** นาทีนี้ถ้าฟ้าไม่ถล่มทลายลงมาก่อนเชื่อว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราคงจะได้เห็น “หมัก” นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 อย่างแน่นอน และเท่าที่ดูอาการแล้วไม่ว่าจะเป็น “อีแอบ” ผมสีอะไรก็ตามคงเกินกำลังฉุดรั้งได้แล้ว
** หลายฝ่ายเริ่มฟันธงเหมือนกันว่าสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มนิ่ง ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย หลังจากสามารถเดินเกมยั่วน้ำลายจน “เติ้ง” และคนในพรรคเพื่อแผ่นดิน 2-3 คนเก็บอาการต่อไปอีกไม่ไหวต้องรีบโหนขบวนรถไฟเข้าร่วมรัฐบาลรวดเร็วเกินความคาดหมาย
** มีเสียงกระซิบให้ได้ยินว่า แม้ “พลังแม้ว” จะต้องยอมเสียกระทรวงเกรดเอ เกรดบีไปบ้าง แต่เพื่อรักษาสถานการณ์ใหญ่เอาไว้ ถือว่าเป็นการลงทุนทางการเมืองที่คุ้มเกินคุ้ม
** ส่วนการเดินทางกลับเข้าไทยก่อนเวลาอันควรของ “นายหญิง” มาวันนี้ก็น่าจะมองเห็นชัดแล้วว่าเป็นแค่มา “ปิดเกม” คอนเฟิร์มในสิ่งที่มีการเจรจากรุยทางกันไปก่อนเท่านั้น เมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุปลงตัวเราก็จะเห็นละครการเมืองน้ำเน่าฉากใหญ่เริ่มลงโรงกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะเห็นภาพบรรดานักการเมือง “เขี้ยวลากดิน” นั่งเรียงแถวอ้างเหตุผลเพื่อชาติ-ประชาชานในการร่วมกันฟอร์มรัฐบาลสมานฉันท์
** ดังนั้นคนที่น่าจะแฮปปี้ที่สุดเวลานี้น่าจะเป็น “เฮียเหลี่ยม” ที่ล่าสุดได้ข่าวว่าบินลัดฟ้าจากลอนดอนกลับมานั่งเอกเขนกที่ฮ่องกง เพื่อรอฟังการแถลงของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคในวันพรุ่งนี้(19 ม.ค.) ถือว่าได้คุมเกมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว
** สำหรับบางคนที่แม้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคนหน้าเหลี่ยม แต่อาจยังทำใจไม่ได้หากจะให้ “หมัก” เป็นนายกฯก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถ้ามองอีกมุมก็เหมือนกับ “ขายเหล้าพ่วงเบียร์” หรือ ได้ “หมักพ่วงแม้วมาชักใย” อะไรประมาณนี้แหละ บางทีจะได้เห็นภาพการประชุมครม.ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าก่อนมาประชุมที่ทำเนียบฯทุกวันอังคารก็เป็นได้
** อย่างไรก็ดีคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นย่อมเข้าใจได้ไม่ยากว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ แม้วและเครือข่ายพลิกกับมามีแต้มต่อได้ในวันนี้ คงจะหนีไม่พ้นบรรดา “ขิงแก่” และนายพลในคมช.ทั้งหลายที่สร้างผลงานได้อย่าง “สุดห่วย” จนนำไปสู่ข้อเปรียบเทียบ เป็นแรงส่งอันสำคัญให้พรรคนอมินีกวาดที่นั่ง ส.ส.กันถล่มทลาย
** เมื่อทุกอย่างลงเอยเป็นแบบนี้เราจึงเห็นท่าทีวางเฉย เก็บตัว รอวันเก็บฉากกลับบ้านไปอย่างเงียบๆเท่านั้น ขณะที่บางคนที่ยังพอมีอายุราชการต้องอยู่ต่อ ก็ต้องลู่ตามลมประคองตัว ปากก็อ้างว่าอยู่ในกองทัพไม่อยากยุ่งการเมือง แต่อีกทางหนึ่งต่อสาย “เกี๊ยเซี๊ยะ” กันไปเรียบร้อยแล้ว
** และนาทีนี้แม้หลายคนจะเคยหมั่นใส้ “บังธิ” มาก่อน แต่เมื่อเห็นอาการจ๋องๆต้องคอยหลบหน้าหลบตาผู้คนเดินตัวลีบๆในบั้นปลายก็อดเห็นใจไม่ได้ เฮ้อ !
