xs
xsm
sm
md
lg

จับตาสื่อโฆษณามาแรงปีหนู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จับตาดูสื่อโฆษณา 3 รูปแบบใหม่และไม่ใหม่ ตบเท้าขึ้นแท่นชิงดำด้านการเติบโต กับสื่อในโรงหนังที่ครองแชมป์โตมากสุดจากตลาดโฆษณาในปีก่อน เหตุเศรษฐกิจยังเป็นขวากหนามคอยทิ่มแทงอีกระรอกในปีนี้ ส่งผลกลุ่มธุรกิจ ที่พึ่งการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อสร้างรายได้ ต้องเซฟเม็ดเงิน เมินสื่อหลัก มองหาสื่ออื่นที่ใช้งบน้อยกว่าอย่าง บัซซ์ ทีวี อินสโตร์มีเดีย และอินเทอร์เน็ต แทน

ตลอดปีกุนที่เพิ่งผ่านพ้นไป ถือเป็นปีที่ตลาดโฆษณาค่อนข้างแย่ สื่อใหญ่ทั้งโทรทัศน์ และวิทยุ ต่างๆก็มีปัญหารุมเร้ากันเรื่อยมา วงการโทรทัศน์เองก็โดนเพ่งเล็งเรื่องของการจัดเรตติ้งรายการ บวกกับสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ลูกค้าที่เคยใช้บริการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อทีวี จึงลดลง โดยเฉพาะงบประมาณที่นำมาใช้ผ่านสื่อดังกล่าวค่อนข้างน้อย เช่นเดียวกับสื่อวิทยุที่ถูกหางเลข ลูกค้าเรียกใช้น้อยลงเช่นกัน
แต่ในทางกลับกันในปี 2550 ที่เพิ่งผ่านมาได้2-3วันนี้ กลับช่วยให้ตลาดโฆษณามีสื่อใหม่เกิดขึ้นหลายรูปแบบ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่ดึงเอาหัวใจของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่ใช้เงินน้อยมาเป็นตัวเรียกความสนใจจากลูกค้าทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงเป้าอีกด้วย ดังนั้นจึงคาดว่าในปี2551นี้ จะเป็นปีทองสำหรับสื่อใหม่ในตลาดโฆษณาอีกครั้ง โดยเฉพาะสื่อบัซซ์ ทีวี, อินสโตร์ มีเดีย รวมถึงอินเตอร์เน็ต จะมีอัตราการเติบโตที่น่าจับตามอง
** บัสส์ ทีวี - ทีวีบนรถโดยสาร**
สื่อ บัซซ์ ทีวี (Buzz TV) ถือเป็นสื่อใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวในช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา โดยเป็นสื่อใหม่ที่ทาง กสท.โทรคมนาคม และบริษัท สตาร์ฮับลิงค์ จำกัด ได้จับมือกัน ทำขึ้น โดยนำเอาจอโทรทัศน์ ที่มีการวางระบบรับส่งสัญญาณที่ทันสมัย ในการแพร่ภาพคอนเท้นต์ต่างๆ มาอยู่ในรถโดยสารปรับอากาศ ของทาง ขสมก.ทั้งหมดประมาณ 40 คัน ใน 5 สาย คือ ปอ29, ปอ84, ปอ504, ปอ542, ปอ 547 โดยในแต่ละวันรถโดยสารจะมีการออกอากาศทั้งหมด 14 รอบ รอบละ 65 นาที และในแต่ละรอบจะเป็นเวลาของโฆษณาประมาณ 23 นาทีซึ่งตลอดช่วงทดลองคือตลอดเดือนตุลาคม 2550 ทั้งเดือน ได้รับความสนใจจากผู้โดยสารเป็นอย่างดี
ดร.วิษณุ ตัณฑวิฬห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคท บัซซ์ ทีวี จำกัด และกรรมการบริษัท สตาร์ฮับลิงค์ จำกัด เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่า หลังจากที่ให้ลูกค้าทดลองลงโฆษณาฟรีผ่านสื่อ บัซซ์ ทีวี ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา ล่าสุดมีจำนวนสินค้ากว่า 20 รายการที่ให้ความสนใจทดลองใช้ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ คือ คอนซูเมอร์ โปรดักส์, โทรศัพท์มือถือและเครือข่ายที่ให้บริการ, สถาบันการเงิน และอื่นๆ
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นไป บัซซ์ ทีวี จะเริ่มขายโฆษณาอย่างเป็นทางการ โดยให้ทางบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลในส่วนนี้ เบื้องต้นคาดว่ากว่า 50% ของจำนวนสินค้าที่ทดลองใช้บริการ จะซื้อโฆษณาผ่านบัซซ์ ทีวี ซึ่งทางบริษัทฯมั่นใจว่าต่อเดือนจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 9-10 ล้านบาท จากจำนวนรถโดยสารปรับอากาศเพียง 40 คันในขณะนี้ ซึ่งสิ้นปีนี้จะทำการติดตั้งให้ถึง 400 คัน จากจำนวน 2,000 คันที่ตั้งเป้าติดตั้งให้ครบในระยะ 2-3 ปีนับจากนี้
ดร.วิษณุ กล่าวต่อว่า แนวโน้มการเติบโตของสื่อบัซซ์ ทีวี ในระยะอันใกล้นี้ คาดว่าจะเป็นสื่อที่เหล่าสินค้าและบริการต่างๆจะหันมาใช้บริการมากขึ้น โดยเฉพาะหากสื่อทีวีจะเข้าสู่ยุคเสรีด้วยแล้ว ยิ่งจะทำให้โฆษณามีคุณค่าน้อยลง เพราะผู้ชมสามารถเปลี่ยนไปดูช่องอื่นๆได้อีกมากมาย ขณะที่ผู้โดยสารที่ดูสื่อบัซซ์ ทีวี จะไม่สามารถเปลี่ยนช่องได้ คล้ายเป็นการบังคับให้ดู จึงทำให้โฆษณาที่ลงในบัซซ์ ทีวี จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ดีกว่า
นอกจากนี้เมื่อเทียบราคาลงโฆษณาผ่านสื่อบัซซ์ ทีวี ซึ่งปัจจุบัน อยู่ที่ 400 บาท ต่อ 1 นาที ในจำนวนรถโดยสารปรับอากาศกว่า 40 คัน ถือว่าถูกมาก เมื่อเทียบกับสื่อโทรทัศน์ที่ปัจจุบัน มีอัตราค่าโฆษณาอยู่ที่ 2-3 แสนบาท ในระยะเวลาเพียง 30 วินาที

**อินสโตร์ มีเดีย สื่อใหม่ ผู้เล่นสูง**
นอกจากสื่อบัซซ์ทีวี ที่คาดว่าจะมาแรงในปีนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งสื่อที่น่าสนใจ คือ สื่อ อินสโตร์ ที่มาพร้อมกับการนำเสนอผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย หรือ มีความเป็นมีเดียมากยิ่งขึ้น ที่คาดว่าจะมาแรงเช่นกัน โดยในปีที่ผ่านมา อย่างที่กล่าวไปเบื้องต้นว่า เศรษฐกิจของปี 2550 ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ส่งผลให้เจ้าของสินค้า หรือธุรกิจในด้านต่างๆ ต้องมีการปรับลดงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ลง และพร้อมเปิดใจให้กับสื่อใหม่ๆ หรือเครื่องมือและกลวิธีใหม่ๆ ในการที่จะชวนเชื่อ สร้างกระแสให้สินค้าของตน ดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าให้ได้
โดยสื่ออิน สโตร์ หรือ สื่อโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้า ถือเป็นอีกสื่อหนึ่ง ที่มาแรงอย่างมาก ทั้งในแง่ของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ กล่าวคือ ด้านผู้ให้บริการ จะเห็นว่าปีก่อนมีผู้สนใจลงแข่งในตลาดนี้หลายราย เช่น อาร์เอส ที่พยายามวางตัวเองเป็นบริษัทด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นต์แบบครบวงจร จากเดิมที่มุ่งเน้นธุรกิจเพลงเพียงอย่างเดียว ก็ได้กระโดดร่วมวงด้วยคน ซึ่งการที่อาร์เอสเข้ามาจับธุรกิจนี้ จะส่งผลดีทั้งในเรื่องของรายได้จากธุรกิจใหม่นี้ และเป็นการต่อยอดให้กับธุรกิจที่มีอยู่ในมือ โดยเฉพาะธุรกิจเพลง ให้สามารถมีช่องทางเผยแพร่สู่คนฟังได้มากขึ้น จากเดิมที่ต้องตามง้อสื่อโทรทัศน์ และวิทยุมาตลอด ก็ต้องมาลุ้นกันว่าปีนี้ อาร์เอสจะคว้าแชร์ในสื่อนี้นี้ได้กี่มากน้อย ขณะที่เจ้าตลาดในสื่อนี้ ก็คงเตรียมปล่อยหมัดเด็ด ให้ได้เห็นถึงความเจนสังเวียนในสื่ออินสโตร์อย่างแน่นอน
โดยเจ้าตลาดอย่าง “แอปโซลูท อิมแพค” ซึ่งถือเป็นผู้นำในสื่ออินสโตร์มีเดีย ซึ่งขณะนี้เป็นบริษัทหนึ่งในเครือ อาดามัส กรุ๊ป ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสื่อโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้า หรือ อิน สโตร์ มีเดีย ให้กับกลุ่มเดอะมอลล์ เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้บ้างแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีความมั่นใจว่าลูกค้าที่มีอยู่ในมืออย่างกลุ่มเดอะมอลล์ ก็สามารถโกยรายได้ไปกว่าครึ่งของตลาดสื่ออินสโตร์ก็ว่าได้ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ ทางแอปโซลูท อิมแพค ซึ่งต้องเปลี่ยนหมากเดินในการแข่งขันครั้งนี้ใหม่ เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาด พร้อมยึดตำแหน่งผู้นำไว้ให้ได้อีกปี หลังจากที่เคยสร้างชื่อว่าเป็นสื่ออินสโตร์ มีเดีย ที่ทันสมัยที่สุดในเอเชีย เมื่อ 2 ปีก่อน กับจอภาพแบบ สามมิติ ตั้งแต่สยามพารากอนเปิดให้บริการ แอปโซลูท อิมแพค ซึ่งถือเป็นการเริ่มงานครั้งแรกของแอปโซลูทอีกด้วย
