โฟร์โมสต์ จ่อคิวทิ้งตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมผลไม้ หลังเข็นโยโมสต์บุกตลาดหลายปี ตอดแชร์ดัชมิลล์ไม่สำเร็จ ตลาดกว่า 4,000 ล้านบาทไม่โต เบนเข็มโฟกัสตลาดหลัก นมโคพร้อมดื่ม แคลซีเม็กซ์ ไฮไฟว์ รับยุคตลาดนมแข่งดุต้องรักษาฐานที่มั่น ส่วนริชเชสโบกมือลาจากตลาดนมเปรี้ยวผสมน้ำผลไม้แล้วเช่นกัน
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มว่า ในเร็วๆ นี้ บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กำลังจะเลิกผลิตนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้โยโมสต์ออกจำหน่าย ส่วนหนึ่งเป็นตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้ มีผู้นำตลาดอย่างดัชมิลล์ครองส่วนแบ่ง 97% รองลงมาเป็น โยโมสต์และเมจิมีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน 5% จากมูลค่าตลาดกว่า 4,000 ล้านบาท นับว่าดัชมิลล์ครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่แบรนด์อื่นๆ จะเข้ามาทำตลาดได้
สภาพตลาดนมเปรี้ยวที่เกิดขึ้นตรงกับที่ นายอำนาจ ธีระวนิช ประธานกรรมการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจำหน่ายนมพร้อมดื่มตราไทย-เดนมาร์ค กล่าวว่า การที่แบรนด์ใหม่จะเข้ามาทำตลาดนมพร้อมดื่มเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หากตลาดนั้นมีผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งเกิน 50% จึงมองว่าไทย-เดนมาร์ค น่าจะมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก เพราะเป็นอันดับ 2 ของตลาดครองส่วนแบ่ง 30%
นอกจากนี้ยังมีนมเปรี้ยวพร้อมดื่มแบรนด์ "ริชเชส"ในรูปแบบพาสเจอร์ไรซ์ของสหพัฒน์ก็ออกไปจากตลาดนี้แล้วเช่นกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมา ไม่มีอัตราการเติบโต กระทั่งล่าสุดริชเชสเบนเข็มไปรุกตลาดน้ำผลไม้ และสปอร์ต ดริงก์แทน เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากกว่า
**ยุคแข่งดุค่ายนมต้องรักษาฐาน**
ท่ามกลางการแข่งขันตลาดนมโดยรวมมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ทุกรายโดยเฉพาะโฟร์โมสต์ต้องยึดฐานที่มั่นไว้อย่างหนักแน่น อย่างปีนี้โฟร์โมสต์ผจญกับความท้าทายจากการรุกหนักของไทย-เดนมาร์ค ด้วยการประกาศขึ้นเป็นผู้นำในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ เชื่อว่าโฟร์โมตส์ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 38% รวมทั้งความพยายามกระตุ้นอัตราการดื่มนมของคนไทยให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันโดยเฉลี่ย 13 ลิตรต่อคนต่อปี
นอกจากนี้โฟร์โมสต์ยังต้องทำการบ้านหนักกับตลาดนมแคลเซียมมูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งหลากค่ายรุกทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ อย่าง แอนลีนส่งมาช่า วัฒนพานิช มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือกระทั่งนมถั่วเหลืองวีซอย ส่งภรรยานักฟุตบอลอย่างปิยะพงษ์ ผิวอ่อนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ประกบ ขณะที่แคลซีเม็กซ์นำหมิว-ลลิตา ศศิประภา และลูกๆ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตลอดจนแตกไลน์ แคลซีเม็กซ์ บิวตีวา เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่องจากการครองส่วนแบ่งกว่า 60%
อีกทั้งโฟร์โมสต์ยังเน้นทำตลาดอย่างนมถั่วเหลือง จากการส่งไฮไฟว์ท้าทายผู้นำอย่างไวตามิ้ลค์ ส่วนสำคัญที่โฟร์โมสต์ต้องทำตลาดนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 18% จากมูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นอย่างก้าวการเติบโตจากการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับไวตามิ้ลค์ที่ผจญกับคู่แข่งมากมาย ก็ต้องตื่นจากหลับเพื่อรักษาฐานที่มั่นให้มั่นคงยิ่งขึ้น ก่อนที่จะโดนดีน่าและไฮไฟว์ช่วงชิงแชร์
