ผู้จัดการรายวัน – Bucket Lim’ คือแบรนด์น้องใหม่ ไอเดียแสบๆ คันๆ ของคู่ซี้อย่าง “กัลยา ตันติยาสวัสดิกุล” และ “พลอยจันทร์ วิฑูรชาติ” ร่วมกันออกแบบ “ซองซิลิโคนเรืองแสงใส่ถุงยางอนามัย” จุดแนวคิดนำเสนอประเด็นทางสังคมอย่างอารมณ์ดี และเชื่อมโยงการออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ในความเป็นจริงทั้งคู่มีอาชีพเป็นนักออกแบบอิสระ แต่เหตุที่มาจับธุรกิจผลิตซองซิลิโคนเรืองแสงได้นั้น เนื่องจากปลายปีที่แล้ว(2550) ห้างเซ็นทรัลเวิล์ดจัดกิจกรรม Bangkok Design เชิญนักออกแบบกว่า 30 ท่าน มาแสดงความสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์สินค้าในร้านขายของชำ ซึ่งสาวคู่ซี้ได้รับคัดเลือกร่วมกิจกรรมดังกล่าวเช่นกัน
พลอยจันทร์ และกัลยา เล่าเสริมว่า ในฐานะนักออกแบบเห็นตรงกันว่า ความสำเร็จของคนทำงานออกแบบ คือ สามารถสร้างผลงานให้ถูกใจลูกค้า และกลายเป็นส่วนหนึ่งในสังคม หรือเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืน ดังนั้น เมื่อได้รับโจทย์ให้ออกแบบสินค้าในร้านขายของชำ การเลือกสินค้ามาออกแบบ พยายามคัดชิ้นที่จะเชื่อมโยงกับประเด็นทางสังคมได้ด้วย จนมาสะดุดกับโฆษณา“ยืดอกพกถุง” ซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาพอดี
“แนวคิดของเราไม่ได้สนับสนุนหรือต่อต้านการพกถุงยางอนามัยแบบเปิดเผย แต่มองในมุมว่า ถ้าจะต้องยืดอกพกถุง ควรจะออกแบบให้ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร จึงคิดจะนำเสนอในทางสนุกสนาน ขณะเดียวกันก็ใช้งานได้เหมาะสม เลยสนใจจะทำซองใส่ถุงยางที่มีดีไซน์เฉพาะตัว” กัลยา อธิบาย
วัสดุที่คู่ซี้เลือกมาใช้ผลิต คือ “ซิลิโคน” เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษเหนียวแน่น เปลี่ยนรูปทรงได้หลากหลาย อีกทั้ง สื่อถึงการเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่ถุงยางได้อย่างดี
พลอยจันทร์ เล่าถึงการออกแบบ พยายามให้ดูเรียบง่าย ใช้งานสะดวก โดยเป็นซองรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหน้ามีวงกลมนูนตรงกลาง จำลองจากซองถุงยางอนามัย ด้านหลังผ่าทแยงมุมไว้เป็นช่องใส่ถุงยางลงไป นอกจากนั้น ไม่ลืมเติมอารมณ์ขัน ด้วยการเลือกเป็นสีเรืองแสงในเวลากลางคืน
“สีเรืองแสง มีความเป็นอมตะในตัวเองอยู่แล้ว และเป็นอารมณ์ขันจากเรื่องที่เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ฟังว่า เวลาต้องการจะใช้งานจริงๆ กลับหาไม่เจอ เพราะห้องปิดไฟมืด ก็เลยเกิดไอเดียสนุกๆ ว่า ต่อไปพกซองเรืองแสง ก็ไม่กลัวปัญหานี้อีก” พลอยจันทร์ เล่าให้ฟังพร้อมเสียงหัวเราะ
แรกทีเดียวสองสาวเพียงแค่ต้องการทำผลงานโชว์เฉพาะในงาน Bangkok Design เท่านั้น แต่หลังเสียงตอบรับที่ได้ทั้งคำชื่นชม และความสนใจของตัวแทนจำหน่ายทั้งไทยและเทศ ทั้งสองตัดสินใจจะทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจังในชื่อแบรนด์ Bucket Lim’ วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน สำหรับเป็นสินค้าซื้อฝากเพื่อความสนุกสนาน
กัลยา เผยว่า ธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนไปกว่า 90,000 บาท แม้แบบจะดูเรียบง่าย ทว่า ในการผลิตกลับไปง่ายอย่างที่คิด เพราะในประเทศไทยมีโรงงานเชี่ยวชาญผลิตงานซิลิโคนไม่กี่แห่ง นอกจากนั้น ทั้งสองเคยแต่ทำหน้าที่ด้านออกแบบ เมื่อต้องมาดูแลการผลิตด้วย จึงเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ต้องเรียนรู้
