วานนี้ (7 ก.พ.) กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนสหรัฐฯ หรือ ฮิวแมน ไรต์ วอตช์ ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงนิวยอร์ก ได้ออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับกรณีอื้อฉาว ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวณิชย์ และพวก 7 นาย ของกลุ่มตำรวจชายแดน 41 ก่อคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนร่วมกันจับผู้บริสุทธิ์ปล้น และบังคับรีดไถ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ดำเนินมากว่า 3 ปี
นายแบรด์ อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมน ไรต์ วอตช์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้เขย่าความเป็นจริงถึงพฤติกรรมความโหดร้าย การคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจ ในทางมิชอบของตำรวจไทยที่ดำเนินอย่างเป็นระบบ โดยกรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องตำรวจไทยบางรายกระทำผิด แต่เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง และทำให้ไม่สามารถที่จะรับประกันความสามารถในการตรวจสอบระบบตำรวจไทยได้
นอกจากนี้ กลุ่มยังได้ตำหนิต่อกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงบางราย ที่ออกมาขู่ฟ้องจะดำเนินคดีต่อบุคคลใดก็ตามที่ฟ้องตำรวจอย่างผิดๆ ว่า เป็นการกระทำที่ผิด แทนที่จะเรียกร้องให้บรรดาเหยื่อของแก๊ง ตชด.อุ้มรีดไถดังกล่าวออกมา ร้องเรียน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เท่ากับยิ่งส่งเสริมวงจรชั่วร้ายของการใช้อำนาจในทางที่ผิดและการไม่ถูกลงทัณฑ์ด้วย
นายอดัมส์ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ของไทยใช้กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้น เร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องไม่ให้ดำเนินนโยบายซ้ำรอยกับรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นำนโยบายฆ่าตัดตอนมาใช้ ซึ่งถือเป็นยุคมืดของสิทธิมนุษยชนไทยที่สุดในประวัติศาสตร์
ด้านพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวณิชย์ กับพวก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.และพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนี้ด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่โดยตรง ตำรวจมีหน้าที่เพียงรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่านั้น
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และพวก ในความผิด 5 ข้อหาหลักก่อนตามที่ผู้เสียหายแจ้งความ คือ 1.ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน 2.ร่วมกันบุกรุกในเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธตั้งแต่สองคนขึ้นไป 3.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยจะทำให้เกิดการกลัวจะได้รับอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขืนใจ โดยมีอาวุธ โดยกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป 4.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นซ่องโจรและหรือเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ และ 5.เอาเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าปีไป โดยขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้าย
นายแบรด์ อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมน ไรต์ วอตช์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้เขย่าความเป็นจริงถึงพฤติกรรมความโหดร้าย การคอร์รัปชัน และการใช้อำนาจ ในทางมิชอบของตำรวจไทยที่ดำเนินอย่างเป็นระบบ โดยกรณีดังกล่าวไม่ใช่แค่เรื่องตำรวจไทยบางรายกระทำผิด แต่เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง และทำให้ไม่สามารถที่จะรับประกันความสามารถในการตรวจสอบระบบตำรวจไทยได้
นอกจากนี้ กลุ่มยังได้ตำหนิต่อกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับสูงบางราย ที่ออกมาขู่ฟ้องจะดำเนินคดีต่อบุคคลใดก็ตามที่ฟ้องตำรวจอย่างผิดๆ ว่า เป็นการกระทำที่ผิด แทนที่จะเรียกร้องให้บรรดาเหยื่อของแก๊ง ตชด.อุ้มรีดไถดังกล่าวออกมา ร้องเรียน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด เท่ากับยิ่งส่งเสริมวงจรชั่วร้ายของการใช้อำนาจในทางที่ผิดและการไม่ถูกลงทัณฑ์ด้วย
นายอดัมส์ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ของไทยใช้กรณีอื้อฉาวที่เกิดขึ้น เร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตามกระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งเรียกร้องไม่ให้ดำเนินนโยบายซ้ำรอยกับรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นำนโยบายฆ่าตัดตอนมาใช้ ซึ่งถือเป็นยุคมืดของสิทธิมนุษยชนไทยที่สุดในประวัติศาสตร์
ด้านพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชนนิธิวณิชย์ กับพวก ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วัจนนท์ ถิระวัฒน์ รอง ผบช.น.และพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนี้ด้วย โดยพนักงานสอบสวนจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่โดยตรง ตำรวจมีหน้าที่เพียงรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่านั้น
ผบช.น.กล่าวต่อว่า ในชั้นนี้พนักงานสอบสวนจะดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ และพวก ในความผิด 5 ข้อหาหลักก่อนตามที่ผู้เสียหายแจ้งความ คือ 1.ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน 2.ร่วมกันบุกรุกในเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธตั้งแต่สองคนขึ้นไป 3.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยจะทำให้เกิดการกลัวจะได้รับอันตรายต่อร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขืนใจ โดยมีอาวุธ โดยกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป 4.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นซ่องโจรและหรือเพื่อได้มาซึ่งค่าไถ่ และ 5.เอาเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าปีไป โดยขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้าย
