xs
xsm
sm
md
lg

ไทยแอร์ฯชะลอเพิ่มเส้นบิน เล่นแง่กลับใช้ฐานดอนเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยแอร์เอเชียยอมย้ายกลับสนามบินดอนเมือง แต่ยังเล่นท่าขอดูนโยบายรัฐบาลใหม่ เสนอ 2 เงื่อนไข พร้อมปรับแผนชะลอเปิดเส้นทางบิน เร่งวันรับมอบเครื่องบินใหม่เร็วขึ้นอีก 2 ปี

นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวถึงประเด็นการใช้สนามบินดอนเมือง ให้เป็นโลว์คอสต์ แอร์พอร์ต และให้สายการบินโลว์คอสต์ย้ายไปประจำอยู่ที่นั่น ว่า บริษัทจะขอดูความชัดเจนของนโยบายการบริหารสนามบิน ของรัฐบาลชุดใหม่ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายกลับไปใช้สนามบินดอนเมือง โดยมีเงื่อนไขหลัก 2 ประการ คือ 1.ถ้าจะไปอยู่สนามบินดอนเมือง ต้องอนุญาตให้สายการบินโลว์คอสต์ย้ายไปทุกเส้นทางบิน ทั้งเส้นทางในประเทศและเส้นทางต่างประเทศ เพื่อการประหยัดต้นทุนบริหารจัดการ
ส่วนประการที่ 2 ระยะเวลาที่จะอยู่ที่สนามบินดอนเมือง คือ ถ้าย้ายไปเพียง 2-5 ปี คงไม่ไปแต่ถ้ามากกว่า 10 ปี ก็จะตัดสินใจไป เพราะการย้ายแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งหากรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในประเด็นดังกล่าว ไทยแอร์เอเชียก็สามารถเตรียมตัวย้ายได้ทันทีภายใน 60 วัน ซึ่งเร็วๆนี้ บริษัทจะทำหนังสือขอความชัดเจนผ่านไปยังการท่าอากาศยาน
สำหรับแผนการดำเนินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งขณะนี้เปิดให้บริการมาครบ 4 ปีแล้ว ซึ่งปีนี้ได้ปรับแผนงานให้สอดรับกับสถานการณ์ โดยจะชะลอการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆออกไป ปีนี้อาจเปิดเพียง 1-2 เส้นทาง แล้วหันมาให้ความสำคัญเรื่องการปรับปรุงบริการ และการบริหารจัดการภายในองค์กร ล่าสุดได้เร่งเวลาส่งมอบเครื่องบินใหม่อีก 10 ลำภายในระยะเวลา 2 ปี (2551-2552) ทยอยส่งปีละ 5 ลำ จะทำให้ถึงสิ้นปี 2552 ไทยแอร์เอเชีย จะมีเครื่องบินใหม่ อายุการใช้งาน 1 ปีเศษ บริการให้ผู้โดยสาร 13 ลำ จากแผนเดิมจะทำภายในเวลา 4 ปี
“บางเส้นทางบิน ยังติดขัดเรื่องเจรจา ซึ่งเป็นปัจจัยที่เราควบคุมเองไม่ได้ เช่น เส้นทางฮ่องกง กำลังเจรจาค่าสนามบินอยู่ เราจึงปรับแผนให้เหมาะสม ล่าสุดได้ส่งคืนเครื่องโบอิ้ง 737-300 ขนาด 148 ที่นั่ง ที่ใช้อยู่ปัจจุบันเร็วขึ้นกว่ากำหนด แล้ว นำเครื่องแอร์บัส A320 ขนาด 180 ที่นั่งมาให้บริการแทนในเส้นทางเดิมที่บินอยู่แล้ว เพื่อลดต้นทุนค่าบำรุงรักษา ซึ่งแม้ เครื่องบินทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเท่ากันในแต่ละเที่ยวบิน แต่เครื่อง โบอิ้ง มีขนาดใหญ่กว่า ขนผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 20-30% และยังขนส่งคาร์โก้ได้เพิ่มขึ้นด้วย จะทำให้รายได้บริษัทเติบโตได้ราว 35% หากเพิ่มผู้โดยสารได้ตามที่นั่งที่
ส่วนด้านการตลาดยังคงเน้นเรื่องตั๋วราคาถูกเป็นแรงจูงใจลูกค้าและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างน้อยเดือนละ 2 โครงการตลอดปี คาดว่าถึงสิ้นปีจะขนผู้โดยสารได้ราว 4.8-5 ล้านคน และผลประกอบการต้องมีกำไร เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2553
กำลังโหลดความคิดเห็น