ผู้จัดการรายวัน - ผู้ถือหุ้นไอทีวี ยื่นหนังสือร้องเรียน “เจ๊เพ็ญ” วอน ฟื้นไอทีวี ยัน อุ้มทุกคนที่โดนรัฐบาลไม่ใช่ประชาธิปไตยเตะล้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (19 ก.พ.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงมารับหนังสือร้องเรียนจาก นางรัตนาพร นามมนตรี ประธานกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ขอให้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2550 ในบทเฉพาะกาล มาตรา 56 และตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐ
นายจักรภพ กล่าวว่า ประชาชนที่มาร้องทุกข์ไม่ได้มากล่าวโทษใคร แต่มาขอ ความเป็นธรรมว่า 2 ปีที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ไอทีวีถูกบีบจากบริษัทมหาชนจนกลายเป็น รูปแบบปัจจุบัน ทำให้ประชาชนเหล่านี้เสียประโยชน์ ตนในฐานะที่ดูแลสื่อภาครัฐจะอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อประชาชนมาร้องทุกข์ตนก็มารับเพื่อไปแก้ไขปัญหา โดยจะเรียกทีมงานที่เกี่ยวข้องกับไอทีวีตั้งแต่ นายจุลยุทธ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกฯ ที่ถือว่ารู้เรื่องนี้ดีมากมาพูดคุยอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมพิจารณากฎหมายประเด็นอุปสรรค และไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาไอทีวีเพื่อประชาชนกลุ่มนี้
“ต้องวางหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องว่ารัฐต้องไม่เอาเปรียบประชาชน ไม่ใช่ว่า ไปดึงประชาชนมาร่วมลงทุนและประกาศเป็นบริษัทมหาชน จู่ๆ เมื่อยึดอำนาจขึ้นมา แล้วมาบอกว่าไม่ใช่บริษัทแล้ว ต้องเป็นส่วนราชการ ใครที่เคยมีหุ้นไอทีวีถือว่าเคราะห์ร้ายไป อย่างนี้ถือว่ารัฐไม่รับผิดชอบ ฉะนั้นผมจำเป็นต้องนำเรื่องนี้ไปแก้ไขต่อไป ส่วนมาตรการจะเป็นอย่างไรขอเวลาศึกษาสักระยะ”
ส่วนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า จะตั้งเป็นคณะทำงานมากกว่า ตนเคยบอกกับสื่อไปแล้วว่าตนจะตั้งคณะทำงานหลายชุด เพื่อศึกษาเรื่องกระบวนการสื่อภาครัฐ อาทิ ช่อง11 ซึ่งเป็นคำสั่งของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไปปรับปรุงให้ช่อง 11 เป็นโมเดิร์น 11
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ปัญหาของไอทีวีไม่ได้แปลว่าจะเกี่ยวข้องกับไทยพีบีเอส แต่มีจุดประสงค์ในการวางหลักเกณฑ์ให้ถูกต้องเป็นธรรมกับสื่อภาครัฐ ฉะนั้นในไม่ช้านี้จะเห็นรูปร่างหน้าตาของคณะทำงานเหล่านี้ หากจะให้ตนพูดอะไรในตอนนี้ถือว่าเร็วไป ขอศึกษากฎหมายแล้วค่อยติดตามบุคคล ส่วนอาจจะถูกมองว่าอุ้มไอทีวีนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า คงไม่หรอก เพราะไม่เฉพาะแค่ไอทีวี แต่ทุกคนที่โดนรัฐบาลซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยเตะล้มไปนั้น โดยอ้างกลไกภาครัฐ รัฐบาลประชาธิปไตยต้องอุ้มทั้งนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า เมื่อเวลา 11.30 น. วานนี้ (19 ก.พ.) นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลงมารับหนังสือร้องเรียนจาก นางรัตนาพร นามมนตรี ประธานกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า ขอให้แก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2550 ในบทเฉพาะกาล มาตรา 56 และตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐ
นายจักรภพ กล่าวว่า ประชาชนที่มาร้องทุกข์ไม่ได้มากล่าวโทษใคร แต่มาขอ ความเป็นธรรมว่า 2 ปีที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ไอทีวีถูกบีบจากบริษัทมหาชนจนกลายเป็น รูปแบบปัจจุบัน ทำให้ประชาชนเหล่านี้เสียประโยชน์ ตนในฐานะที่ดูแลสื่อภาครัฐจะอยู่เฉยไม่ได้ เมื่อประชาชนมาร้องทุกข์ตนก็มารับเพื่อไปแก้ไขปัญหา โดยจะเรียกทีมงานที่เกี่ยวข้องกับไอทีวีตั้งแต่ นายจุลยุทธ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกฯ ที่ถือว่ารู้เรื่องนี้ดีมากมาพูดคุยอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมพิจารณากฎหมายประเด็นอุปสรรค และไม่ได้หมายความว่าจะแก้ปัญหาไอทีวีเพื่อประชาชนกลุ่มนี้
“ต้องวางหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องว่ารัฐต้องไม่เอาเปรียบประชาชน ไม่ใช่ว่า ไปดึงประชาชนมาร่วมลงทุนและประกาศเป็นบริษัทมหาชน จู่ๆ เมื่อยึดอำนาจขึ้นมา แล้วมาบอกว่าไม่ใช่บริษัทแล้ว ต้องเป็นส่วนราชการ ใครที่เคยมีหุ้นไอทีวีถือว่าเคราะห์ร้ายไป อย่างนี้ถือว่ารัฐไม่รับผิดชอบ ฉะนั้นผมจำเป็นต้องนำเรื่องนี้ไปแก้ไขต่อไป ส่วนมาตรการจะเป็นอย่างไรขอเวลาศึกษาสักระยะ”
ส่วนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้หรือไม่นั้น นายจักรภพ กล่าวว่า จะตั้งเป็นคณะทำงานมากกว่า ตนเคยบอกกับสื่อไปแล้วว่าตนจะตั้งคณะทำงานหลายชุด เพื่อศึกษาเรื่องกระบวนการสื่อภาครัฐ อาทิ ช่อง11 ซึ่งเป็นคำสั่งของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไปปรับปรุงให้ช่อง 11 เป็นโมเดิร์น 11
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ปัญหาของไอทีวีไม่ได้แปลว่าจะเกี่ยวข้องกับไทยพีบีเอส แต่มีจุดประสงค์ในการวางหลักเกณฑ์ให้ถูกต้องเป็นธรรมกับสื่อภาครัฐ ฉะนั้นในไม่ช้านี้จะเห็นรูปร่างหน้าตาของคณะทำงานเหล่านี้ หากจะให้ตนพูดอะไรในตอนนี้ถือว่าเร็วไป ขอศึกษากฎหมายแล้วค่อยติดตามบุคคล ส่วนอาจจะถูกมองว่าอุ้มไอทีวีนั้น นายจักรภพ กล่าวว่า คงไม่หรอก เพราะไม่เฉพาะแค่ไอทีวี แต่ทุกคนที่โดนรัฐบาลซึ่งไม่ใช่ประชาธิปไตยเตะล้มไปนั้น โดยอ้างกลไกภาครัฐ รัฐบาลประชาธิปไตยต้องอุ้มทั้งนั้น