"สมชัย"โวยพวกจิตไม่ปกติทำป่วน ยื่น กกต.ตีความคุณสมบัติ "หมัก" เคยเป็นส.ว. ปี 49 ห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองหรือไม่ ชี้บ้านเมืองกำลังจะเดินหน้าก็มัวกระตุกโน่น กระตุกนี่
วานนี้(24 ก.พ.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ว. ซึ่งมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าน้อยมากว่า อาจเป็นเพราะหลักกฎหมายที่ออกมาไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เช่น ประชากรในกทม.มีเป็น10 ล้านคน แต่มี ส.ว.ได้แค่คนเดียว เมื่อดูรายชื่อแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นที่รู้จัก ก็ไม่รู้จะเลือกใคร หรือเลือกแล้วจะเป็นอย่างไรบางทีก็คิดไม่ออก จึงทำให้เป็นสาเหตุที่คนมาเลือกตั้งน้อย คิดว่าในอนาคตคงจะต้องมีการแก้ไขต่อไป แต่ขณะนี้ประชาชนก็ควรจะออกมาใช้สิทธิ์ ตามที่พึงมี
เมื่อถามว่าสัดส่วน ส.ว.ที่เหมาะสมควรจะเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องย้อนไปหรือไม่ แต่หลักการต้องปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน แต่เมื่อกฎหมายเป็นเช่นนี้แล้วก็อยากเชิญชวนประชาชนว่าอย่านอนหลับทับสิทธิ์เลย ยังมีเวลาและโอกาสที่จะมาใช้สิทธิ์กันได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต. ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในกรณีที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ว.ปี 49 นายสมชัย กล่าวว่า บ้านเมืองเราก็เป็นอย่างนี้ วุ่นวายไม่รู้จบก็เพราะอย่างนี้ เป็นสิทธิที่ทุกคนต่างเห็นไม่ตรงกันที่จะยื่นเรื่องเข้ามา
"ส่วนตัวเห็นว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องยื่นขึ้นมาให้ กกต.ทำงานหรือให้คนที่มีภารกิจอื่นต้องทำให้เสียเวลากับตรงนี้ เหมือนกับว่าบ้านเมืองจะเดินไปได้แล้ว แต่กลับมากระตุกโน่นกระตุกนี่ ซึ่งตนคิดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะต้องช่วยกันประคับประคองบ้านเมือง และเตือนว่า สิ่งที่ดีอยู่แล้ว เดินไปได้แล้ว อย่าไปกระตุกโน่นกระตุกนี่ให้บ้านเมืองเดินไปได้ไม่สะดวกเลย พูดอีกมุมหนึ่ง ก็คือ ถ้าเราตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบ ก็ต้องมีค่าตอบแทนนับหมื่นบาท ถ้าเป็นเรื่องน่าพิจารณาก็สมควร แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่มีสาระแล้วเราต้องพิจารณา ก็เป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าใช้จ่าย งานเราก็มากมายเหลือเกิน ทั้งที่กฎหมายทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่กฎหมายก็บอกว่า ถ้ามีเรื่องร้องขึ้นมาเราต้องพิจารณาโดยพลัน ถ้าไม่ตั้งอนุฯขึ้นมา ก็จะเกิดข้อโต้แย้งขึ้นมาอีก อยากให้สื่อช่วยกันประคับประคอง อะไรที่มันชัดเจนอยู่แล้ว อย่าป่วนดีกว่า ให้ช่วยกันยับยั้งคนป่วน ว่าไม่มีประโยชน์ ไอ้ที่มายื่นเพื่อความดังนี่ สื่อก็ไม่ให้ความสนใจ และอาจจะถูกสื่อ และประชาชนตำหนิอีกด้วย"
เมื่อถามว่า เป็นเพราะมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ที่พยายามมาสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลทำงานได้ นายสมชัย กล่าวว่า ถ้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คงมีความคิดรักบ้านเมืองเหมือนกัน อยากให้บ้านเมืองเดินไปได้ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่มีจิตใจผิดปกติมากกว่า
ส่วนกรณีที่อนุกรรมการ กกต.กำลังมีการพิจารณากรณีพรรค พปช. เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย นั้น ตนก็ยังไม่เห็นสำนวน ยังไม่ได้พิจารณา แต่คำว่านอมินีตามกฎหมายนั้นไม่มีคำนี้อยู่
ทั้งนี้ การตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนกรณีคุณสมบัติของ นายสมัคร กกต.ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมาโดยแต่งตั้งนายประทีป เปรื่องวงศ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวน
วานนี้(24 ก.พ.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงการเลือกตั้งล่วงหน้า ส.ว. ซึ่งมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าน้อยมากว่า อาจเป็นเพราะหลักกฎหมายที่ออกมาไม่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เช่น ประชากรในกทม.มีเป็น10 ล้านคน แต่มี ส.ว.ได้แค่คนเดียว เมื่อดูรายชื่อแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นที่รู้จัก ก็ไม่รู้จะเลือกใคร หรือเลือกแล้วจะเป็นอย่างไรบางทีก็คิดไม่ออก จึงทำให้เป็นสาเหตุที่คนมาเลือกตั้งน้อย คิดว่าในอนาคตคงจะต้องมีการแก้ไขต่อไป แต่ขณะนี้ประชาชนก็ควรจะออกมาใช้สิทธิ์ ตามที่พึงมี
เมื่อถามว่าสัดส่วน ส.ว.ที่เหมาะสมควรจะเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดว่าจะต้องย้อนไปหรือไม่ แต่หลักการต้องปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน แต่เมื่อกฎหมายเป็นเช่นนี้แล้วก็อยากเชิญชวนประชาชนว่าอย่านอนหลับทับสิทธิ์เลย ยังมีเวลาและโอกาสที่จะมาใช้สิทธิ์กันได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต. ตั้งอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในกรณีที่เคยดำรงตำแหน่ง ส.ว.ปี 49 นายสมชัย กล่าวว่า บ้านเมืองเราก็เป็นอย่างนี้ วุ่นวายไม่รู้จบก็เพราะอย่างนี้ เป็นสิทธิที่ทุกคนต่างเห็นไม่ตรงกันที่จะยื่นเรื่องเข้ามา
"ส่วนตัวเห็นว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องยื่นขึ้นมาให้ กกต.ทำงานหรือให้คนที่มีภารกิจอื่นต้องทำให้เสียเวลากับตรงนี้ เหมือนกับว่าบ้านเมืองจะเดินไปได้แล้ว แต่กลับมากระตุกโน่นกระตุกนี่ ซึ่งตนคิดว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศจะต้องช่วยกันประคับประคองบ้านเมือง และเตือนว่า สิ่งที่ดีอยู่แล้ว เดินไปได้แล้ว อย่าไปกระตุกโน่นกระตุกนี่ให้บ้านเมืองเดินไปได้ไม่สะดวกเลย พูดอีกมุมหนึ่ง ก็คือ ถ้าเราตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบ ก็ต้องมีค่าตอบแทนนับหมื่นบาท ถ้าเป็นเรื่องน่าพิจารณาก็สมควร แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่มีสาระแล้วเราต้องพิจารณา ก็เป็นเรื่องที่เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าใช้จ่าย งานเราก็มากมายเหลือเกิน ทั้งที่กฎหมายทุกอย่างก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่กฎหมายก็บอกว่า ถ้ามีเรื่องร้องขึ้นมาเราต้องพิจารณาโดยพลัน ถ้าไม่ตั้งอนุฯขึ้นมา ก็จะเกิดข้อโต้แย้งขึ้นมาอีก อยากให้สื่อช่วยกันประคับประคอง อะไรที่มันชัดเจนอยู่แล้ว อย่าป่วนดีกว่า ให้ช่วยกันยับยั้งคนป่วน ว่าไม่มีประโยชน์ ไอ้ที่มายื่นเพื่อความดังนี่ สื่อก็ไม่ให้ความสนใจ และอาจจะถูกสื่อ และประชาชนตำหนิอีกด้วย"
เมื่อถามว่า เป็นเพราะมือที่มองไม่เห็นหรือไม่ที่พยายามมาสกัดกั้นไม่ให้รัฐบาลทำงานได้ นายสมชัย กล่าวว่า ถ้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คงมีความคิดรักบ้านเมืองเหมือนกัน อยากให้บ้านเมืองเดินไปได้ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนที่มีจิตใจผิดปกติมากกว่า
ส่วนกรณีที่อนุกรรมการ กกต.กำลังมีการพิจารณากรณีพรรค พปช. เป็นนอมินีพรรคไทยรักไทย นั้น ตนก็ยังไม่เห็นสำนวน ยังไม่ได้พิจารณา แต่คำว่านอมินีตามกฎหมายนั้นไม่มีคำนี้อยู่
ทั้งนี้ การตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนกรณีคุณสมบัติของ นายสมัคร กกต.ได้มีมติเมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมาโดยแต่งตั้งนายประทีป เปรื่องวงศ์ อัยการอาวุโส เป็นประธานคณะอนุกรรมการสอบสวน
