๐๐ ดูเหมือนเป็นการประกาศเลือกข้างที่ชัดเจนที่สุดอีกครั้งหนึ่ง สำหรับ“สมชัย จึงประเสริฐ” กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย ที่ออกมา ใช้คำเหน็บแนมคนที่ยื่นตีความคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีของ “นายกฯหมัก” ว่าจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ กรณีที่เคยเป็น ส.ว.เมื่อปี 2549
๐๐ ไม่รู้ว่าท่านจะ “อิน” อะไรนักหนา ถึงขั้นต้องด่าว่าคนที่ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบเป็นพวก “จิตไม่ปกติ” “อยากดัง” “ต้องการสร้างความปั่นป่วน” แถมยังมีคำวินิจฉัยส่วนตัวออกมาล่วงหน้าเรียบร้อยว่า “ทั่นหมัก”มีคุณสมบัติครบถ้วนในการดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีทุกประการ ไม่จำเป็นที่ กกต.จะต้องตรวจสอบให้เสียเวลาอีก
๐๐ ช่างตรงกันข้ามกับท่าทีของท่าน “ประพันธ์ นัยโกวิท” กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง ที่เห็นว่า เมื่อมีคนยื่นเรื่องมาเป็นทางการ ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้
๐๐ อย่าลืมว่าข้อสงสัยในความเที่ยงตรงของ “ทั่นสมชัย” นั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้ง 23 ธ.ค. ที่สำนวนการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งนับพันเรื่อง ถูกตีตกไปเหลือไม่กี่สิบเรื่องในเวลาไม่กี่วัน ต่อมา หลังวันเลือกตั้ง ก็มีข้อครหาเรื่อง “สำนวนรั่ว” ไปถึงมือ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ขึ้นมาอีก และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านฯ ก็แบะท่าว่าจะอุ้ม “ประธานยุทธ”ให้พ้นผิดจากคดีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย เมื่อท่านบอกว่า ควรจะให้โอกาสคนๆ นี้ได้ทำความดี แม้ที่ผ่านมา จะเป็นคน “สีเทา”ก็ตาม ดังนั้น เมื่อประมวลท่าทีของท่านในอดีต กับล่าสุดที่ท่านทะลุกลางปล้องออกมาโอบอุ้ม“นายกฯหมัก” ก็ทำให้หลายคนเลิกสงสัยในตัวท่านแล้ว เพราะเชื่อว่าท่านเป็นอย่างที่เคยสงสัยจริงๆ
๐๐ ครั้งที่ 3 ของ “สนทนาประสาสมัคร” ทางโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เวลาส่วนใหญ่ของรายการถูกนำไปชี้แจงเรื่องราคาพืชผักในท้องตลาด ตามแนวที่ “ทั่นหมัก” เชี่ยวชาญและสามารถพูดลงรายละเอียดได้เป็นควุ้งเป็นแควมากกว่าเรื่องอื่นๆ
๐๐ แต่ที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การปกป้องผลงานเดิมๆ ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังหนีหมายจับในคดีทุจริต ตะลอนๆ อยู่ต่างประเทศ สัปดาห์นี้ มาถึงคิวนโยบาย “ปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ที่นำไปสู่การตายของคนที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดประมาณ 2,500 คน ซึ่งทั่นนายกฯ ไม่ค่อยพอใจนัก ที่สื่อมวลชนเรียกนโยบายนี้ว่า “นโยบายฆ่าตัดตอน”
๐๐ “ทั่นนายกฯ” อ้างว่า คนที่ตายส่วนใหญ่เป็นเพราะแก๊งค้ายาระดับ “ตัวการ” ฆ่าตัดตอนผู้ค้ารายเล็กรายน้อย เพื่อไม่ให้โยงถึงตัว แต่ทั่นนายกฯ ก็ไม่ได้อธิบายต่อว่า แล้วเหตุไฉนเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้ฆ่ากันเองเป็นพันๆ คดี แล้วจนป่านนี้ ยังสืบหา “ตัวการ” ที่สั่งฆ่าตัดตอนพวกเดียวกันเองไม่ได้แม้แต่คนเดียว
