คณะกรรมการนโยบายชั่วคราว 5 คน เร่งมือวางโครงสร้างการทำงานไทยพีบีเอส ผุดฝ่ายสาธารณะสัมพันธ์ เล็งตั้งคณะทำงานหลายชุดเข้ามาเสริม มั่นใจ 1 ก.พ. ประเดิมออกอากาศ 6 โมงเย็นก่อน พร้อมเปิดรายชื่อคณะกรรมการสรรหาฯจำนวน 15 คน “สุริยะใส”แนะให้โอกาสคนนอกทำงาน เท่าเทียมกับพนักงานเดิมทีไอทีวี
นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ไทยพีบีเอส (TPBS) กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯอยู่ระหว่างการเตรียมวางโครงสร้างองค์กรของไทยพีบีเอส เพื่อให้เป็นไปตามภารกิจที่มีอยู่โดยจะไม่สลับซับซ้อน ซึ่งหลักๆแล้ว จะมีฝ่ายข่าว ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายการผลิต ฝ่ายรายการ ฝ่ายบริหาร และจะมีฝ่ายสาธารณะสัมพันธ์ เพื่อดูแลเกี่ยวกับการพบปะผู้คน กลุ่มคน องค์กรต่างๆ เพื่อให้มีส่วนร่วมกับข่าวสารต่างๆของชุมชน รวมทั้งการตั้งสภาผู้ชมด้วยเพื่อให้เป็นตัวสะท้อนของรายการของไทยพีบีเอส
ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะทำงานต่างๆหลายชุดขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในแต่ละเรื่องที่สำคัญเช่น คณะทำงานเพื่อตรวจสอบการรับโอนทรัพย์สิน เนื่องจากมีทรัพย์สินจำนวนมากที่มาจากทีไอทีวีเดิม คณะทำงานที่เกี่ยวกับการพิจารณารับพนักงานของไทยพีบีเอส คณะที่ปรึกษาของคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 7-8 คน อยู่ระหว่างการทาบทาม ซึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ในสังคมและตัวแทนจากองค์กรต่างๆ
สำหรับการรับสมัครพนักงานไทยพีบีเอสซึ่งหมดระยะเวลาการรับสมัครไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้นตัวเลขของผู้สมัครปรากฏว่ามีรวมประมาณ 3,000 กว่าคน ซึ่งทางไทยพีบีเอส จะเริ่มพิจารณาในวันนี้ โดยจะพิจารณาดูถึงกลุ่มที่ต้องรับเร่งด่วน เพื่อไม่ให้รายการสะดุดและสามารถออกอากาศได้ทันภายในวันที่ 1 ก.พ.นี้ และกลุ่มที่จะต้องเข้าสู่ระบบต่อไป ซึ่งช่วงแรกคาดว่าจะมีพนักงานประมาณ 150 คน
โดยในเบื้องต้นนั้น วันที่ 1 ก.พ.ที่จะเริ่มออกอากาศรายการของไทยพีบีเอส จะเริ่มช่วงเวลา 18.00 น. จนถึง 24.00 น. จะเป็นรายการข่าว รายการเด็ก รายการสารคดี รายการสัมภาษณ์ต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ โดยทางไทยพีบีเอสจะเป็นผู้ผลิตเองทั้งหมดก่อน รวมทั้งรายการสารคดีที่มาจากกรมประชาสัมพันธ์มาออกอากาศ
ทั้งนี้แนวทางของรายการจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ 1.รายการที่ไทยพีบีเอสผลิตเอง เช่น ข่าว 2.รายการที่ผู้ผลิตรายใหม่ๆ หรือคนรุ่นใหม่เสนอมาและทางไทยพีบีเอสร่วมสนับสนุนมาออกอากาศ และ 3.รายการที่ว่าจ้างให้ผู้ผลิตรายการผลิต ซึ่งทีวีสาธารณะไทยพีบีเอสนี้จะไม่มีการโฆษณาและคงอาจจะไม่มีการให้ผู้จัดรายการมาเช่าเวลา
“ถือเป็นการทดลองทำเมนูอาหารออกมาให้ชิมกันก่อน ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป ก็จะเป็นการออกอากาศที่สมบูรณ์ขึ้น คาดว่าจะเป็นทีวีสาธารณะประมาณ 60-70% ก่อน แล้วค่อยๆทยอยเป็นทีวีสาธารณะเต็มรูปแบบในอนาคต” นายอภิชาติกล่าว
ส่วนรายการของผู้จัดรายการนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอเข้ามาอย่างชัดเจน แต่อยู่ระหว่างการที่คณะกรรมการนโยบายฯจะทำการพบปะและแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พบปะกับผู้จัดรายการเด็กไปบ้างแล้ว ล่าสุดในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ก็จะพบปะกับกลุ่มผู้บริโภคและองค์กรเอกชนต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรูปแบบรายการที่มีผู้เสนอแนะกับทางไทยพีบีเอสผ่านทางเว็บไซต์ของไทยพีบีเอสนั้น สรุปรายการที่ผู้ชมทางบ้านเสนอเข้ามา ใน 5 อันดับแรก เป็นดังนี้ (จัดอันดับตามจำนวนรายการที่มีผู้เสนอเข้ามา ตั้งแต่วันที่ 15-19 ม.ค. 2551) อันดับที่ 1 รายการเกี่ยวกับกีฬา และการแข่งขันกีฬาต่างๆ ในประเทศ เช่น ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก การแข่งขันวิ่งการกุศล, อันดับที่ 2 รายการข่าวที่เข้มข้น เจาะลึก, อันดับที่ 3 รายการเกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคม เช่น ร่วมมือร่วมใจ, อันดับที่ 4 รายการเพื่อการศึกษาของเยาวชน และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และอันดับที่ 5 การ์ตูนที่ดีมีสาระแก่เยาวชน
**เปิดโผกรรมการสรรหาฯ15คน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายจุลยุทธ์ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เตรียมลงนามส่งหนังสือไปยัง 15 องค์กร เพื่อดำเนินการกำหนดระเบียบการตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 15 คน เพื่อมาเป็นคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการนโยบายเพื่อทำหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ หรือองค์การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส จำนวน 9 คน ตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551
ทั้งนี้ ตามมาตรา18 ของพ.ร.บ.ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งจำนวน 15 คน ทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่ สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบาย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะเดียวกันหนังสือที่ สปน.จะลงนามนั้น ส่งไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิ 15 คน ประกอบด้วย 1.นายสุวัฒน์ ทองธนากุล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ 2.นายสมชาย แสวงการ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 3.นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 4.นายสุรสิทธิ์ วิทยารัฐ รองประธานสภาสถาบันนักวิชาการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (สสมท.)
5.นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน 6.น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค 7.คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์ 8.ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย
9.นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ 10.ศ.ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย 11.นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 12.นายจุลยุทธ์ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 13.นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง 14.นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ15.นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สปน. จะเป็นฝ่ายเลขานุการในการกำหนดการประชุมสรรหาคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ จำนวน 9 คน โดยจะมีกำหนดระยะเวลาเป็นไปตามกรอบ พ.ร.บ. 180 วันนับตั้งแต่ พ.ร.บ.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
**“สุริยะใส”แนะให้โอกาสคนนอกเข้าทำงาน
นายสุริยะใส กตะศิลา เลาขาธิการ ครป.กล่าวถึงกรณีที่ 5 คณะกรรมการองค์การแพร่ภาพและกระจายเสียงสาธารณะ TPBS จะคัดเลือกพนักงานว่า ยอมรับว่าพนักงานทีไอทีวีหลายคนมีคุณภาพ แต่อยากให้คณะกรรมการทั้ง 5 คน ต้องไม่ปิดกั้น และให้โอกาสคนนอกที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งอดีตพนักงานทีไอทีวี ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย การที่ยกคณะไปสมัครงานนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งในองค์กรใหม่หรือไม่ แม้จะมีความเป็นมืออาชีพจะต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นทีวีสาธารณะ และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นว่า ไทยพีบีเอส ตั้งเครือข่ายไม่ได้
นายอภิชาติ ทองอยู่ โฆษกคณะกรรมการนโยบายองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย หรือสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ไทยพีบีเอส (TPBS) กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการฯอยู่ระหว่างการเตรียมวางโครงสร้างองค์กรของไทยพีบีเอส เพื่อให้เป็นไปตามภารกิจที่มีอยู่โดยจะไม่สลับซับซ้อน ซึ่งหลักๆแล้ว จะมีฝ่ายข่าว ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายการผลิต ฝ่ายรายการ ฝ่ายบริหาร และจะมีฝ่ายสาธารณะสัมพันธ์ เพื่อดูแลเกี่ยวกับการพบปะผู้คน กลุ่มคน องค์กรต่างๆ เพื่อให้มีส่วนร่วมกับข่าวสารต่างๆของชุมชน รวมทั้งการตั้งสภาผู้ชมด้วยเพื่อให้เป็นตัวสะท้อนของรายการของไทยพีบีเอส
ขณะเดียวกันจะมีการตั้งคณะทำงานต่างๆหลายชุดขึ้นมาเพื่อรับผิดชอบในแต่ละเรื่องที่สำคัญเช่น คณะทำงานเพื่อตรวจสอบการรับโอนทรัพย์สิน เนื่องจากมีทรัพย์สินจำนวนมากที่มาจากทีไอทีวีเดิม คณะทำงานที่เกี่ยวกับการพิจารณารับพนักงานของไทยพีบีเอส คณะที่ปรึกษาของคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งคาดว่าจะมีประมาณ 7-8 คน อยู่ระหว่างการทาบทาม ซึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ในสังคมและตัวแทนจากองค์กรต่างๆ
สำหรับการรับสมัครพนักงานไทยพีบีเอสซึ่งหมดระยะเวลาการรับสมัครไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้นตัวเลขของผู้สมัครปรากฏว่ามีรวมประมาณ 3,000 กว่าคน ซึ่งทางไทยพีบีเอส จะเริ่มพิจารณาในวันนี้ โดยจะพิจารณาดูถึงกลุ่มที่ต้องรับเร่งด่วน เพื่อไม่ให้รายการสะดุดและสามารถออกอากาศได้ทันภายในวันที่ 1 ก.พ.นี้ และกลุ่มที่จะต้องเข้าสู่ระบบต่อไป ซึ่งช่วงแรกคาดว่าจะมีพนักงานประมาณ 150 คน
โดยในเบื้องต้นนั้น วันที่ 1 ก.พ.ที่จะเริ่มออกอากาศรายการของไทยพีบีเอส จะเริ่มช่วงเวลา 18.00 น. จนถึง 24.00 น. จะเป็นรายการข่าว รายการเด็ก รายการสารคดี รายการสัมภาษณ์ต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมาใหม่ โดยทางไทยพีบีเอสจะเป็นผู้ผลิตเองทั้งหมดก่อน รวมทั้งรายการสารคดีที่มาจากกรมประชาสัมพันธ์มาออกอากาศ
ทั้งนี้แนวทางของรายการจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ 1.รายการที่ไทยพีบีเอสผลิตเอง เช่น ข่าว 2.รายการที่ผู้ผลิตรายใหม่ๆ หรือคนรุ่นใหม่เสนอมาและทางไทยพีบีเอสร่วมสนับสนุนมาออกอากาศ และ 3.รายการที่ว่าจ้างให้ผู้ผลิตรายการผลิต ซึ่งทีวีสาธารณะไทยพีบีเอสนี้จะไม่มีการโฆษณาและคงอาจจะไม่มีการให้ผู้จัดรายการมาเช่าเวลา
“ถือเป็นการทดลองทำเมนูอาหารออกมาให้ชิมกันก่อน ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นไป ก็จะเป็นการออกอากาศที่สมบูรณ์ขึ้น คาดว่าจะเป็นทีวีสาธารณะประมาณ 60-70% ก่อน แล้วค่อยๆทยอยเป็นทีวีสาธารณะเต็มรูปแบบในอนาคต” นายอภิชาติกล่าว
ส่วนรายการของผู้จัดรายการนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอเข้ามาอย่างชัดเจน แต่อยู่ระหว่างการที่คณะกรรมการนโยบายฯจะทำการพบปะและแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พบปะกับผู้จัดรายการเด็กไปบ้างแล้ว ล่าสุดในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ก็จะพบปะกับกลุ่มผู้บริโภคและองค์กรเอกชนต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรูปแบบรายการที่มีผู้เสนอแนะกับทางไทยพีบีเอสผ่านทางเว็บไซต์ของไทยพีบีเอสนั้น สรุปรายการที่ผู้ชมทางบ้านเสนอเข้ามา ใน 5 อันดับแรก เป็นดังนี้ (จัดอันดับตามจำนวนรายการที่มีผู้เสนอเข้ามา ตั้งแต่วันที่ 15-19 ม.ค. 2551) อันดับที่ 1 รายการเกี่ยวกับกีฬา และการแข่งขันกีฬาต่างๆ ในประเทศ เช่น ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก การแข่งขันวิ่งการกุศล, อันดับที่ 2 รายการข่าวที่เข้มข้น เจาะลึก, อันดับที่ 3 รายการเกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคม เช่น ร่วมมือร่วมใจ, อันดับที่ 4 รายการเพื่อการศึกษาของเยาวชน และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และอันดับที่ 5 การ์ตูนที่ดีมีสาระแก่เยาวชน
**เปิดโผกรรมการสรรหาฯ15คน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายจุลยุทธ์ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เตรียมลงนามส่งหนังสือไปยัง 15 องค์กร เพื่อดำเนินการกำหนดระเบียบการตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 15 คน เพื่อมาเป็นคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการนโยบายเพื่อทำหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ หรือองค์การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) หรือ ไทยพีบีเอส จำนวน 9 คน ตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและเผยแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551
ทั้งนี้ ตามมาตรา18 ของพ.ร.บ.ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งจำนวน 15 คน ทำหน้าที่คัดเลือกบุคคลที่ สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการนโยบาย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะเดียวกันหนังสือที่ สปน.จะลงนามนั้น ส่งไปถึงผู้ทรงคุณวุฒิ 15 คน ประกอบด้วย 1.นายสุวัฒน์ ทองธนากุล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ 2.นายสมชาย แสวงการ นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย 3.นางจำนรรค์ ศิริตัน นายกสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ 4.นายสุรสิทธิ์ วิทยารัฐ รองประธานสภาสถาบันนักวิชาการสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (สสมท.)
5.นายจอน อึ๊งภากรณ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน 6.น.ส.รสนา โตสิตระกูล ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค 7.คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน ประธานสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระบรมราชูปถัมภ์ 8.ศ.วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย
9.นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ 10.ศ.ดร.สนิท อักษรแก้ว ประธานสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย 11.นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 12.นายจุลยุทธ์ หิรัญยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 13.นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง 14.นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และ15.นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สปน. จะเป็นฝ่ายเลขานุการในการกำหนดการประชุมสรรหาคณะกรรมการ เพื่อทำหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์สาธารณะ จำนวน 9 คน โดยจะมีกำหนดระยะเวลาเป็นไปตามกรอบ พ.ร.บ. 180 วันนับตั้งแต่ พ.ร.บ.ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
**“สุริยะใส”แนะให้โอกาสคนนอกเข้าทำงาน
นายสุริยะใส กตะศิลา เลาขาธิการ ครป.กล่าวถึงกรณีที่ 5 คณะกรรมการองค์การแพร่ภาพและกระจายเสียงสาธารณะ TPBS จะคัดเลือกพนักงานว่า ยอมรับว่าพนักงานทีไอทีวีหลายคนมีคุณภาพ แต่อยากให้คณะกรรมการทั้ง 5 คน ต้องไม่ปิดกั้น และให้โอกาสคนนอกที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งอดีตพนักงานทีไอทีวี ต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย การที่ยกคณะไปสมัครงานนั้นจะทำให้เกิดความขัดแย้งในองค์กรใหม่หรือไม่ แม้จะมีความเป็นมืออาชีพจะต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นทีวีสาธารณะ และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นว่า ไทยพีบีเอส ตั้งเครือข่ายไม่ได้
