ผู้จัดการรายวัน-LPNเผยยอดขายตลอดเดือนมกราคม 2551 ยังทำสถิติแรงสวนกระแส แผนเตรียมรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกสูงถึง 2,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนกว่า 120% ไม่หวั่นสินเชื่อซับไพรม์กระทบ มั่นใจพื้นฐานการดำเนินงานและแนวโน้มการเติบโตในปีนี้
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยถึงแนวโน้มยอดขายของบริษัทฯ ในเดือนมกราคมว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพในสหรัฐฯ(ซับไพรม์) และทำให้ตลาดหุ้นดิ่งลงดังที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น แต่เนื่องจากการทำตลาดที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยไปยังกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ที่มีอยู่จำนวนมาก โดยไม่ได้อิงกระแสความนิยมรถไฟฟ้าไปตามผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ปัจจุบันการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ยังคงเป็นไปตามกลไกความต้องการที่อยู่อาศัยจริง ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนมกราคม 2551 จะพบว่า ยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมายโดยอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ด้านการรับรู้รายได้ บริษัทฯ มีแผนรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2551 มากกว่า 2,000 ล้านบาท จากหลักๆ 2 โครงการใหญ่ คือ ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 และลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ ซึ่งจากการเปิดให้ลูกค้าเข้าตรวจรับสภาพห้องชุดในโครงการลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ เมื่อวันที่ 18-19 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีลูกค้าที่รับมอบห้องชุดเพื่อเตรียมพร้อมในการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วจำนวนกว่า 80% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ,นครหลวงไทย ,ทหารไทย ,กสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ
"ถึงแม้ขณะนี้ ทั่วโลกจะหวั่นวิตกจากปัญหาซับไพรม์ แต่การดำเนินธุรกิจของ LPN จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความต้องการอยู่จริง นั่นคือเหตุผลที่ทำไม LPN จึงหันไปให้ความสำคัญกับตลาดในกลุ่มระดับกลาง-ล่างมากขึ้น เนื่องจากเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ยังมีอยู่จำนวนมาก บวกกับความสามารถในการควบคุมต้นทุน และการได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรด้านงานก่อสร้าง จะทำให้บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 30% รวมถึงการมียอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมากตลอด 2 ปีนี้" นายโอภาสกล่าวเสริม
อนึ่งบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ฯ สามารถทำยอขายล่วงหน้า( presales )ได้สูงถึง 2,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/50 โดยเพิ่มขึ้น 172% จากปีก่อนและ 5% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากความสำเร็จของโครงการ ลุมพินีสวีท ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งขายหมดในวันเดียว ยอดขาย presales ทั้งปี เท่ากับ 9,000 ล้านบาท โดยเติบโต 35% จากปี 2549 และทะลุเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท และในปี 2551 ทางบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย presales โต 22% เป็น11,000 ล้านบาท สำหรับแผนระยะยาว ทางบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปีละ 20% ใน 2 ปีแรก และโตปีละ 15% ใน 3 ปีหลัง
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยถึงแนวโน้มยอดขายของบริษัทฯ ในเดือนมกราคมว่า ถึงแม้ตลาดหุ้นไทยและทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากความกังวลเรื่องปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพในสหรัฐฯ(ซับไพรม์) และทำให้ตลาดหุ้นดิ่งลงดังที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น แต่เนื่องจากการทำตลาดที่อยู่อาศัยของบริษัทฯ มุ่งเน้นการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัยไปยังกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ที่มีอยู่จำนวนมาก โดยไม่ได้อิงกระแสความนิยมรถไฟฟ้าไปตามผู้ประกอบการอื่นๆ ที่ปัจจุบันการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยอดขายของบริษัทฯ ยังคงเป็นไปตามกลไกความต้องการที่อยู่อาศัยจริง ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาของเดือนมกราคม 2551 จะพบว่า ยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมายโดยอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ด้านการรับรู้รายได้ บริษัทฯ มีแผนรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2551 มากกว่า 2,000 ล้านบาท จากหลักๆ 2 โครงการใหญ่ คือ ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2 และลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ ซึ่งจากการเปิดให้ลูกค้าเข้าตรวจรับสภาพห้องชุดในโครงการลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ เมื่อวันที่ 18-19 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่า มีลูกค้าที่รับมอบห้องชุดเพื่อเตรียมพร้อมในการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วจำนวนกว่า 80% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยโครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนด้านสินเชื่อจาก 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ,นครหลวงไทย ,ทหารไทย ,กสิกรไทย และธนาคารกรุงเทพ
"ถึงแม้ขณะนี้ ทั่วโลกจะหวั่นวิตกจากปัญหาซับไพรม์ แต่การดำเนินธุรกิจของ LPN จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความต้องการอยู่จริง นั่นคือเหตุผลที่ทำไม LPN จึงหันไปให้ความสำคัญกับตลาดในกลุ่มระดับกลาง-ล่างมากขึ้น เนื่องจากเห็นช่องว่างทางการตลาดที่ยังมีอยู่จำนวนมาก บวกกับความสามารถในการควบคุมต้นทุน และการได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรด้านงานก่อสร้าง จะทำให้บริษัทฯ ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ 30% รวมถึงการมียอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมากตลอด 2 ปีนี้" นายโอภาสกล่าวเสริม
อนึ่งบริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ฯ สามารถทำยอขายล่วงหน้า( presales )ได้สูงถึง 2,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/50 โดยเพิ่มขึ้น 172% จากปีก่อนและ 5% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เนื่องจากความสำเร็จของโครงการ ลุมพินีสวีท ปิ่นเกล้า มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งขายหมดในวันเดียว ยอดขาย presales ทั้งปี เท่ากับ 9,000 ล้านบาท โดยเติบโต 35% จากปี 2549 และทะลุเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ที่ 8,000 ล้านบาท และในปี 2551 ทางบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย presales โต 22% เป็น11,000 ล้านบาท สำหรับแผนระยะยาว ทางบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปีละ 20% ใน 2 ปีแรก และโตปีละ 15% ใน 3 ปีหลัง