นายกฯ ควงแขน "รมว.กลาโหม-ผบ.ทบ.-ผบ.ตร." ลงยะลาตามความคืบหน้าสร้างทางหลวงสาย 418 หลังไฟใต้พ่นพิษผู้รับเหมาทิ้งงาน ฝาก "รัฐบาลหมัก" ดับไฟใต้ด้วยแนวทาง "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" ตามที่ในหลวงพระราชทาน จนท.นราธิวาสปิดล้อมตรวจค้นหลังเกิดเหตุระเบิดในบ้านลาละ หลังจากเกิดเหตุระเบิดทหารขณะออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟโดยจับกุมผู้ต้องสงสัยสอบสวน 20 ราย
วานนี้ (21 ม.ค.) เวลา 11.30 น.ที่บ้านทุ่งยามู ม.4 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของหน่วยเฉพาะกิจทหารช่าง กองทัพบก อันเป็นสถานที่ตั้งของที่ทำการโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 418 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปร่วมประชุมและรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานก่อสร้างทางหลวงสาย 418 บ้านคลองขุด จ.ปัตตานี ถึงบ้านท่าสาป จ.ยะลา
โดยมีผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.ยะลา ในครั้งนี้ ไม่ได้มารับฟังปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด แต่เป็นการลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการก่อสร้าง ทางหลวงสาย 418 ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าที่ดีมาก มีการเคลื่อนย้ายกองกำลังจากทุกภาคมาระดมกำลังในการก่อสร้างเส้นทาง ซึ่งโครงการดังกล่าว ถูกทอดทิ้งมานาน เนื่องจากปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ในอีก 1 ปีข้างหน้า อาจใช้เส้นทางดังกล่าวได้บางส่วน และในวันนี้ ได้มีการพูดถึงการพัฒนาพื้นที่ ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบนั้น ในยุทธวิธีเป็นเรื่องที่กองกำลังสามารถดูแลได้ ซึ่งในภาพรวมแล้วคิดว่า การทำงานดีขึ้นเป็นลำดับ น่าจะทำให้ความรุนแรงในพื้นที่ลดระดับลงได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานว่า ขอให้เน้นความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา ซึ่งนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการแก้ไขสถานการณ์ และหากได้รับความร่วมมือจากประชาชนให้สถานการณ์ในพื้นที่กลับสู่สันติภาพโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ด้วยว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป สำหรับสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะยุติได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องดูและหาทางแก้ไขปัญหา ขณะนี้คิดว่ามีความพยายามจากทุกฝ่าย ที่จะให้ความร่วมมือมากขึ้น แม้แต่สภาที่ปรึกษาของ ศอ.บต.เองก็บอกว่ามีประชาชนให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานของทหารเองก็ต้องมีการติดตามกันอย่างใกล้ชิดในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร และการดำเนินการในปัจจุบันก็ต้องมีการปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมและทันกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องยอมรับว่า มีทหารบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการนำข้อมูลข่าวสารออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องดูแลกันต่อไป
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่า ทหารในพื้นที่อาจตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยหน้าที่แล้วทหารคงรู้ตัวเองดีว่า ควรจะตกเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในทุก ๆ ภาคส่วนเอง ก็มีโอกาสที่จะมีข้อมูลที่รั่วไหลออกไปได้ ซึ่งจุดนี้ก็ต้องช่วยกันระมัดระวังกันต่อไป
ที่ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.ธนาพล มีชัย รอง ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ม.2 พัน ม.138 หน่วยเฉพาะกิจที่ 39 ขณะออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟในพื้นที่ ม.7 บ้านลาโล๊ะ ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นายเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ว่า จากการตรวจสอบระเบิดที่คนร้ายใช้พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุไว้ในกล่องเหล็ก จุดฉนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยใช้ซิมโทรศัพท์สัญญาณ จีเอสเอ็ม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบเพื่อหาเบอร์ที่มีการโทร.เข้ารวมถึงรายชื่อผู้ที่จดทะเบียนซิมดังกล่าว
นอกจากนี้ หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวแล้วเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกปิดล้อมตรวจค้นผู้ต้องสงสัยในพื้นที่บ้านลาโล๊ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยมาทำการสอบสวนซักประวัติและทำการบันทึกรายชื่อ 20 คนโดยมีการควบคุมตัวที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 39 ซึ่งหากทำการซักประวัติแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติก็จะปล่อยกลับบ้าน
ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นเพื่อป่วนเจ้าหน้าที่