สำหรับซองใส่ถุงยางเรืองแสง Bucket Lim’ วางจำหน่ายในแผนกกิฟท์ชอปห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา และกำลังจะวางในร้าน Loft ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ด้วย มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ เขียวอ่อน เขียวแก่ ชมพู และม่วง ราคาชิ้นละ 156 บาท
กัลยา เสริมส่วนให้ฟังว่า ราคาดังกล่าว แทบจะไม่เหลือกำไรเลย เนื่องจากยังผลิตในจำนวนน้อย ต้นทุนต่อชิ้นจึงสูงมาก อีกทั้งต้องแบ่งกำไรกับทางห้างสรรพสินค้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เวลานี้รายได้ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่นึกถึง แต่อยากให้แบรนด์เป็นที่จดจำ ซึ่งแผนต่อไปจะออกแบบสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดว่าต้องเกี่ยวกับเรื่อง SEX เท่านั้น แต่จะยึดแนวคิดนำประเด็นต่างๆ ทางสังคมมาเป็นประกายความคิดผลิตเป็นสินค้า แล้วนำเสนออย่างสนุกสนาน ด้วยการใช้ซิลิโคนเป็นวัสดุหลัก
อีกทั้ง หากในอนาคตแบรนด์เป็นที่จดจำแล้ว อยากมีหน้าร้านของตัวเอง รวมถึง ส่งสินค้าไปต่างประเทศ และเหนือสิ่งอื่นใด อยากให้สินค้าจากความคิดสร้างสรรค์ของพวกเธอ เป็นตัวเชื่อมระหว่างการออกแบบกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคม
“ที่ผ่านมา คนทั่วไปจะมองเรื่องการออกแบบเป็นเรื่องของคนเฉพาะกลุ่ม หรือคนระดับบน ดังนั้น ความคาดหวังของเรา จึงอยากทำให้งานออกแบบเป็นเรื่องใกล้ตัว สินค้าใช้ได้จริง และใช้ได้ดีในชีวิตประจำวัน ไม่ได้เป็นเรื่องที่สวยอยู่แต่ในแมกกาซีน แต่จับต้องไม่ได้” กัลยา กล่าว
โทร.08-1975-1789
ในความเป็นจริงทั้งคู่มีอาชีพเป็นนักออกแบบอิสระ แต่เหตุที่มาจับธุรกิจผลิตซองซิลิโคนเรืองแสงได้นั้น เนื่องจากปลายปีที่แล้ว(2550) ห้างเซ็นทรัลเวิล์ดจัดกิจกรรม Bangkok Design เชิญนักออกแบบกว่า 30 ท่าน มาแสดงความสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์สินค้าในร้านขายของชำ ซึ่งสาวคู่ซี้ได้รับคัดเลือกร่วมกิจกรรมดังกล่าวเช่นกัน
พลอยจันทร์ และกัลยา เล่าเสริมว่า ในฐานะนักออกแบบเห็นตรงกันว่า ความสำเร็จของคนทำงานออกแบบ คือ สามารถสร้างผลงานให้ถูกใจลูกค้า และกลายเป็นส่วนหนึ่งในสังคม หรือเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างกลมกลืน ดังนั้น เมื่อได้รับโจทย์ให้ออกแบบสินค้าในร้านขายของชำ การเลือกสินค้ามาออกแบบ พยายามคัดชิ้นที่จะเชื่อมโยงกับประเด็นทางสังคมได้ด้วย จนมาสะดุดกับโฆษณา“ยืดอกพกถุง” ซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาพอดี
“แนวคิดของเราไม่ได้สนับสนุนหรือต่อต้านการพกถุงยางอนามัยแบบเปิดเผย แต่มองในมุมว่า ถ้าจะต้องยืดอกพกถุง ควรจะออกแบบให้ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร จึงคิดจะนำเสนอในทางสนุกสนาน ขณะเดียวกันก็ใช้งานได้เหมาะสม เลยสนใจจะทำซองใส่ถุงยางที่มีดีไซน์เฉพาะตัว” กัลยา อธิบาย
วัสดุที่คู่ซี้เลือกมาใช้ผลิต คือ “ซิลิโคน” เนื่องจากมีคุณสมบัติพิเศษเหนียวแน่น เปลี่ยนรูปทรงได้หลากหลาย อีกทั้ง สื่อถึงการเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่ถุงยางได้อย่างดี