ล่าสุดทางแอปโซลูท อิมแพค ได้มีการปรับแผนกลยุทธ์รับศึกใหม่สำหรับปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีในการนำเสนอใหม่ๆบนหน้าจอภาพที่มีอยู่ในสยามพารากอนทั้งหมด พร้อมทั้งโปรยคำหวาน เพื่อเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่ ในการที่จะผลักดันรายได้ในปีนี้สู่ 270 ล้านบาท โตอีก 93.3% จาก 139.7 ล้านบาท ในปีก่อน พร้อมยังคงยึดเก้าอี้ผู้นำในตลาดสื่ออินสโตร์ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 30%
นายปริน ชนันทรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด ได้กล่าวว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีในปีก่อน ที่คาดว่าจะส่งผลต่อมาจนถึงปีนี้ คาดว่าจะทำให้การใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ มีแนวโน้มไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปด้วย ดังนั้นจึงมองว่าสื่ออินสโตร์ มีเดีย จะเป็นสื่อทางเลือก ที่ลูกค้าจะให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น หรือทำให้สื่ออินสโตร์ มีการเติบโตไม่ต่ำจากปี 2550 ที่เคยมีการเติบโตสูงถึง 89.84% คิดเป็นมูลค่ากว่า 521.54 ล้านบาท ในระยะเวลาเกือบ 1ปีเต็ม
ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้เตรียมขยายธุรกิจด้านมีเดีย เน็ตเวิร์ค อีก 1 สื่อ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในโครงการ "ยูเน็ตเวิร์ค ทีวี" กับการใช้โครงข่ายใยแก้วนำแสงความเร็วสูง แพร่ภาพเชื่อมต่อไปยังมหาวิทยาลัย 20 แห่งที่ร่วมโครงการ ซึ่งทางบริษัทฯเป็นผู้ลงทุนด้านเทคโนโลยีและอุปกรณ์ทั้งหมด โดยเฟสแรกจะเริ่มที่ 10 มหาวิทยาลัยก่อนในเดือน พ.ค. 2551 นี้ และจะให้ครบอีก 10 แห่งที่เหลือในเฟสที่2 ต่อไป
นอกจากนี้ ทางแอปโซลูท อิมแพค จะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ร่วมด้วย สื่ออินสโตร์ มีเดีย อย่าง จอภาพ 3 มิติ และ End Cap TV อีกด้วย เช่น การส่งข้อความเอสเอ็มเอส ตามกระแสที่คาดว่าสื่ออินสโตร์ มีเดีย จะมีความเป็นอินเตอร์เรคทีฟมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทฯมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกราย คือ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งมีการเซ็นสัญญาว่าจ้างให้แอบโซลูท อิมแพค เข้ามาดูแลเกี่ยวกับด้านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ให้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 ที่ผ่านมา เบื้องต้นบริษัทฯได้วางงบลงทุนประมาณ 43 ล้านบาท เพื่อติดตั้งจอ End Cap TV (จอภาพที่หัวเชลล์ของชั้นวางสินค้า) ให้กับบิ๊กซีจนครบทุกสาขาทั่วประเทศภายในปีนี้ โดยภายในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ มั่นใจว่าจะสามารถติดตั้งได้ครอบคลุมทุกสาขาทั่วกรุงเทพฯทั้งหมด
