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ส่วนการท่องเที่ยวของไทยกับจีนที่ผ่านมาพบว่า นักท่องเที่ยวจีนชื่นชอบที่จะมาเที่ยวชายทะเล ที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แต่อนาคตรัฐบาลจีนอาจจะออกหนังสือเดินทางให้ชาวจีนมากขึ้น ทำให้ชาวจีนเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอื่นๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน ซึ่งไทยก็ต้องปรับตัวรองรับจากผลที่จะเกิดขึ้นด้วย
สำหรับภาคเอกชนในจังหวัดเชียงราย สนใจสอบถามถึงประเทศเวียดนามที่มีเศรษฐกิจเติบโต มีแนวโน้มเป็นคู่ค้าขนาดใหญ่ในอนาคต และปัญหาจากการทำเอฟทีเอ หรือข้อตกลงการค้าเสรี ผัก ผลไม้ ซึ่งมีทั้งผลดีและเสีย และอนาคตจะมีข้อตกลงการค้าเสรีในรูปแบบอื่นตามมา พร้อมกับแสดงความต้องการที่อยากให้ภาคเอกชนไทย เข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาพบว่ามีเพียงเอกชนรายใหญ่ไม่กี่รายของไทยเท่านั้น ที่กล้าไปลงทุนในเพื่อนบ้าน