xs
xsm
sm
md
lg

เผด็จการ'ซูฮาร์โต'สิ้นชีพ ทิ้งมรดกดี-เลวให้'อิเหนา'

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ซูฮาร์โต อดีตจอมเผด็จการแห่งอินโดนีเซีย ถึงแก่อสัญกรรมแล้วเมื่อวานนี้(27) หลังต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดในโรงพยาบาลอยู่หลายสัปดาห์ รัฐบาลอิเหนายกย่องถือเป็นผู้มีบุญคุณพัฒนาประเทศชาติ ด้านครอบครัววอนทุกฝ่ายให้อภัย บอกควรได้รับการปลดเปลื้องความผิดแล้ว แต่ผู้คนจำนวนมากยังไม่ลืมการเข่นฆ่าประชาชนและฉ้อโกงประเทศชาติของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ เรียกร้องทางการดำเนินคดีแพ่งต่อ เรียกทรัพย์สินที่ทุจริตไปกลับคืนจากครอบครัว

มาร์ดโจ โซเบียนโดโน หัวหน้าคณะแพทย์ผู้รักษาซูฮาร์โตซึ่งเข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่ 3 สัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากการทำงานของหัวใจ ปอด และไต มีปัญหา แถลงว่า อดีตประธานาธิบดีแดนอิเหนาเสียชีวิตเมื่อเวลา 13.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย หลังจากที่การทำงานของอวัยวะหลายส่วนในร่างกายล้มเหลว ในช่วงคืนวันเสาร์(26)

"พ่อได้กลับไปหาพระผู้เป็นเจ้าแล้ว" ซิติ ฮาริยันติ รัคมานา หรือที่รู้จักกันในนาม'ตูตุต'ลูกสาวคนโตของซูฮาร์โต แถลงต่อผู้สื่อข่าวอย่างสะอึกสะอื้น

"พวกเราขอร้องว่า ถ้าพ่อทำความผิดใดๆก็ตาม โปรดอโหสิให้กับพ่อด้วย ขอให้พ่อได้รับการปลดเปลื้องความผิด" รัคมานากล่าว

ทางด้านประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุดโธโยโน ได้กล่าวแสดงความเสียใจและวอนขอให้ชาวอินโดนีเซียละหมาดให้กับอดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับ

"ผมใคร่ขอให้ประชาชนชาวอินโดนีเซียแสดงความเคารพสูงสุดต่อผู้ที่ถือเป็นหนึ่งในลูกที่ดีที่สุดของอินโดนีเซีย ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ ผู้ซึ่งกระทำคุณประโยชน์นานัปการและอุทิศตนให้แก่ประเทศชาติ" ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของอินโดนีเซีย กล่าว

สถานีโทรทัศน์เผยแพร่ภาพที่ยุดโธโยโนและจูซุฟ กัลลา รองประธานาธิบดี คุกเข่าอยู่หน้าร่างไร้วิญญาณของซูฮาร์โตที่ห่มผ้าสีขาว ในห้องที่บ้านพักของซูฮาร์โต

ธงชาติที่ทำเนียบประธานาธิบดีถูกลดลงครึ่งเสา นอกจากนี้ ซูดี ซิลาลาฮี เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประกาศให้ทั่วประเทศไว้อาลัยนาน 1 สัปดาห์

โฆษกของประธานาธิบดีกล่าวว่า ในวันนี้ ยุดโธโยโนจะเป็นประธานในพิธีฝังศพซูฮาร์โต ที่สุสานประจำตระกูลของซูฮาร์โตซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองโซโล ทางตอนกลางของเกาะชวา

***อดีตอันต่ำต้อยแต่ผงาดเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่***
ซูฮาร์โตเกิดเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ปี1921 เป็นลูกของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยในหมู่บ้านเคมูซุค ทางตอนกลางของเกาะชวา เมื่อเติบโตขึ้นมา ซูฮาร์โตทำงานเป็นเสมียนในธนาคาร ก่อนเข้าร่วมกับกองทัพในยุคอินโดนีเซียเป็นอาณานิคมของเนเธอร์แลนด์

ต่อมา ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองอินโดนีเซียระหว่างปี1942 - 1945 ซูฮาร์โตเข้าร่วมอยู่ใน "กองทัพแห่งอินโดนีเซีย" ซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ฝึกรบ และภายหลังก็ร่วมอยู่ในกองกำลังอาวุธของอินโดนีเซียที่ต่อสู้เพื่อขับไล่เนเธอร์แลนด์

ซูฮาร์โตเริ่มมีบทบาทเด่นในปี1965 เมื่อเขาประกาศว่ามีเพื่อนนายพล 6 คน ถูกสังหารในเหตุการณ์ที่เรียกว่าการพยายามก่อรัฐประหารโดยพวกคอมมิวนิสต์ หลังจากนั้น ก็มีการกวาดล้างกลุ่มคอมมิวนิสต์และผู้สนับสนุนครั้งใหญ่ซึ่งทำให้ผู้คนถูกสังหารโหดอย่างน้อย 500,000 คน ต่อมา ซูฮาร์โตก็เข้ายึดอำนาจในปี1966 และขึ้นเป็นประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในปี1967

ซูฮาร์โตได้นำพาประเทศที่หมู่เกาะขนาดใหญ่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูและเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงนั้น อินโดนีเซียได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สามารถพึ่งพาตนเองในด้านการผลิตข้าว ซูฮาร์โตยังได้ชื่อว่าเป็นบิดาแห่งการพัฒนา

สำหรับสภาพการเมืองในช่วงนั้น ก็ได้ชื่อว่าเป็นช่วงที่อินโดนีเซียมีเสถียรภาพทางการเมือง

อย่างไรก็ดี การมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วและการเมืองที่แข็งแกร่งก็ต้องแลกมาด้วยการจำกัดสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการพูดอย่างรุนแรง ตลอดจนการใช้กองทัพปราบปรามฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลและขบวนการแบ่งแยกดินแดน ทั้งนี้ ช่วงสมัยที่ซูฮาร์โตปกครองอินโดนีเซียก็ถือเป็นช่วงที่มีการกดขี่ข่มเหงประชาชนอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการสังหารหมู่ประชาชนผู้สนับสนุนระบอบคอมมิวนิสต์ การนำกำลังบุกติมอร์ตะวันออก(หรือติมอร์เลสเตในปัจจุบัน) การปราบปรามขบวนการแบ่งแยกดินแดนในจังหวัดอาเจะห์และปาปัว

ซูฮาร์โตมีท่าทีและนโยบายที่ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างแข็งขัน ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐฯ ซึ่งเปิดไฟเขียวอย่างลับๆให้ซูฮาร์โตบุกติมอร์ตะวันออก เมื่อปี1975 สหประชาชาตินั้นไม่เคยยอมรับการผนวกติมอร์ตะวันออกเข้ากับอินโดนีเซีย และภายหลังจากที่ซูฮาร์โตถูกบีบให้สละเก้าอี้ประธานาธิบดีในปี1998 อินโดนีเซียจึงยอมให้ติมอร์ตะวันออกประกาศเอกราช

ยิ่งไปกว่านั้น ในรัฐบาลยุคซูฮาร์โตนั้น เม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ตกอยู่ในมือของครอบครัวและพวกพ้องมิตรสหายของเขาจำนวนมากมาย มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงกันอย่างมโหฬาร เหตุการณ์ถึงจุดแตกหักในปี1998 เมื่ออินโดนีเซียประสบความลำบากอย่างยิ่งในระหว่างวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในเอเชีย ประชาชนจำนวนมากเดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยและขับไล่ซูฮาร์โต จนนำไปสู่การก่อจลาจลที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ท้ายที่สุด ซูฮาร์โตก็จำยอมลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดี

***รอดพ้นจากข้อหาต่างๆ***
ก่อนที่ซูฮาร์โตจะถูกบีบให้ลาออกจากตำแหน่งนั้น ตัวเขาเอง ครอบครัวและมิตรสหายได้แทรกซึมเข้าสู่เศรษฐกิจอินโดนีเซียเกือบทุกภาคส่วน ซูฮาร์โตและครอบครัวเป็นเจ้าของสายการบิน โรงแรม ทางด่วน สถานีวิทยุและโทรทัศน์ อีกทั้งยังเป็นเหมือนผู้เฝ้าปากประตูสำหรับชาวต่างชาติคนใดก็ตามที่ต้องการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย

กลุ่ม Transparency International กล่าวว่าซูฮาร์โตมีทรัพย์สินมูลค่าราว 15,000 - 35,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 1.3% ของจีดีพีของอินโดนีเซีย

ภายหลังจากที่ซูฮาร์โตลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดี ก็ถูกตั้งข้อหายักยอกเงินแผ่นดิน มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทว่า ต่อมารัฐบาลก็ยกฟ้องคดีอาญาดังกล่าวสืบเนื่องจากสุขภาพอันย่ำแย่ของซูฮาร์โต

เมื่อปีที่แล้ว อัยการได้ยื่นฟ้องซูฮาร์โตในคดีแพ่ง เพื่อทวงคืนเงินแผ่นดิน 440 ล้านดอลลาร์ และทรัพย์สินและความเสียหายรวมมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งซูฮาร์โตถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงทรัพย์สินเหล่านี้ ระหว่างเป็นประธานมูลนิธิซูเปอร์เซมาร์
ที่ผ่านมา ซูฮาร์โตและครอบครัวยืนยันว่าพวกตนเป็นผู้บริสุทธิ์มาโดยตลอด

***ควรพิจารณาคดีต่อหรือไม่?***
โมฮัมหมัด อัสเซกัฟ
หนึ่งในทีมทนายของซูฮาร์โต กล่าวว่า การพิจารณาคดีแพ่งต้องยุติลง เนื่องจากทีมทนายไม่ได้เป็นตัวแทนให้กับซูฮาร์โตอีกต่อไป เพราะซูฮาร์โตเสียชีวิตแล้ว ดังนั้น อัยการควรประสานงานกับทางครอบครัวซูฮาร์โตเพื่อยกฟ้องคดีดังกล่าว

ขณะที่กลุ่มสภาอูเลมาอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มของนักการศาสนาอิสลาม กล่าวว่า ควรให้อภัยต่อซูฮาร์โต ตามหลักของศาสนานั้น พระเจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้พิจารณาอาชญากรรมและการกระทำของซูฮาร์โต

ทว่า ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของซูฮาร์โต ซึ่งส่วนใหญ่เคยถูกคุมขังในเรือนจำเนื่องจากวางตัวเป็นปรปักษ์ มองว่าการที่ซูฮาร์โตเสียชีวิตทำให้หมดโอกาสที่จะนับตัวอดีตจอมเผด็จการผู้นี้ขึ้นรับการพิจารณาคดีข้อหาละเมิดสิทธิมนุษยชน

บูดิมาน ซุดจัตมิโก ซึ่งเคยถูกจำคุกในระหว่างเป็นนักศึกษาผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวว่าการเสียชีวิตของซูฮาร์โตถือเป็นโศกนาฏกรรมสำหรับเหยื่ออาชญากรรมของอดีตผู้นำคนนี้ เหยื่อเหล่านั้นไม่เคยได้รับความยุติธรรมเลย เมื่อนับรวมกับเรื่องคอร์รัปชั่นแล้ว ซูฮาร์โตก็ถือเป็นอาชญากรที่สมบูรณ์แบบ และควรจัดอยู่ในระดับเดียวกับฮิตเลอร์ และโปลโป๊ต(พอลพต)
กำลังโหลดความคิดเห็น