๐๐ การใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ในช่วงต้นถึงปลายปี 2546 ที่ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริงๆ ตายไปประมาณ 1,000 คนนั้น นักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก มองว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากเรื่องนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นการ “ฆาตกรรมต่อมวลมนุษยชาติ” อดีตนายกฯ พลัดถิ่นก็มีสิทธิที่จะถูกนำตัวขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศในฐานะจำเลยอย่างแน่นอน นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกเอาทนายความคนใกล้ชิดมานั่งในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ หรือไม่
๐๐ ในช่วง 3-4 สัปดาห์ ของการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ดูเหมือนว่า “สมัคร สุนทรเวช” พยายามเป็นตัวของตัวเอง ด้วยการรวบเอางานสำคัญๆ ไว้กับตัวหรือไม่ก็แบ่งให้คนใกล้ชิดช่วยดูแล รวมทั้งตำหนิติติงโผเลขาฯ รมต.-ที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “ลูกเหลิม”ยังได้เป็น เลขาฯ รมช.กระทรวงหมอตามโผ “ชนม์สวัสดิ์”ยังได้เป็นผู้ช่วยเลขาฯ มท.3 ก่อนที่จะแสดงสปิริตไม่รับตำแหน่งเอง
๐๐ งานในกระทรวงยุติธรรมนั้น แม้นายกฯ จะกำกับดูแลเอง แต่เมื่อ รมต.สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สั่งย้ายฟ้าผ่า อธิบดี “ดีเอสไอ”ท่ามกลางข้อสงสัยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรี แต่ “ท่านหมัก” ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย หรือคิดจะยับยั้ง
๐๐ ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่า อำนาจตัดสินใจจริงๆ ของ “สมัคร” มีหรือไม่ หรือว่า ความพยายามที่จะเป็นตัวของตัวเองในช่วง 3 – 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นพียงกลลวงตบตาสังคม เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า ตนเป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิดเท่านั้น แต่ลึกๆ แล้ว นายกฯ คนที่ 25 กับ อดีตนายกฯ คนที่ 23 ยังคงเกี้ยเซี้ยผลประโยชน์กันและกัน ได้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะร่วมมือกันนำ “ระบอบทักษิณ”ที่เคยเรืองอำนาจช่วงปี 5-6 ปีก่อนกลับมาอีกครั้ง
๐๐ ไม่รู้ว่าท่านจะ “อิน” อะไรนักหนา ถึงขั้นต้องด่าว่าคนที่ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบเป็นพวก “จิตไม่ปกติ” “อยากดัง” “ต้องการสร้างความปั่นป่วน” แถมยังมีคำวินิจฉัยส่วนตัวออกมาล่วงหน้าเรียบร้อยว่า “ทั่นหมัก”มีคุณสมบัติครบถ้วนในการดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีทุกประการ ไม่จำเป็นที่ กกต.จะต้องตรวจสอบให้เสียเวลาอีก
๐๐ ช่างตรงกันข้ามกับท่าทีของท่าน “ประพันธ์ นัยโกวิท” กกต.ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้ง ที่เห็นว่า เมื่อมีคนยื่นเรื่องมาเป็นทางการ ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีความผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้
๐๐ อย่าลืมว่าข้อสงสัยในความเที่ยงตรงของ “ทั่นสมชัย” นั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้ง 23 ธ.ค. ที่สำนวนการร้องเรียนทุจริตเลือกตั้งนับพันเรื่อง ถูกตีตกไปเหลือไม่กี่สิบเรื่องในเวลาไม่กี่วัน ต่อมา หลังวันเลือกตั้ง ก็มีข้อครหาเรื่อง “สำนวนรั่ว” ไปถึงมือ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ขึ้นมาอีก และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ท่านฯ ก็แบะท่าว่าจะอุ้ม “ประธานยุทธ”ให้พ้นผิดจากคดีทุจริตเลือกตั้งที่เชียงราย เมื่อท่านบอกว่า ควรจะให้โอกาสคนๆ นี้ได้ทำความดี แม้ที่ผ่านมา จะเป็นคน “สีเทา”ก็ตาม ดังนั้น เมื่อประมวลท่าทีของท่านในอดีต กับล่าสุดที่ท่านทะลุกลางปล้องออกมาโอบอุ้ม“นายกฯหมัก” ก็ทำให้หลายคนเลิกสงสัยในตัวท่านแล้ว เพราะเชื่อว่าท่านเป็นอย่างที่เคยสงสัยจริงๆ