ขณะที่ จ.สงขลา ช่วงเวลา 04.00 น.กำลังเจ้าหน้าที่นำโดย พ.อ.กิจจา ศรีทองกุล ผบ.ฉก.สงขลา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ สนธิกำลังจาก บก.ฉก.สงขลา, ศปก.ตร.สน., ชุดนิติวิทยาศาสตร์ และ ชรข., ร้อย.ร.ฉก.สงขลา, ร้อย.ทพ.4203,4204,4207และ มว.ฉก.ตชด.413 เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 แห่งในพื้นที่ ม.2 บ.ควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย ภายหลังได้รับรายงานว่า เป็นแหล่งผลิตและซุกซ่อนวัตถุระเบิด ซึ่งแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบได้นำมาซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
โดยจุดแรกทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้าน นายรอสาลี ดอเลาะ เลขที่ 58 ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เป็นแนวร่วม ผลการตรวจค้นไม่พบตัวนายรอสาลี บุคคลต้องสงสัย และสิ่งผิดกฎหมาย จุดที่ 2 เข้าค้นบ้านนายอับริม สหมานกูด เลขที่ 54/18 ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เป็นแนวร่วม ผลการตรวจค้นสามารถควบคุมตัว นายอับริม สหมานกูด บุคคลต้องสงสัย พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 5844 ปัตตานี 1 คัน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 7610 จำนวน 1 เครื่อง
จุดที่ 3 เข้าค้นบ้าน นายมะรีเพ็ง ตาเละ อยู่บ้านเลขที่ 53/6 ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เป็นแนวร่วม ผลการตรวจค้นสามารถควบคุมตัวนายมะรีเพ็ง บุคคลต้องสงสัย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 3310 จำนวน 1 เครื่อง จุดที่ 4 เข้าตรวจค้นบ้าน นายเปาซี มะสา เป็นแนวร่วมผลการตรวจค้นไม่พบตัวนายเปาซี บุคคลต้องสงสัยและสิ่งผิดกฎหมาย ทางหน่วยเฉพาะกิจสงขลาได้ควบคุมตัวนายอับริม สหมานกูด และนายมะรีเพ็ง ตาเละ แนวร่วมต้องสงสัยทั้งสองคนมาซักถามขั้นต้น ณ บก.ฉก.สงขลา พร้อมส่งมอบของกลางโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องให้ ศปก.ตร.สน.เพื่อตรวจสอบขยายผลต่อไป
พ.อ.กิจจา ศรีทองกุล ผบ.ฉก.สงขลา กล่าวว่า ฉก.สงขลา จะยังคงเดินหน้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่รับผิดชอบพร้อมทั้งควบคุมตัวมาสอบสวนต่อไป เพื่อให้พื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลามีความสงบปราศจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ใช้พื้นที่ 4 อำเภอจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ที่เข้ามาหลบซ่อนตัวภายหลังจากการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตและที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิดซึ่งแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบได้นำมาซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
วานนี้ (21 ม.ค.) เวลา 11.30 น.ที่บ้านทุ่งยามู ม.4 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของหน่วยเฉพาะกิจทหารช่าง กองทัพบก อันเป็นสถานที่ตั้งของที่ทำการโครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 418 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางไปร่วมประชุมและรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานก่อสร้างทางหลวงสาย 418 บ้านคลองขุด จ.ปัตตานี ถึงบ้านท่าสาป จ.ยะลา
โดยมีผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้บัญชาการกองกำลังผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารให้การต้อนรับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.ยะลา ในครั้งนี้ ไม่ได้มารับฟังปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่แต่อย่างใด แต่เป็นการลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการก่อสร้าง ทางหลวงสาย 418 ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าที่ดีมาก มีการเคลื่อนย้ายกองกำลังจากทุกภาคมาระดมกำลังในการก่อสร้างเส้นทาง ซึ่งโครงการดังกล่าว ถูกทอดทิ้งมานาน เนื่องจากปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ในอีก 1 ปีข้างหน้า อาจใช้เส้นทางดังกล่าวได้บางส่วน และในวันนี้ ได้มีการพูดถึงการพัฒนาพื้นที่ ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบนั้น ในยุทธวิธีเป็นเรื่องที่กองกำลังสามารถดูแลได้ ซึ่งในภาพรวมแล้วคิดว่า การทำงานดีขึ้นเป็นลำดับ น่าจะทำให้ความรุนแรงในพื้นที่ลดระดับลงได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวฝากไปยังรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานว่า ขอให้เน้นความต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นยุทธศาสตร์พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า เข้าถึง เข้าใจ พัฒนา ซึ่งนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการแก้ไขสถานการณ์ และหากได้รับความร่วมมือจากประชาชนให้สถานการณ์ในพื้นที่กลับสู่สันติภาพโดยเร็ว
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางลงพื้นที่ จ.ยะลา เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นในขณะนี้ด้วยว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปจากเจ้าหน้าถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป สำหรับสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะยุติได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องดูและหาทางแก้ไขปัญหา ขณะนี้คิดว่ามีความพยายามจากทุกฝ่าย ที่จะให้ความร่วมมือมากขึ้น แม้แต่สภาที่ปรึกษาของ ศอ.บต.เองก็บอกว่ามีประชาชนให้ความร่วมมือ และให้ข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งให้คำปรึกษาที่เป็นประโยชน์มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการทำงานของทหารเองก็ต้องมีการติดตามกันอย่างใกล้ชิดในเรื่องของข้อมูลข่าวสาร และการดำเนินการในปัจจุบันก็ต้องมีการปรับปรุงให้เกิดความเหมาะสมและทันกับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องยอมรับว่า มีทหารบางคนเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องของการนำข้อมูลข่าวสารออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องดูแลกันต่อไป