พลอยจันทร์ เล่าถึงการออกแบบ พยายามให้ดูเรียบง่าย ใช้งานสะดวก โดยเป็นซองรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหน้ามีวงกลมนูนตรงกลาง จำลองจากซองถุงยางอนามัย ด้านหลังผ่าทแยงมุมไว้เป็นช่องใส่ถุงยางลงไป นอกจากนั้น ไม่ลืมเติมอารมณ์ขัน ด้วยการเลือกเป็นสีเรืองแสงในเวลากลางคืน
“สีเรืองแสง มีความเป็นอมตะในตัวเองอยู่แล้ว และเป็นอารมณ์ขันจากเรื่องที่เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งเคยมาเล่าให้ฟังว่า เวลาต้องการจะใช้งานจริงๆ กลับหาไม่เจอ เพราะห้องปิดไฟมืด ก็เลยเกิดไอเดียสนุกๆ ว่า ต่อไปพกซองเรืองแสง ก็ไม่กลัวปัญหานี้อีก” พลอยจันทร์ เล่าให้ฟังพร้อมเสียงหัวเราะ
แรกทีเดียวสองสาวเพียงแค่ต้องการทำผลงานโชว์เฉพาะในงาน Bangkok Design เท่านั้น แต่หลังเสียงตอบรับที่ได้ทั้งคำชื่นชม และความสนใจของตัวแทนจำหน่ายทั้งไทยและเทศ ทั้งสองตัดสินใจจะทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจังในชื่อแบรนด์ Bucket Lim’ วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน สำหรับเป็นสินค้าซื้อฝากเพื่อความสนุกสนาน
กัลยา เผยว่า ธุรกิจนี้ใช้เงินลงทุนไปกว่า 90,000 บาท แม้แบบจะดูเรียบง่าย ทว่า ในการผลิตกลับไปง่ายอย่างที่คิด เพราะในประเทศไทยมีโรงงานเชี่ยวชาญผลิตงานซิลิโคนไม่กี่แห่ง นอกจากนั้น ทั้งสองเคยแต่ทำหน้าที่ด้านออกแบบ เมื่อต้องมาดูแลการผลิตด้วย จึงเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ต้องเรียนรู้
สำหรับซองใส่ถุงยางเรืองแสง Bucket Lim’ วางจำหน่ายในแผนกกิฟท์ชอปห้างเซ็นทรัลเวิล์ด เมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา และกำลังจะวางในร้าน Loft ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ด้วย มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ เขียวอ่อน เขียวแก่ ชมพู และม่วง ราคาชิ้นละ 156 บาท
กัลยา เสริมส่วนให้ฟังว่า ราคาดังกล่าว แทบจะไม่เหลือกำไรเลย เนื่องจากยังผลิตในจำนวนน้อย ต้นทุนต่อชิ้นจึงสูงมาก อีกทั้งต้องแบ่งกำไรกับทางห้างสรรพสินค้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เวลานี้รายได้ยังไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่นึกถึง แต่อยากให้แบรนด์เป็นที่จดจำ ซึ่งแผนต่อไปจะออกแบบสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดว่าต้องเกี่ยวกับเรื่อง SEX เท่านั้น แต่จะยึดแนวคิดนำประเด็นต่างๆ ทางสังคมมาเป็นประกายความคิดผลิตเป็นสินค้า แล้วนำเสนออย่างสนุกสนาน ด้วยการใช้ซิลิโคนเป็นวัสดุหลัก
อีกทั้ง หากในอนาคตแบรนด์เป็นที่จดจำแล้ว อยากมีหน้าร้านของตัวเอง รวมถึง ส่งสินค้าไปต่างประเทศ และเหนือสิ่งอื่นใด อยากให้สินค้าจากความคิดสร้างสรรค์ของพวกเธอ เป็นตัวเชื่อมระหว่างการออกแบบกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในสังคม
“ที่ผ่านมา คนทั่วไปจะมองเรื่องการออกแบบเป็นเรื่องของคนเฉพาะกลุ่ม หรือคนระดับบน ดังนั้น ความคาดหวังของเรา จึงอยากทำให้งานออกแบบเป็นเรื่องใกล้ตัว สินค้าใช้ได้จริง และใช้ได้ดีในชีวิตประจำวัน ไม่ได้เป็นเรื่องที่สวยอยู่แต่ในแมกกาซีน แต่จับต้องไม่ได้” กัลยา กล่าว
โทร.08-1975-1789