๐๐ ครั้งที่ 3 ของ “สนทนาประสาสมัคร” ทางโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เวลาส่วนใหญ่ของรายการถูกนำไปชี้แจงเรื่องราคาพืชผักในท้องตลาด ตามแนวที่ “ทั่นหมัก” เชี่ยวชาญและสามารถพูดลงรายละเอียดได้เป็นควุ้งเป็นแควมากกว่าเรื่องอื่นๆ
๐๐ แต่ที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ การปกป้องผลงานเดิมๆ ของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังหนีหมายจับในคดีทุจริต ตะลอนๆ อยู่ต่างประเทศ สัปดาห์นี้ มาถึงคิวนโยบาย “ปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ที่นำไปสู่การตายของคนที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดประมาณ 2,500 คน ซึ่งทั่นนายกฯ ไม่ค่อยพอใจนัก ที่สื่อมวลชนเรียกนโยบายนี้ว่า “นโยบายฆ่าตัดตอน”
๐๐ “ทั่นนายกฯ” อ้างว่า คนที่ตายส่วนใหญ่เป็นเพราะแก๊งค้ายาระดับ “ตัวการ” ฆ่าตัดตอนผู้ค้ารายเล็กรายน้อย เพื่อไม่ให้โยงถึงตัว แต่ทั่นนายกฯ ก็ไม่ได้อธิบายต่อว่า แล้วเหตุไฉนเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้ฆ่ากันเองเป็นพันๆ คดี แล้วจนป่านนี้ ยังสืบหา “ตัวการ” ที่สั่งฆ่าตัดตอนพวกเดียวกันเองไม่ได้แม้แต่คนเดียว
๐๐ การใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ในช่วงต้นถึงปลายปี 2546 ที่ทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริงๆ ตายไปประมาณ 1,000 คนนั้น นักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก มองว่าเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หากเรื่องนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นการ “ฆาตกรรมต่อมวลมนุษยชาติ” อดีตนายกฯ พลัดถิ่นก็มีสิทธิที่จะถูกนำตัวขึ้นสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศในฐานะจำเลยอย่างแน่นอน นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เลือกเอาทนายความคนใกล้ชิดมานั่งในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ หรือไม่
๐๐ ในช่วง 3-4 สัปดาห์ ของการอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ดูเหมือนว่า “สมัคร สุนทรเวช” พยายามเป็นตัวของตัวเอง ด้วยการรวบเอางานสำคัญๆ ไว้กับตัวหรือไม่ก็แบ่งให้คนใกล้ชิดช่วยดูแล รวมทั้งตำหนิติติงโผเลขาฯ รมต.-ที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง “ลูกเหลิม”ยังได้เป็น เลขาฯ รมช.กระทรวงหมอตามโผ “ชนม์สวัสดิ์”ยังได้เป็นผู้ช่วยเลขาฯ มท.3 ก่อนที่จะแสดงสปิริตไม่รับตำแหน่งเอง
๐๐ งานในกระทรวงยุติธรรมนั้น แม้นายกฯ จะกำกับดูแลเอง แต่เมื่อ รมต.สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ สั่งย้ายฟ้าผ่า อธิบดี “ดีเอสไอ”ท่ามกลางข้อสงสัยว่านี่คือจุดเริ่มต้นของการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อช่วยเหลืออดีตนายกรัฐมนตรี แต่ “ท่านหมัก” ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วย หรือคิดจะยับยั้ง
๐๐ ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่า อำนาจตัดสินใจจริงๆ ของ “สมัคร” มีหรือไม่ หรือว่า ความพยายามที่จะเป็นตัวของตัวเองในช่วง 3 – 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นพียงกลลวงตบตาสังคม เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า ตนเป็นแค่นายกฯ หุ่นเชิดเท่านั้น แต่ลึกๆ แล้ว นายกฯ คนที่ 25 กับ อดีตนายกฯ คนที่ 23 ยังคงเกี้ยเซี้ยผลประโยชน์กันและกัน ได้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะร่วมมือกันนำ “ระบอบทักษิณ”ที่เคยเรืองอำนาจช่วงปี 5-6 ปีก่อนกลับมาอีกครั้ง