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่า ทหารในพื้นที่อาจตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มก่อความไม่สงบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดยหน้าที่แล้วทหารคงรู้ตัวเองดีว่า ควรจะตกเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในทุก ๆ ภาคส่วนเอง ก็มีโอกาสที่จะมีข้อมูลที่รั่วไหลออกไปได้ ซึ่งจุดนี้ก็ต้องช่วยกันระมัดระวังกันต่อไป
ที่ จ.นราธิวาส พ.ต.ท.ธนาพล มีชัย รอง ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้ายที่ลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ม.2 พัน ม.138 หน่วยเฉพาะกิจที่ 39 ขณะออกลาดตระเวนเส้นทางรถไฟในพื้นที่ ม.7 บ้านลาโล๊ะ ต.ลาโล๊ะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 4 นายเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ว่า จากการตรวจสอบระเบิดที่คนร้ายใช้พบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง บรรจุไว้ในกล่องเหล็ก จุดฉนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ โดยใช้ซิมโทรศัพท์สัญญาณ จีเอสเอ็ม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบเพื่อหาเบอร์ที่มีการโทร.เข้ารวมถึงรายชื่อผู้ที่จดทะเบียนซิมดังกล่าว
นอกจากนี้ หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวแล้วเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังออกปิดล้อมตรวจค้นผู้ต้องสงสัยในพื้นที่บ้านลาโล๊ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยมาทำการสอบสวนซักประวัติและทำการบันทึกรายชื่อ 20 คนโดยมีการควบคุมตัวที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 39 ซึ่งหากทำการซักประวัติแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติก็จะปล่อยกลับบ้าน
ส่วนการก่อเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่เชื่อเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบขึ้นเพื่อป่วนเจ้าหน้าที่
ขณะที่ จ.สงขลา ช่วงเวลา 04.00 น.กำลังเจ้าหน้าที่นำโดย พ.อ.กิจจา ศรีทองกุล ผบ.ฉก.สงขลา พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ สนธิกำลังจาก บก.ฉก.สงขลา, ศปก.ตร.สน., ชุดนิติวิทยาศาสตร์ และ ชรข., ร้อย.ร.ฉก.สงขลา, ร้อย.ทพ.4203,4204,4207และ มว.ฉก.ตชด.413 เข้าปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 4 แห่งในพื้นที่ ม.2 บ.ควนหรัน ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย ภายหลังได้รับรายงานว่า เป็นแหล่งผลิตและซุกซ่อนวัตถุระเบิด ซึ่งแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบได้นำมาซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง
โดยจุดแรกทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้าน นายรอสาลี ดอเลาะ เลขที่ 58 ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เป็นแนวร่วม ผลการตรวจค้นไม่พบตัวนายรอสาลี บุคคลต้องสงสัย และสิ่งผิดกฎหมาย จุดที่ 2 เข้าค้นบ้านนายอับริม สหมานกูด เลขที่ 54/18 ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เป็นแนวร่วม ผลการตรวจค้นสามารถควบคุมตัว นายอับริม สหมานกูด บุคคลต้องสงสัย พร้อมของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บฉ 5844 ปัตตานี 1 คัน โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 7610 จำนวน 1 เครื่อง
จุดที่ 3 เข้าค้นบ้าน นายมะรีเพ็ง ตาเละ อยู่บ้านเลขที่ 53/6 ม.2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย เป็นแนวร่วม ผลการตรวจค้นสามารถควบคุมตัวนายมะรีเพ็ง บุคคลต้องสงสัย พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 3310 จำนวน 1 เครื่อง จุดที่ 4 เข้าตรวจค้นบ้าน นายเปาซี มะสา เป็นแนวร่วมผลการตรวจค้นไม่พบตัวนายเปาซี บุคคลต้องสงสัยและสิ่งผิดกฎหมาย ทางหน่วยเฉพาะกิจสงขลาได้ควบคุมตัวนายอับริม สหมานกูด และนายมะรีเพ็ง ตาเละ แนวร่วมต้องสงสัยทั้งสองคนมาซักถามขั้นต้น ณ บก.ฉก.สงขลา พร้อมส่งมอบของกลางโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องให้ ศปก.ตร.สน.เพื่อตรวจสอบขยายผลต่อไป
พ.อ.กิจจา ศรีทองกุล ผบ.ฉก.สงขลา กล่าวว่า ฉก.สงขลา จะยังคงเดินหน้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่รับผิดชอบพร้อมทั้งควบคุมตัวมาสอบสวนต่อไป เพื่อให้พื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลามีความสงบปราศจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ใช้พื้นที่ 4 อำเภอจังหวัดสงขลาเป็นพื้นที่ที่เข้ามาหลบซ่อนตัวภายหลังจากการก่อเหตุร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเป็นแหล่งผลิตและที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิดซึ่งแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบได้นำมาซ่อนไว้เพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง