xs
xsm
sm
md
lg

คมช.อุ้ม คตส.หากถูกยุบเร่งสปีดคดี ‘ตัดหน้าพปช.’

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สนธิ-บุญรอด” ถก คมช.ถึงสถานการณ์การเมืองหลังการเลือกตั้ง ยันทหารไม่ยุ่งเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาล พร้อมปกป้อง คตส. หากถูกรัฐบาลใหม่ที่มี พปช.เป็นแกนนำรังแก่หรือสั่งยุบ ด้าน คตส.เร่งเครื่องเช็คบิล “ทักษิณ” ตัดหน้า พปช. พร้อมดักคอหากยุบ คตส.ต้องส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.สานงานต่อไม่ใช่ให้นับหนึ่งใหม่ ขณะเดียวกันเตรียมแจ้งข้อหา “แม้ว” อีกคดีฐาน ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ธุรกิจตัวเองและพวกพ้อง 4 ม.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น.วานนี้ (25 ธ.ค.) พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม ได้ร่วมประทานอาหารเช้า และหารือกับ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ประกอบด้วย พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ. ในฐานะ รักษาการประธาน คมช. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุด ในฐานะ สมาชิก คมช. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. ในฐานะสมาชิก คมช. พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหมและ เลขาธิการ คมช. พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผช.เลขาธิการ คมช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะ ผช.เลขาธิการ คมช. ขาดเพียง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช ผบ.ตร.ในฐานะ สมาชิก คมช. ที่ติดภารกิจ

จากนั้นเวลา 08.30 น. พล.อ.สนธิ พร้อมด้วย พล.อ.บุญรอด ได้กลับไปประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ คมช. ยังได้มีการประชุมกันต่อ โดยหารือกันถึงผลการเลือกตั้งและสถานการณ์การเมือง

แหล่งข่าวกล่าวว่า พล.อ.สนธิ และ พล.อ.บุญรอด ได้ให้คำแนะนำ คมช.ว่าปัญหาการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ทหารไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว คมช.ยังได้ชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้การเลือกตั้งสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีโดยไม่เกิดเหตุวุ่นวาย และต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะใช้เวลา 30 วัน ในการทำให้กระบวนการเลือกตั้งทั้งหมดโปร่งใส เป็นธรรม และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ทั้งนี้ คมช. เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ ที่จะจัดตั้งขึ้นมาจะเข้ามาบริหารประเทศเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง

“คมช. ยังให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรต่างๆ โดยเฉพาะ คตส. ที่สมาชิกได้แสดงความเป็นห่วง และอยากให้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ในการดูแล และปกป้องคนที่ทำงาน ที่ผ่านมา คตส.ได้ดำเนินการอยู่บนพื้นฐานที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ถ้าหากจะทำอะไร ก็ให้มาทำที่ คมช.ในฐานะที่ ตั้ง คตส.มาทำงาน ก็จะต้องรับผิดชอบกับผลกระทบที่จะมีต่อเขาด้วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (26 ธ.ค.นี้ ) จะมีงานราตรีรั้วแดงกำแพงเหลือง ที่สนามหญ้าหน้ากองบัญชาการกองทัพบก มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน พร้อมด้วย พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ. บุญรอด สมทัศน์ รมว.กลาโหม รวมทั้ง นายทหารที่จบการศึกษาจาก โรงเรียนนายร้อยทุกรุ่น ทั้งในอดีต และปัจจุบัน ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในปีนี้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้แจ้งว่าจะไม่มาร่วมงาน

“บุญสร้าง”ยัน คมช.ไม่ยุ่งตั้งรัฐบาล

พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ กล่าวว่า ที่ประชุม คมช. มีการหารือถึง ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งเห็นพ้องกันว่ามีความเรียบร้อยดี ไม่มีเหตุร้ายอะไร ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มช. หวังว่าทุกคนจะช่วยกันสร้างประเทศให้มีคุณธรรมและสามัคคี ซึ่งแล้วแต่นักการเมืองจะว่ากันไปปล่อยให้แต่ละพรรคฟอร์มรัฐบาลกัน คมช.ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวและพร้อมยอมรับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คมช.เป็นห่วงการเช็คบิลหรือไม่ หากพลังประชาชนเป็นรัฐบาล พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความยุติธรรม เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีใครไปว่าอะไร คมช.ไม่กังวล หากทุกฝ่ายทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล คมช.ก็ไม่เป็นห่วงปล่อยให้ฝ่ายการเมืองดำเนินการไป สำหรับเหตุการณ์บ้านเมืองทั่วไปก็สงบเรียบร้อยดี