**อินเทอร์เน็ต ไม่ใหม่แต่มาแรง**
ตบท้ายด้วยสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสื่อที่เข้ามาทำความรู้จัก สร้างความคุ้นเคยกับคนไทยมาหลายปีแล้ว แต่ในแง่ของการนำสื่ออินเตอร์เน็ตมาเป็นเครื่องมือในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้กับสินค้าและบริการต่างๆ เพิ่งจะมาบูมในช่วง1-2 ที่ผ่านมานี้เอง โดยปีนี้อินเทอร์เน็ต จะเป็นอีกสื่อที่ทางภาครัฐและเอกชนจะให้ความสนใจ และนำมาใช้สร้างการรับรู้สู่กลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านบันเทิง กับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ อย่าง อาร์เอส หลังจากในปีที่ผ่านมา ที่ได้พยายามถักใยแมงมุง ผุดธุรกิจใหม่ๆมากมาย โดยต้องการต่อยอดธุรกิจที่มีอยู่เดิม สู่การสร้างรายได้ในธุรกิจใหม่ๆเพิ่มขึ้น ซึ่งอินเตอร์เน็ต ถือเป็นอีกนิวบิซิเนสหนึ่งที่ทาง อาร์เอส ให้ความสำคัญ เพราะเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก พร้อมทั้งยังเป็นช่องทางเพิ่มรายได้ของธุรกิจเพลง ที่จะมาจากการดาวน์แทนรายได้จากยอดขายซีดีด้วย โดยปัจจุบันได้ เปิดให้บริการ 3 เว็บไซด์ คือ www.plang.com,www.zheza.com และwww.youdumv.com
ส่วนวงการสื่อโทรทัศน์ อย่าง เจเอสแอล ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์รายใหญ่ ที่มองเห็นบ่อทอง จากสื่ออินเตอร์เน็ตอีกราย หลังจากมุ่งผลิตรายการโทรทัศน์มาโดยตลอด ปีนี้ทางเจเอสแอล ก็ได้เปิดบริษัทขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลธุรกิจด้านนิว มีเดียอย่างอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะ ซึ่งภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดตัวเว็บไซด์ใหม่นี้ อย่างเป็นทางการ โดยเบื้องต้นของรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซด์ดังกล่าว จะมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นกลุ่มวัยรุ่น ที่มีไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิต ขณะที่รูปแบบของเว็บไซด์ จะมีความหลากหลายทั้งในเรื่องของคอนเท้นต์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางเจเอสแอล จะหยิบเอาธุรกิจที่มีอยู่ในมือ มาต่อยอดรายได้ผ่านเว็บไซด์ดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันทางฟากของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมืองไทย ก็ได้ให้ความสำคัญกับสื่ออินเตอร์เน็ต เพื่อเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์สินค้า รวมถึงภาพลักษณ์ขององค์กรมากขึ้นเช่นกัน โดยมองเห็นว่าสื่ออินเทอร์เน็ตจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสร้างรายได้ให้บริษัทได้ เช่น การสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซด์ ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นในปีที่ผ่านมาจึงมีเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายแบรนด์ ที่ได้มีการวางงบประมาณเพื่อใช้ในการพัฒนาสื่อดังกล่าวเป็นกิจลักษณะมากยิ่งขึ้น
อาทิ เช่น บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายอลงกรณ์ ชูจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ได้กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน” ไว้ว่า ปีที่ผ่านมาแอลจีได้จัดงบประมาณขึ้นมาสำหรับพัฒนาเว็บไซต์ของบริษัทฯอีก 5 ล้านบาท เพื่อรีวิวเว็บไซต์สู่รูปโฉมใหม่ ซึ่งทางบริษัทฯจะนำเว็บไซด์ดังกล่าว มาเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่จะสร้างรายได้ให้แอลจี โดยเชื่อว่าในอีก 2-3 ปีหลังจากนี้ บริษัทฯจะมีรายได้ที่มาจากเว็บไซต์ประมาณ 10% เมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมด
สัจธรรมในยุคข้าวของแพงแบบนี้ ของใครดีและถูก ต่างก็เป็นที่ต้องการของลูกค้าทั้งนั้น ทั้ง 3 สื่อที่กล่าวมาก็เช่นกัน ซึ่งเป็นเพียงตัวอย่างสื่อที่รู้จักกันดีเท่านั้น ถือเป็นเครื่องมือสำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ถูกใจลูกค้าทั้งหลายแน่นอนในพ.ศ.นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น