เฟสต้าเตรียม 5 แนวทางเสนอ รมว.ท่องเที่ยว ระบุเป้ารายได้ 8 แสนล้านบาทเป็นได้แค่ฝัน เหตุประเทศไทยยังไม่มีสินค้าใหม่มากระตุ้นตลาด
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ในฐานะโฆษก สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า ได้เตรียมเสนอ 5 แนวทาง ต่อ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อใช้กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะเวลา 3-5 ปี จากนี้ไป
กล่าวคือ 1.จัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมกับการทำรายได้เข้าประเทศ 2.วางแผนการทำงานเป็น 3 ระยะ สั้น กลาง และ ยาว กำหนดเป้าหมายแต่ละระยะให้ชัดเจน เพื่อประเมินผล และ ต้องชัดเจนว่า
ประเทศไทยต้องการเป็นฮับการท่องเที่ยวประเภทใด 3.รวมองค์กรอิสระด้านท่องเที่ยว มาไว้ภายใต้กระทรวงเพื่อทำงานร่วมกัน เช่น สสปน. และ อพท. 4.เร่งแก้ปัญหาและข่าวด้านลบของสนามบิน
สุวรรณภูมิให้ยุติโดยเร็ว พร้อมเร่งถ่ายโอนการทำงานเรื่องธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และ 5. ต้องทำงานโดยมีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวเหมือนกัน ทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ททท.และ
ภาคเอกชน
ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมา นโยบายด้านท่องเที่ยวจะถูกแปรเปลี่ยนไปตามนโยบายของรัฐมนตรีและรัฐบาล จึงขาดความต่อเนื่อง ส่งผลให้การทำงานไม่คืบหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันย่านประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตามมองว่า เป้าหมายรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเพิ่มเป็น 8 แสนล้านบาทในปีนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะประเทศไทย ยังไม่มีสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆมากระตุ้น ส่วนการ
ลงทุนเมกกะโปรเจคด้านท่องเที่ยวก็ไม่ชัดเจน จึงไม่มีสิ่งจูงใจใหม่ๆที่จะมาดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ในฐานะโฆษก สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) เปิดเผยว่า ได้เตรียมเสนอ 5 แนวทาง ต่อ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อใช้กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะเวลา 3-5 ปี จากนี้ไป
กล่าวคือ 1.จัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมกับการทำรายได้เข้าประเทศ 2.วางแผนการทำงานเป็น 3 ระยะ สั้น กลาง และ ยาว กำหนดเป้าหมายแต่ละระยะให้ชัดเจน เพื่อประเมินผล และ ต้องชัดเจนว่า
ประเทศไทยต้องการเป็นฮับการท่องเที่ยวประเภทใด 3.รวมองค์กรอิสระด้านท่องเที่ยว มาไว้ภายใต้กระทรวงเพื่อทำงานร่วมกัน เช่น สสปน. และ อพท. 4.เร่งแก้ปัญหาและข่าวด้านลบของสนามบิน
สุวรรณภูมิให้ยุติโดยเร็ว พร้อมเร่งถ่ายโอนการทำงานเรื่องธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และ 5. ต้องทำงานโดยมีเป้าหมายเป็นหนึ่งเดียวเหมือนกัน ทั้ง กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ททท.และ
ภาคเอกชน
ทั้งนี้เพราะที่ผ่านมา นโยบายด้านท่องเที่ยวจะถูกแปรเปลี่ยนไปตามนโยบายของรัฐมนตรีและรัฐบาล จึงขาดความต่อเนื่อง ส่งผลให้การทำงานไม่คืบหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันย่านประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตามมองว่า เป้าหมายรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเพิ่มเป็น 8 แสนล้านบาทในปีนี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะประเทศไทย ยังไม่มีสินค้าทางการท่องเที่ยวใหม่ๆมากระตุ้น ส่วนการ
ลงทุนเมกกะโปรเจคด้านท่องเที่ยวก็ไม่ชัดเจน จึงไม่มีสิ่งจูงใจใหม่ๆที่จะมาดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา
