เอเอฟพี - รัฐบาลสิงคโปร์ปรับลดตัวเลขพยากรณ์อัตราเติบโตในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว นอกจากนั้นยังคาดอัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมาที่ 4.5 - 5.5% จาก 3.5 - 4.5% อีกทั้งเตือนภาคอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การค้าส่ง และการบริการทางการเงินอาจบาดเจ็บหนักขึ้นจากพิษเศรษฐกิจมะกันสะดุด
กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของสิงคโปร์แถลงเมื่อวานนี้(14) ปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีในปีนี้จาก 4.5 - 6.5% ลงมาอยู่ที่ 4 - 6%
ทางกระทรวงฯยังระบุในคำแถลงว่า สำหรับปี 2007 อัตราเติบโตของจีดีพีที่ผ่านการทบทวนและปรับลดแล้ว อยู่ที่ 7.7% เปรียบเทียบกับที่เคยเติบโต 8.2% เมื่อปี2006
รัฐบาลสิงคโปร์แถลงว่าในไตรมาส4ของปีที่แล้วว่า เศรษฐกิจขยายตัว 5.4% แต่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส4 ของปี2006 ซึ่งเศรษฐกิจโตขึ้น 9.5%
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบไตรมาส4 กับไตรมาส3 โดยคิดเป็นอัตรารายปี ปรากฏว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวลง 4.8% ในไตรมาส4 ปีที่แล้ว
ทางกระทรวงฯแถลงว่าการหดตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากการทรุดฮวบของภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังเป็นส่วนที่ผันผวนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต มากกว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทว่าในปีนี้ สภาวการณ์ภายนอกเลวร้ายลง และความเสี่ยงขาลงก็เพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชะลอตัว
"หากเทียบกับเมื่อ 3 เดือนก่อน ณ ตอนนี้มีเสียงฉันทามติในวงกว้างว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว" กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมระบุ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ความไม่แน่นอนที่สำคัญก็คือ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวจะยาวนานเท่าใดและรุนแรงแค่ไหน ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อชาติอื่นๆในโลกและอุตสาหกรรมสำคัญๆที่ได้รับผลกระทบ
กระทรวงบอกว่า จีดีพีสิงคโปร์อาจจะขยายตัวได้ 5 - 6% หากเศรษฐกิจสหรัฐฯก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างอ่อนๆในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่ฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ทว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯถลำเข้าสู่ภาวะถดถอยที่รุนแรงมากขึ้น ก็จะส่งผลกระทบมากขึ้นต่อเอเชีย โดยในสภาพการณ์นี้ จีดีพีน่าจะขยายตัวได้ 4 - 5%
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์แดนลอดช่องยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีนี้ โดยได้ปรับตัวเลขพยากรณ์อัตราเงินเฟ้อ จาก 3.5 - 4.5% มาเป็น 4.5 - 5.5% เป็นผลมาจากราคาพลังงานและอาหารแพงขึ้น
"ปี2008 จะเป็นปีที่ท้าทายยิ่งกว่าปี2007 เศรษฐกิจจะโตช้าขณะที่เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น" ราวิ เมนอน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
เมนอนคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งแตะระดับสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก แต่ลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะลดลงกลับมาอยู่ในระดับที่ต่ำมากดังที่เคยเป็นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปลัดกระทรวงพาณิชย์เตือนว่า ภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพิงดีมานด์จากประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ๆ เช่น ภาคอิเล็กทรอนิกส์ ภาคค้าส่ง และภาคบริการทางการเงิน จะบอบช้ำหนักขึ้นจากพิษเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว
ขณะที่การท่องเที่ยวและการบริการทางธุรกิจซึ่งขับเคลื่อนโดยปัจจัยในภูมิภาค จะได้รับผลกระทบ แต่ผลกระทบนั้นจะไม่รุนแรงมากนัก
กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมของสิงคโปร์แถลงเมื่อวานนี้(14) ปรับตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีในปีนี้จาก 4.5 - 6.5% ลงมาอยู่ที่ 4 - 6%
ทางกระทรวงฯยังระบุในคำแถลงว่า สำหรับปี 2007 อัตราเติบโตของจีดีพีที่ผ่านการทบทวนและปรับลดแล้ว อยู่ที่ 7.7% เปรียบเทียบกับที่เคยเติบโต 8.2% เมื่อปี2006
รัฐบาลสิงคโปร์แถลงว่าในไตรมาส4ของปีที่แล้วว่า เศรษฐกิจขยายตัว 5.4% แต่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส4 ของปี2006 ซึ่งเศรษฐกิจโตขึ้น 9.5%
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบไตรมาส4 กับไตรมาส3 โดยคิดเป็นอัตรารายปี ปรากฏว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวลง 4.8% ในไตรมาส4 ปีที่แล้ว
ทางกระทรวงฯแถลงว่าการหดตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากการทรุดฮวบของภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ชีวภาพ ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังเป็นส่วนที่ผันผวนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต มากกว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทว่าในปีนี้ สภาวการณ์ภายนอกเลวร้ายลง และความเสี่ยงขาลงก็เพิ่มสูงขึ้นมาก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ชะลอตัว
"หากเทียบกับเมื่อ 3 เดือนก่อน ณ ตอนนี้มีเสียงฉันทามติในวงกว้างว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว" กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมระบุ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ความไม่แน่นอนที่สำคัญก็คือ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัวจะยาวนานเท่าใดและรุนแรงแค่ไหน ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อชาติอื่นๆในโลกและอุตสาหกรรมสำคัญๆที่ได้รับผลกระทบ
กระทรวงบอกว่า จีดีพีสิงคโปร์อาจจะขยายตัวได้ 5 - 6% หากเศรษฐกิจสหรัฐฯก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างอ่อนๆในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ แต่ฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ทว่า หากเศรษฐกิจสหรัฐฯถลำเข้าสู่ภาวะถดถอยที่รุนแรงมากขึ้น ก็จะส่งผลกระทบมากขึ้นต่อเอเชีย โดยในสภาพการณ์นี้ จีดีพีน่าจะขยายตัวได้ 4 - 5%
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์แดนลอดช่องยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีนี้ โดยได้ปรับตัวเลขพยากรณ์อัตราเงินเฟ้อ จาก 3.5 - 4.5% มาเป็น 4.5 - 5.5% เป็นผลมาจากราคาพลังงานและอาหารแพงขึ้น
"ปี2008 จะเป็นปีที่ท้าทายยิ่งกว่าปี2007 เศรษฐกิจจะโตช้าขณะที่เงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น" ราวิ เมนอน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
เมนอนคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งแตะระดับสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก แต่ลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะลดลงกลับมาอยู่ในระดับที่ต่ำมากดังที่เคยเป็นมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปลัดกระทรวงพาณิชย์เตือนว่า ภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพิงดีมานด์จากประเทศเศรษฐกิจรายใหญ่ๆ เช่น ภาคอิเล็กทรอนิกส์ ภาคค้าส่ง และภาคบริการทางการเงิน จะบอบช้ำหนักขึ้นจากพิษเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว
ขณะที่การท่องเที่ยวและการบริการทางธุรกิจซึ่งขับเคลื่อนโดยปัจจัยในภูมิภาค จะได้รับผลกระทบ แต่ผลกระทบนั้นจะไม่รุนแรงมากนัก