“พล.อ.สายหยุด” ประธาน พีเน็ต เตรียมบุกพบ ประธาน กกต. เพื่อดูข้อเท็จจริงใช้เงินตรวจสอบเลือกตั้งไม่ถูกต้อง และไม่เคลียร์เงินอีกเกือบ 8 ล้านบาท ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 43 “สมชัย” ยันส่งมอบ กกต.เรียบร้อยแล้ว ตั้งข้อสังเกตุอาจมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บเอกสารของ กกต.เอง ติงการออกช่าวควรรอบคอบไม่ใช่มุ่งดิสเครดิตคนอื่น
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าพีเน็ต ใช้เงินในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ส.ส. ปี2543 และส.ว. 2549 ไม่ถูกต้องจำนวน 7,892,555.39 ว่า ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินไปดูลายละเอียด หลักฐานการใช้จ่ายแล้ว ซึ่งในวันจันทร์ที่ 7 มกราคมนี้ก็จะทำการตรวจสอบ รวมทั้งจะประสานไปยัง กกต.ว่าในวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม เวลา 09.00 น. พล.อ. สายหยุด เกิดผล ประธานพีเน็ต จะเดินทางไปพบ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อข้อทราบข้อเท็จจริง เพราะหากเป็นปัญหาของฝ่ายพีเน็ตก็จะดำเนินการแก้ไข แต่คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ ของกกต.เอง ในการจัดเก็บเอกสาร เพราะหลักฐานทั้งหมดเราได้ส่งให้กกต. ไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบบัญชี โดยพนักงานบัญชีอนุญาต และส่งให้กกต.ตรวจสอบ มีคนเซ็นรับจากฝ่ายการเงินของ กกต.เอง
นายสมชัย ยืนยันว่าหลักฐานที่พีเน็ตมีนั้นก็ได้มอบให้ กกต.ทั้งหมด และเหตุการณ์ผ่านมาตั้ง 6-7 ปีแล้ว การจัดเก็บเอกสารของกกต.นั้นจัดเก็บอย่างไร ทำหรือเปล่า ซึ่งกกต.ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ด้วย ไม่ใช่มาโทษเราฝ่ายเดียว และถ้าตรวจสอบพบว่าตัวเองผิด คราวนี้จะต้องขอโทษเราต่อสาธารณะชนด้วย ไม่ใช่ทำเหมือนครั้งที่แล้ว ที่มีกกต.ท่านหนึ่งออกมาระบุว่าพีเน็ตขอเงิน 80 ล้านบาท ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 ก็ยังไม่เคลียเลย ทั้งที่มีกกต.อีกท่านหนึ่งก็ออกมายอมรับแทนว่าของมูลนั้นผิดพลาด แล้วทำไมถึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาตรวจสอบกัน ตอนนี้อีกมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามขออย่าให้ไปซ้ำรอยเดิมก็แล้วกัน หรือต้องการดิสเครดิสเรา ที่ไม่ต้องการให้เราเข้าไปร่วมในการทำงานกับ กกต.ด้วย จึงเพิ่มความขัดแย้งนี้เข้ามาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง กกต.บอกว่ามีหลักฐานว่า ทางพีเน็ตใช้เด็กอายุไม่ถึง 18 ปี เข้ามาร่วมทำงานด้วย นอกจากนี้ยังได้มีการนำเงินไปซื้อสุรา เบียร์ ด้วย นายสมชัย กล่าวว่า กกต.ต้องชี้แจงมาเป็นรายการๆ และแยกออกมาว่า เป็นเงินเท่าไหร่ กี่บาท กี่สตางค์ ถ้ามีหลักฐานถูกต้อง ก็ต้องว่ากันไป
อย่างไรก็ตามการไปพบประธาน กกต. ครั้งนี้อยากให้นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เข้ามาร่วมด้วย จะได้สอบถามลายละเอียด นอกจากนี้ตนก็อยากให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย เพราะว่าเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช้อยู่ ๆให้ลูกน้องเจ้าหน้าที่มาแถลงข่าวสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเรื่องสำคัญๆ กกต. ควรที่จะไตร่ตรองก่อนที่ให้เจ้าหน้าที่ออกมาแถลง
