แม้สัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะอยู่เคียงข้างไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุข แต่ผลวิจัยเมืองผู้ดีชี้ผู้หญิงกว่าครึ่งพร้อมเซ็นใบหย่าทันที หากมีหนทางที่ดีกว่า
ผลสำรวจยังพบว่า สามีกว่า 59% คิดว่าชีวิตแต่งงานปราศจากความรัก และ 1 ใน 10 ของทั้งหญิงและชายอยากแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตน
การสอบถามความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ราว 2,000 คนโดยบริษัทที่ปรึกษากฎหมายระบุว่า ผู้ถูกสอบถาม12% ทนอยู่กับชีวิตคู่ที่ไม่มีความสุขเพื่อความสะดวกสบายของชีวิต เกือบ 30% ทนอยู่เพราะไม่อยากพบการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวาย และ 37% อยู่เพื่อลูก
บ้างบอกว่าไม่แน่ใจว่าจะต้องเสียอะไรบ้างหากตัดสินใจทิ้งคู่ครอง โดย 42% กลัวต้องยกบ้านให้อีกฝ่ายถ้าเลิกร้างกัน เกือบ 1 ใน 3 กลัวว่าจะต้องไปแต่ตัว ขณะที่ผู้ชาย 30% กลัวเสียลูกให้ภรรยา
เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดสารภาพว่า ที่ทนประคับประคองชีวิตคู่เพราะเห็นแก่ครอบครัว
การสำรวจนี้ที่ริเริ่มโดยเซดดอนส์ บริษัทที่ปรึกษากฎหมายที่รับคดีฟ้องหย่ามือเป็นระวิงตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่ ยังระบุว่า 12% มองว่าชีวิตคู่แห้งแล้งขาดรัก และ 35% เชื่อว่าการแต่งงานจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายในอนาคตอันใกล้
ที่น่าตกใจคือ ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 56% ยอมรับว่าไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานเลย และกว่าครึ่งกำลังคิดหย่า
โฆษกของบริษัทที่ปรึกษาด้านการแต่งงานกล่าวว่า เป็นเรื่องง่ายที่คู่แต่งงานจะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตคู่น่าเบื่อหน่ายเวลาที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ดี คู่ที่หันหน้าคุยกันมีโอกาสมากที่จะครองรักกันยาวยาน
“การหย่าร้างกระทบถึงทุกแง่มุมชีวิต ตั้งแต่การแบ่งทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง ทุกสิ่งที่ครอบครอง”
ครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสำรวจกำลังคิดว่าจะไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ ก่อนที่จะนัดกันไปหย่า แต่ 1 ใน 5 บอกว่าเสียเวลาเปล่า
ผู้ถูกสำรวจ 25% คิดว่าค่าขึ้นโรงขึ้นศาลที่แพงเอาเรื่องเป็นเหตุผลสำคัญในการระงับการหย่า และ 6 ใน 10 ไม่รู้ว่ามีบริการไกล่เกลี่ยคู่ที่ต้องการหย่าร้าง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายให้เหลือน้อยที่สุด
ผลสำรวจยังพบว่า สามีกว่า 59% คิดว่าชีวิตแต่งงานปราศจากความรัก และ 1 ใน 10 ของทั้งหญิงและชายอยากแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่ของตน
การสอบถามความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ราว 2,000 คนโดยบริษัทที่ปรึกษากฎหมายระบุว่า ผู้ถูกสอบถาม12% ทนอยู่กับชีวิตคู่ที่ไม่มีความสุขเพื่อความสะดวกสบายของชีวิต เกือบ 30% ทนอยู่เพราะไม่อยากพบการเปลี่ยนแปลงและความวุ่นวาย และ 37% อยู่เพื่อลูก
บ้างบอกว่าไม่แน่ใจว่าจะต้องเสียอะไรบ้างหากตัดสินใจทิ้งคู่ครอง โดย 42% กลัวต้องยกบ้านให้อีกฝ่ายถ้าเลิกร้างกัน เกือบ 1 ใน 3 กลัวว่าจะต้องไปแต่ตัว ขณะที่ผู้ชาย 30% กลัวเสียลูกให้ภรรยา
เกือบครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดสารภาพว่า ที่ทนประคับประคองชีวิตคู่เพราะเห็นแก่ครอบครัว
การสำรวจนี้ที่ริเริ่มโดยเซดดอนส์ บริษัทที่ปรึกษากฎหมายที่รับคดีฟ้องหย่ามือเป็นระวิงตั้งแต่ช่วงสัปดาห์แรกของปีใหม่ ยังระบุว่า 12% มองว่าชีวิตคู่แห้งแล้งขาดรัก และ 35% เชื่อว่าการแต่งงานจะกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายในอนาคตอันใกล้
ที่น่าตกใจคือ ผู้ตอบแบบสอบถามถึง 56% ยอมรับว่าไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงานเลย และกว่าครึ่งกำลังคิดหย่า
โฆษกของบริษัทที่ปรึกษาด้านการแต่งงานกล่าวว่า เป็นเรื่องง่ายที่คู่แต่งงานจะเริ่มรู้สึกว่าชีวิตคู่น่าเบื่อหน่ายเวลาที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ดี คู่ที่หันหน้าคุยกันมีโอกาสมากที่จะครองรักกันยาวยาน
“การหย่าร้างกระทบถึงทุกแง่มุมชีวิต ตั้งแต่การแบ่งทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง ทุกสิ่งที่ครอบครอง”
ครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสำรวจกำลังคิดว่าจะไปพบผู้เชี่ยวชาญเพื่อซ่อมแซมความสัมพันธ์ ก่อนที่จะนัดกันไปหย่า แต่ 1 ใน 5 บอกว่าเสียเวลาเปล่า
ผู้ถูกสำรวจ 25% คิดว่าค่าขึ้นโรงขึ้นศาลที่แพงเอาเรื่องเป็นเหตุผลสำคัญในการระงับการหย่า และ 6 ใน 10 ไม่รู้ว่ามีบริการไกล่เกลี่ยคู่ที่ต้องการหย่าร้าง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านกฎหมายให้เหลือน้อยที่สุด