xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯอุ้ม “วัน” แจงเคลียร์ไม่ต้องออกแบบ “ชนม์สวัสดิ์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯ ระบุการลาออกจากตำแหน่งเลขาฯของ “ชนม์สวัสดิ์” ไม่กระทบ “วัน อยู่บำรุง” อ้างชี้แจงเคลียร์แล้ว ด้าน “เฉลิม” บอก “ลูกวัน” ไม่มีคดีติดตัวเหมือน “ชนม์สวัสดิ์” จึงไร้ปัญหา ด้านเจ้าตัวบีบน้ำตาขอโอกาสทำงาน พร้อมกราบขออภัยความผิดพลาดในอดีต “หมอเลี้ยบ” ให้คนที่สังคงไม่ยอมรับเอาอย่าง “ชนม์สวัสดิ์” ยอมรับระบบใน พปช.อ่อนแอจึงได้ที่ปรึกษา-เลขาฯขี้เหร่ ขนาดหัวหน้าพรรคยังบ่มิไก๊ด์

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนาย ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ลาออกจากการดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีอะไร ตนได้ทำหน้าที่ในส่วนของตนเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะเอาคนใหม่ก็ส่งรายชื่อมาเท่านั้นเอง

ส่วนกรณีดังกล่าวจะเป็นแรงกดดันให้นายวัน อยู่บำรุง ซึ่งเป็นบุคคลที่สังคมไม่ยอมรับในการดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่นั้น นายสมัคร กล่าวว่า อ่านที่เขาแถลงแล้วเข้าใจไหม ก็เท่านั้นเอง เขาก็แถลงทุกสื่อก็จบก็เท่านั้นเอง

นายสมัคร ยังเปิดตัว พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ ในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ เป็นรองโฆษกฯ โดยกล่าวว่า ขอให้ท่านได้ทำงานก่อนซึ่งตนก็ยังไม่ทราบว่าจะออกมายังไง แต่ระดับท่านคิดว่าทำงานได้และแน่ใจ และสำหรับที่ฝ่ายค้านก็จะทำงานเต็มที่ก็ไม่เป็นปัญหาเพราะเป็นหน้าที่ของเขา เมื่อถามว่าจะสู้ได้หรือไม่ นายสมัครหัวเราะแต่ไม่ได้กล่าวอะไร

ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่อยากพูดถึงการลาออก ของนายชนน์สวัสดิ์ อัศวเหม เพราะกรณีของนายวัน อยู่บำรุง กับนายชนสวัสด์ ถือเป็นคนละเรื่องกันนายชมน์สวัสดิ์มีคดีความเรื่องการซื้อเสียง และศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนอีกคดีคือ การดูหมิ่นเจ้าพนักงงาน ซึ่งคดียังไม่สิ้นสุด ดังนั้นนายชนสวัสดิ์จึงตัดสินใจลาออกเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ขณะที่นายวันไม่มีคดีติดตัว

นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รมช.มหาดไทย(มท.3) กล่าวว่า ได้ทราบข่าวจาก นายวัฒนา อัศวเหมว่า นายชนม์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการฯ โดยขณะนี้ ได้รับหนังสือลาออกจากนายชนม์สวัสดิ์แล้ว ซึ่ง การลาออก ไม่ใช่เพราะถูกกดดันจากพรรคพลังประชาชน เพราะว่านายสุวิทย์ คุณกิติ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ต้องการให้นายชนม์สวัสดิ์ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว เนื่องจาก เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) จะเสนอใครขึ้นมาแทนนั้น ยังไม่ทราบ เพราะต้องมีการหารือกันภายในพรรคก่อน

ด้าน นายวัน อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์หลังเข้ารับตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขานุการ รมช.สาธารณสุข ของนายนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมช.สาธารณสุข (สธ.) โดยกล่าวขอบคุณ ผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชาชนที่ให้โอกาสมาทำงาน และที่ขาดไม่ได้อดีตที่ผ่านมา อาจเคยทำอะไรก็ตามที่ผิดพลาด บกพร่อง ทำให้พี่น้องประชาชน สื่อมวลชนไม่สบายใจ ขอใช้โอกาสนี้กราบขออภัย ขอให้โอกาสทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ชดเชย ชดใช้สังคมด้วย ทั้งนี้ นายวันได้ยกมือ กราบขอโทษด้วยน้ำตาคลอเบ้า เพื่อขอโอกาสในการทำงาน

ส่วนกรณีที่ รมว.สธ.มีแนวคิดที่จะให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ นั้น นายวัน กล่าวว่า ต้องหารือกับ รมว.สธ.อีกที เพราะยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว และตนเองก็เลิกๆ หยุดๆ แต่ไม่ 100 % ตนเองอาจไม่เหมาะสมในจุดนี้ แต่รู้จักน้องๆ ที่เป็นดาราหลายคนที่พฤติกรรมภาพพจน์ดีที่น่าจะเป็นแบบอย่างได้ ชักชวนเข้ามา

ส่วนที่นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ได้ขอลาออกจากตำแหน่ง ผช.เลขานุการ รมว.มหาดไทยนั้น นายวันกล่าวว่า เราคนละพรรคกัน นายชนม์สวัสดิ์ อยู่พรรคเพื่อแผ่นดิน ส่วนตนอยู่พรรคพลังประชาชน ไม่มีความเห็น แต่ก็ไม่เป็นการกดดัน เพราะตนไม่มีคดี ถึงแม้จะเคยมีคดีแต่ปัจจุบันคดีหมดแล้ว

“ทุกคนต้องมีอดีต ขอโอกาสให้ผมด้วยแล้วกัน ส่วนภาพลักษณ์ไม่ต้องปรับ เมื่อเราโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้น วัยก็สอนเราไปเอง ผมเป็นคนเรียนรู้เร็ว ส่วนพ่อบอก ให้ทำให้ดีที่สุด ตั้งใจทำงาน ชดเชยสังคม”

ด้าน นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการมอบหมายงานให้ นายวันเป็นพรีเซ็นเตอร์เลิกเหล้า-สูบบุหรี่ว่า ยังไม่ได้คุยกัน รวมถึงเรื่องค่าตัวด้วยไม่รู้ว่าค่าตัวแพงหรือไม่ ซึ่งเหตุที่ตนตั้งใจมอบหมายงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ เพราะเห็นหน่วยก้านดี มีความหล่อ สมาร์ทอยู่ระดับต้นๆ ซึ่งการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ต้องเลิกให้ได้อย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็เสียภาพพจน์ได้ แต่การเลิกเหล้า-บุรี่ ต้องค่อยๆ เป็น ค่อยไป
 
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมข.สาธารณสุข กล่าวว่า เบื้องต้น คงจะให้ฝึกงานโดยทำหน้าที่ติดตามรัฐมนตรี เพื่อคอยจัดเอกสารการประชุมและปฏิบัติหน้าที่ ตามที่ได้รับมอบหมายก่อนเป็นเวลา 3 เดือน

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังในฐานะเลขาธิการ พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า การลาออกของนายชมน์สวันดิ์ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่รับฟังกระแสสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ตรงนี้เป็นสิ่งที่น่าจะพิจารณาของเราเองด้วย ว่า เราต้องเรียนรู้ข้อดีของคนอื่นเพื่อเอามาปรับปรุงการทำงานของเราต่อไป ถ้าปรับปรุงได้เร็วก็นำมาใช้โดยเร็ว

นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงความขัดแย้งในพรรคพลังประชาชนที่มาการโพสต์ ข้อความต่อว่ากันผ่านเว็บไซด์ไฮ-ทักษิณ ว่า เรื่องความขัดแย้งหากมาจากเว็บไฮ-ทักษิณ คงไม่มี เพราะไม่ใช่เว็บไซต์ของพรรคพลังประชาชน และความเห็นต่างๆ ก็เป็นความเห็นของผู้ที่เขียนบทความในเว็บ และที่มีความกังวลว่า เป็นความเห็นของคนในพรรค ก็ยืนยันว่าไม่ใช่

อย่างไรก็ตามเรื่องการแต่งตั้งที่ปรึกษาและเลขานุการคณะรัฐมนตรีหรือคณะกรรมาธิการต่างๆ ของรัฐสภา เป็นเรื่องที่จะมีการพูดคุยกันในพรรคต้องยอมรับว่า พรรคพลังประชาชนมีผู้แทนราษฎรจำนวนมาก ฉะนั้นจึงมีผู้เสนอตัวเข้ามามากกว่า ตำแหน่งที่มีอยู่ จึงเป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารที่จะต้องรวบรวมข้อเสนอ เพื่อพิจารณาตัดสินใจ แล้วเมื่อตัดสินอย่างไรก็ถือว่าเป็นที่สุด แน่นอนว่า ต้องมีผู้ไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา อย่างที่เรียนว่าหากต้องการให้พรรคพลังประชาชนเป็นสถาบันทางการเมืองการทำงานมีระบบมีการตัดสินใจของ กรรมการบริหารพรรค มีการตัดสินใจ มีวินัยพรรคที่ต้องยอมรับก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีคนเสนอเข้ามารับตำแหน่งจำนวนมาก แต่ทำไมเลือกคนที่สังคมต้องข้อสังเกตว่าไม่เหมาะสม นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องการตัดสินใจต่างๆ เป็นการตัดสินใจมาจากที่ประชุม ดังนั้นถ้าถามว่าตนตัดสินใจเหมือนเป็นการตัดสินใจ ครั้งสุดท้ายของกรรมการบริหารหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ และเลขาธิการพรรค ในยุคนี้ไม่ใช่ผู้ที่จะไปสั่งการ ถ้าหากต้องการให้พรรคมีระบบก็ต้องอาศัยเสียงข้างมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าระบบอย่างงนี้นายกรัฐมนตรีก็ระบุว่าน่าจะมีปรับปรุงแก้ไขจะมีการทบทวนหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า แม้แต่หัวหน้าพรรคก็มีเพียงเสียงเดียว ในกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้หมายความหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคตัดสินใจ อย่างไร จะต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งเราจะมีการพูดคุย แสดงเหตุผล สุดท้ายเมื่อมีการตัดสินออกมาอย่างนี้ก็เป็นมติต้องยอมรับ

ต่อข้อถามว่าหากเกิดกับเหตุการณ์ที่ขัดความรู้สึกกับสังคมบ่อยๆ อย่างนี้จะกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่พรรคต้องรับฟังคำวิพากษ์ วิจารณ์ ข้อเสนอแนะทั้งหมดและการตัดสินใจครั้งต่อไปก็ต้องนำเอาคำวิจารณ์มาประกอบในการตัดสินใจ หลายเรื่องยอมรับว่าการตัดสินใจผิดพลาดในการจะทำให้เกิดการแก้ไขในโอกาสต่อไป

ส่วนได้คุยกับพรรคร่วมหรือไม่ว่าหากจะทำให้อะไรให้คำนึงถึงหน้าตารัฐบาลบ้างนั้น น.พ.สุรพงษ์ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลเรามาทำหน้าที่รัฐบาลด้วยกัน เรามองการทำงานเป็นทีม มีพุดคุยกับแกนนำของพรรคร่วมหลายครั้งพยายามทำอะไรออกมาให้เกิดการยอมรับการตัดสินใจของเรา นี่เป็นผลพวงของระบบที่อ่อนแอ ไม่สามารถสร้างพรรคการเมืองที่เข้มแข็งได้ภายใต้กติกาที่เป็นอยู่ในเป็นอยู่ในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่เราอยากจะแก้ไขในโอกาสต่อไป และจะมีการพูดคุยในพรรคว่าอะไรเป็นปัญหาที่เราเล็งเห็นว่ามันมีผลกระทบต่อการทำงานในระบบพรรค

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคร่วมหลายพรรคตอนเปิดตัวครั้งแรกมีคนมีฝีมือ จำนวนมากแต่ทำไมไม่ได้เข้ามาทำงาน นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่าข้อจำกัดของการเมือง เราก็ทำได้เท่าที่ทำได้ เราคาดหวังว่าระบบการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีอยู่จะได้รับการแก้ไขให้โอกาสต่อไป เพื่อทำให้สิ่งที่ประชาชนคาดหวังสามารถเติบโตพัฒนาต่อไปได้
กำลังโหลดความคิดเห็น