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มว่า ในเร็วๆ นี้ บริษัท ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กำลังจะเลิกผลิตนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้โยโมสต์ออกจำหน่าย ส่วนหนึ่งเป็นตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มผสมน้ำผลไม้ มีผู้นำตลาดอย่างดัชมิลล์ครองส่วนแบ่ง 97% รองลงมาเป็น โยโมสต์และเมจิมีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน 5% จากมูลค่าตลาดกว่า 4,000 ล้านบาท นับว่าดัชมิลล์ครองตลาดแบบเบ็ดเสร็จ ดังนั้นจึงเป็นการยากที่แบรนด์อื่นๆ จะเข้ามาทำตลาดได้
สภาพตลาดนมเปรี้ยวที่เกิดขึ้นตรงกับที่ นายอำนาจ ธีระวนิช ประธานกรรมการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผู้ผลิตและจำหน่ายนมพร้อมดื่มตราไทย-เดนมาร์ค กล่าวว่า การที่แบรนด์ใหม่จะเข้ามาทำตลาดนมพร้อมดื่มเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หากตลาดนั้นมีผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งเกิน 50% จึงมองว่าไทย-เดนมาร์ค น่าจะมีโอกาสทางการตลาดอีกมาก เพราะเป็นอันดับ 2 ของตลาดครองส่วนแบ่ง 30%
นอกจากนี้ยังมีนมเปรี้ยวพร้อมดื่มแบรนด์ "ริชเชส"ในรูปแบบพาสเจอร์ไรซ์ของสหพัฒน์ก็ออกไปจากตลาดนี้แล้วเช่นกัน ส่วนหนึ่งเกิดจากสภาพตลาดนมเปรี้ยวพร้อมดื่มในปีที่ผ่านมา ไม่มีอัตราการเติบโต กระทั่งล่าสุดริชเชสเบนเข็มไปรุกตลาดน้ำผลไม้ และสปอร์ต ดริงก์แทน เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากกว่า
**ยุคแข่งดุค่ายนมต้องรักษาฐาน**
ท่ามกลางการแข่งขันตลาดนมโดยรวมมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท มีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ทุกรายโดยเฉพาะโฟร์โมสต์ต้องยึดฐานที่มั่นไว้อย่างหนักแน่น อย่างปีนี้โฟร์โมสต์ผจญกับความท้าทายจากการรุกหนักของไทย-เดนมาร์ค ด้วยการประกาศขึ้นเป็นผู้นำในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ เชื่อว่าโฟร์โมตส์ต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 38% รวมทั้งความพยายามกระตุ้นอัตราการดื่มนมของคนไทยให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันโดยเฉลี่ย 13 ลิตรต่อคนต่อปี
นอกจากนี้โฟร์โมสต์ยังต้องทำการบ้านหนักกับตลาดนมแคลเซียมมูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งหลากค่ายรุกทำตลาดอย่างจริงจัง ด้วยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ อย่าง แอนลีนส่งมาช่า วัฒนพานิช มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือกระทั่งนมถั่วเหลืองวีซอย ส่งภรรยานักฟุตบอลอย่างปิยะพงษ์ ผิวอ่อนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ประกบ ขณะที่แคลซีเม็กซ์นำหมิว-ลลิตา ศศิประภา และลูกๆ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ตลอดจนแตกไลน์ แคลซีเม็กซ์ บิวตีวา เพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดอย่างต่อเนื่องจากการครองส่วนแบ่งกว่า 60%
อีกทั้งโฟร์โมสต์ยังเน้นทำตลาดอย่างนมถั่วเหลือง จากการส่งไฮไฟว์ท้าทายผู้นำอย่างไวตามิ้ลค์ ส่วนสำคัญที่โฟร์โมสต์ต้องทำตลาดนี้ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 18% จากมูลค่า 5,000-6,000 ล้านบาท จึงเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นอย่างก้าวการเติบโตจากการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับไวตามิ้ลค์ที่ผจญกับคู่แข่งมากมาย ก็ต้องตื่นจากหลับเพื่อรักษาฐานที่มั่นให้มั่นคงยิ่งขึ้น ก่อนที่จะโดนดีน่าและไฮไฟว์ช่วงชิงแชร์