ส่วนเหตุการณ์การเมืองจะกลับมารุนแรงหลังช่วงปีใหม่หรือไม่นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า หวังว่าจะไม่มี ซึ่งกลไกการเมืองมีอยู่แล้ว ทุกฝ่ายที่มาบริหาร ต้องดูแลบ้านเมือง เมื่อถามว่า คมช.จะไม่ใช้กำลังทหารออกมาแก้วิกฤติ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มี ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องการเมือง เมื่อถามว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่มีปัญหา สามารถเดินทางกลับประเทศได้อยู่แล้ว เพราะเป็นคนไทย คมช. ไม่มีสิทธิห้ามปราม สามารถกลับได้

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คมช.รู้สึกดีใจที่เห็นการเลือกตั้งเป็นไปด้วยดีและมีความสงบเรียบร้อย ถือว่ามีความสำเร็จมาอีกขั้นหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าการเมือง คงไม่มีอะไรที่จะรุนแรง ทั้งนี้ เรื่องการเมืองต้องว่ากันไปตามการเมือง โดย คมช.จะหมดภาระหน้าที่ตามอายุของรัฐบาล

คตส.เร่งเครื่องทำคดีให้เสร็จ

ส่วนความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) วานนี้ มีการประชุมประจำสัปดาห์ โดยมี นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เป็นประธานการประชุม

นายแก้วสรร อธิโพธิ เลขานุการ คตส. แถลงว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา ความคืบหน้าของมูลคดีรวม 23 คดี และความคืบหน้าของคดีต่อไปในอีก 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดอายุ คตส. ในเดือนมิ.ย. 2551 รวมระยะเวลาปฏิบัติงานของ คตส. 21 เดือน

โดยขณะนี้มีคดีที่พ้นจาก คตส.และอยู่ในการพิจารณาของศาลและกรมสรรพากรจ ำนวน 6 คดี คือ คดีเลี่ยงภาษีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คดีกล่าวหานายบรรณพจน์ และนางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ร่วมกันเลี่ยงภาษี คดีเรียกเก็บภาษีจาก นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอยู่ระหว่างการ อุทรณ์การประเมินภาษี คดีเรียกภาษีจาก บริษัท แอมเพิลริช ที่โอนหุ้นให้ นายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร คดีที่ดินรัชดา ที่เอาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน และคดีหวยบนดิน ที่ชี้มูลควาผิด พ.ต.ท.ทักษิณ และ อดีตครม.

นายแก้วสรร กล่าวว่า ระยะเวลาที่เหลือนับจากนี้ซึ่งมีเรื่องที่อยู่ในชั้นการตรวจสอบจำนวน 4 เรื่อง คือคดีเซ็นทรัลแล็บ และคดีบ้านเอื้ออาทรอีก 3 คดี โดยจะเร่งให้ไปถึงชั้นไต่สวนภายในเดือนม.ค. 2551 และภายในสิ้นเดือน มิ.ย. 2551 ต้องวินิจฉัยให้ลุล่วงเสร็จทุกเรื่องสามารถส่งให้อัยการสูงสุดส่งฟ้องต่อศาล ต่อไป หากเรื่องในชั้นไต่สวนถูกผู้กล่าวหาประวิงเวลา แต่ถ้าไม่มีผู้ถูกกล่าวหามาก และคดีไม่ซับซ้อนอนุกรรมการก็จะเร่งทำงานหนัก และจะเร่งให้เสร็จภายใน 3 เดือน