** หลายฝ่ายเริ่มฟันธงเหมือนกันว่าสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มนิ่ง ทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย หลังจากสามารถเดินเกมยั่วน้ำลายจน “เติ้ง” และคนในพรรคเพื่อแผ่นดิน 2-3 คนเก็บอาการต่อไปอีกไม่ไหวต้องรีบโหนขบวนรถไฟเข้าร่วมรัฐบาลรวดเร็วเกินความคาดหมาย
** มีเสียงกระซิบให้ได้ยินว่า แม้ “พลังแม้ว” จะต้องยอมเสียกระทรวงเกรดเอ เกรดบีไปบ้าง แต่เพื่อรักษาสถานการณ์ใหญ่เอาไว้ ถือว่าเป็นการลงทุนทางการเมืองที่คุ้มเกินคุ้ม
** ส่วนการเดินทางกลับเข้าไทยก่อนเวลาอันควรของ “นายหญิง” มาวันนี้ก็น่าจะมองเห็นชัดแล้วว่าเป็นแค่มา “ปิดเกม” คอนเฟิร์มในสิ่งที่มีการเจรจากรุยทางกันไปก่อนเท่านั้น เมื่อทุกอย่างได้ข้อสรุปลงตัวเราก็จะเห็นละครการเมืองน้ำเน่าฉากใหญ่เริ่มลงโรงกันในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะเห็นภาพบรรดานักการเมือง “เขี้ยวลากดิน” นั่งเรียงแถวอ้างเหตุผลเพื่อชาติ-ประชาชานในการร่วมกันฟอร์มรัฐบาลสมานฉันท์
** ดังนั้นคนที่น่าจะแฮปปี้ที่สุดเวลานี้น่าจะเป็น “เฮียเหลี่ยม” ที่ล่าสุดได้ข่าวว่าบินลัดฟ้าจากลอนดอนกลับมานั่งเอกเขนกที่ฮ่องกง เพื่อรอฟังการแถลงของพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคในวันพรุ่งนี้(19 ม.ค.) ถือว่าได้คุมเกมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว
** สำหรับบางคนที่แม้จะเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคนหน้าเหลี่ยม แต่อาจยังทำใจไม่ได้หากจะให้ “หมัก” เป็นนายกฯก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะถ้ามองอีกมุมก็เหมือนกับ “ขายเหล้าพ่วงเบียร์” หรือ ได้ “หมักพ่วงแม้วมาชักใย” อะไรประมาณนี้แหละ บางทีจะได้เห็นภาพการประชุมครม.ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าก่อนมาประชุมที่ทำเนียบฯทุกวันอังคารก็เป็นได้
** อย่างไรก็ดีคอการเมืองที่ติดตามสถานการณ์มาตั้งแต่ต้นย่อมเข้าใจได้ไม่ยากว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ แม้วและเครือข่ายพลิกกับมามีแต้มต่อได้ในวันนี้ คงจะหนีไม่พ้นบรรดา “ขิงแก่” และนายพลในคมช.ทั้งหลายที่สร้างผลงานได้อย่าง “สุดห่วย” จนนำไปสู่ข้อเปรียบเทียบ เป็นแรงส่งอันสำคัญให้พรรคนอมินีกวาดที่นั่ง ส.ส.กันถล่มทลาย
** เมื่อทุกอย่างลงเอยเป็นแบบนี้เราจึงเห็นท่าทีวางเฉย เก็บตัว รอวันเก็บฉากกลับบ้านไปอย่างเงียบๆเท่านั้น ขณะที่บางคนที่ยังพอมีอายุราชการต้องอยู่ต่อ ก็ต้องลู่ตามลมประคองตัว ปากก็อ้างว่าอยู่ในกองทัพไม่อยากยุ่งการเมือง แต่อีกทางหนึ่งต่อสาย “เกี๊ยเซี๊ยะ” กันไปเรียบร้อยแล้ว
** และนาทีนี้แม้หลายคนจะเคยหมั่นใส้ “บังธิ” มาก่อน แต่เมื่อเห็นอาการจ๋องๆต้องคอยหลบหน้าหลบตาผู้คนเดินตัวลีบๆในบั้นปลายก็อดเห็นใจไม่ได้ เฮ้อ !