ด้านนาง สดศรี สัตยธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้พีเน็ตก็ต้องชี้แจง เพราะที่ตรวจสอบมาแล้ว มีการใช้จ่ายไม่ถูกต้องเป็นล้าน และคดีอายุความก็ใกล้หมดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทางพีเน็ตชดใช้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุว่าพีเน็ต ใช้เงินในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ส.ส. ปี2543 และส.ว. 2549 ไม่ถูกต้องจำนวน 7,892,555.39 ว่า ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินไปดูลายละเอียด หลักฐานการใช้จ่ายแล้ว ซึ่งในวันจันทร์ที่ 7 มกราคมนี้ก็จะทำการตรวจสอบ รวมทั้งจะประสานไปยัง กกต.ว่าในวันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม เวลา 09.00 น. พล.อ. สายหยุด เกิดผล ประธานพีเน็ต จะเดินทางไปพบ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อข้อทราบข้อเท็จจริง เพราะหากเป็นปัญหาของฝ่ายพีเน็ตก็จะดำเนินการแก้ไข แต่คาดว่าน่าจะเป็นปัญหาที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ ของกกต.เอง ในการจัดเก็บเอกสาร เพราะหลักฐานทั้งหมดเราได้ส่งให้กกต. ไปแล้ว พร้อมทั้งได้มีการตรวจสอบบัญชี โดยพนักงานบัญชีอนุญาต และส่งให้กกต.ตรวจสอบ มีคนเซ็นรับจากฝ่ายการเงินของ กกต.เอง
นายสมชัย ยืนยันว่าหลักฐานที่พีเน็ตมีนั้นก็ได้มอบให้ กกต.ทั้งหมด และเหตุการณ์ผ่านมาตั้ง 6-7 ปีแล้ว การจัดเก็บเอกสารของกกต.นั้นจัดเก็บอย่างไร ทำหรือเปล่า ซึ่งกกต.ก็ต้องตรวจสอบข้อมูลตรงนี้ด้วย ไม่ใช่มาโทษเราฝ่ายเดียว และถ้าตรวจสอบพบว่าตัวเองผิด คราวนี้จะต้องขอโทษเราต่อสาธารณะชนด้วย ไม่ใช่ทำเหมือนครั้งที่แล้ว ที่มีกกต.ท่านหนึ่งออกมาระบุว่าพีเน็ตขอเงิน 80 ล้านบาท ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 ก็ยังไม่เคลียเลย ทั้งที่มีกกต.อีกท่านหนึ่งก็ออกมายอมรับแทนว่าของมูลนั้นผิดพลาด แล้วทำไมถึงได้นำเรื่องดังกล่าวมาตรวจสอบกัน ตอนนี้อีกมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามขออย่าให้ไปซ้ำรอยเดิมก็แล้วกัน หรือต้องการดิสเครดิสเรา ที่ไม่ต้องการให้เราเข้าไปร่วมในการทำงานกับ กกต.ด้วย จึงเพิ่มความขัดแย้งนี้เข้ามาอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่าทาง กกต.บอกว่ามีหลักฐานว่า ทางพีเน็ตใช้เด็กอายุไม่ถึง 18 ปี เข้ามาร่วมทำงานด้วย นอกจากนี้ยังได้มีการนำเงินไปซื้อสุรา เบียร์ ด้วย นายสมชัย กล่าวว่า กกต.ต้องชี้แจงมาเป็นรายการๆ และแยกออกมาว่า เป็นเงินเท่าไหร่ กี่บาท กี่สตางค์ ถ้ามีหลักฐานถูกต้อง ก็ต้องว่ากันไป
อย่างไรก็ตามการไปพบประธาน กกต. ครั้งนี้อยากให้นายภุชงค์ นุตราวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เข้ามาร่วมด้วย จะได้สอบถามลายละเอียด นอกจากนี้ตนก็อยากให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย เพราะว่าเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องตรงไปตรงมา ไม่ใช้อยู่ ๆให้ลูกน้องเจ้าหน้าที่มาแถลงข่าวสร้างความเสียหายให้กับคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเรื่องสำคัญๆ กกต. ควรที่จะไตร่ตรองก่อนที่ให้เจ้าหน้าที่ออกมาแถลง
ด้านนาง สดศรี สัตยธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้พีเน็ตก็ต้องชี้แจง เพราะที่ตรวจสอบมาแล้ว มีการใช้จ่ายไม่ถูกต้องเป็นล้าน และคดีอายุความก็ใกล้หมดแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ทางพีเน็ตชดใช้