ถ้ายุบ คตส.ต้องให้ ป.ป.ช.สางคดีต่อ

“ที่ประชุมคตส.ได้ปรึกษากันว่าการที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนประกาศหากได้เป็นรัฐบาลจะตรากฎหมายยุบ คตส. และให้โอนเรื่องไปที่ ป.ป.ช. โดยเห็นตรงกันว่า ถ้าตรากฎหมายจริง ทุกเรื่องที่ส่งไปยังป.ป.ช. จะต้องยึดตามสำนวนของคตส.เป็นหลัก โดยต้องดำเนินการไต่สวนต่อไป หรืออยู่ในระหว่างส่งอัยการและอัยการไม่เห็นด้วย ป.ป.ช.ต้องฟ้องเอง หรือหากอยู่ในชั้นศาล ป.ป.ช.ก็ต้องรับสำนวนไปต่อสู้คดีเอง แต่ถ้าจะมีการเขียนในกฎหมายให้ป.ป.ช. เริ่มพิจารณาคดีใหม่ทังหมด เพราะมีอำนาจแล้ว ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะการทำงานของ คตส.ที่ผ่านมายึดกฎหมายเดียวกับ ป.ป.ช. จึงไม่จำเป็น ต้องเริ่มสอบใหม่”

นายแก้วสรร กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมได้มีการประเมินด้วยว่าหากมีการ ตรากฎหมายยุบคตส. คาดว่าจะตราได้เร็วที่สุดในเดือน ก.พ. 2551 ถือเป็นช่วงที่ทุกเรื่องจะอยู่ในชั้นไต่สวนเป็นอย่างน้อย และเมื่อโอนเรื่องให้ป.ป.ช.แล้ว เรื่องใดจะล่าช้าก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของป.ป.ช. และหากการประมาณการนี้เป็นจริง คดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของ คตส. เช่นคดี CTX 9000 กล้ายาง บ้านเอื้ออาทรร่มเกล้า-บางพลี ธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้พม่า คดีท่อร้อยสาย น่าจะยุติสั่งสำนวนได้ในเดือน ม.ค. 2551 ป.ป.ช.จึงไม่ต้องรับสำนวนเรื่องเหล่านี้ แต่หากกฎหมายยุบคตส. ทอดไปถึงสิ้นเดือนมี.ค. เรื่องทั้งหมดก็จะยุติได้

เตรียมแจ้งข้อหา“แม้ว”เพิ่ม 4 ม.ค.นี้

นายแก้วสรร กล่าวว่า นอกจาก 23 คดีแล้ว จากการตรวจสอบของคตส.ยังพบมูลความผิดเพิ่มเติมในเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ซึ่งมีการไต่สวนเพิ่มอีก 3 เรื่องคือ คดีแพ่งและอาญาผู้บริหาร ทศท. แก้ไขสัญญาลดค่าสัมปทานให้เอไอเอส ทำให้รัฐเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท คดีแพ่งอาญา ผู้บริหารทศท.แก้ไขสัมปทานให้ เอไอเอส.หักค่าใช้โครงข่ายร่วมโดยไม่ชอบ ทำรัฐเสียหาย 2.3 หมื่นล้านบาท และคดีแพ่งและอาญารัฐมนตรี ไอซีที. ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม อนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานดาวเทียมเอื้อประโยชน์ให้ บริษัท ชินแซทเทิลไลท์โดยมิชอบ ซึ่งคตส.กำลังไต่สวนอยู่ แต่ถ้าไม่เสร็จก็จะโอนให้ป.ป.ช. ดำเนินการต่อ

นายแก้วสรร กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคตส.ได้รับทราบถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินเอื้อประโยชน์ธุรกิจของตนเองและพวกพ้อง ในคดีคงถือไว้ซึ่งหุ้นธุรกิจสัมปทานและใช้อำนาจโดยทุจริต แปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต กับคดียึดทรัพย์ฐานได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ จำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท โดยอนุกรรมการได้สรุปข้อกล่าวหาและแจ้งให้พ.ต.ท.ทักษิณ มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 4 ม.ค. 2551

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้วการเมืองคดีที่ออกจากมือ คตส. ไปแล้วไปหลุดที่ชั้นอัยการหรือชั้นศาล คตส.จะเสียดายเวลาที่ทำมา 21 เดือนหรือไม่ นายแก้วสรรกล่าวว่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแล้ว หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องของอัยการและศาลดำเนินการต่อ ที่ผ่านมาไม่เห็นตำรวจ อัยการต้องเสียดายเวลาเลย ถ้าเสียดายนั่นแปลว่าเราไม่ได้ทำเต็มที่ และถ้าไม่ทำเต็มที่แม้ชนะคดีก็ถือเป็นเรื่อง น่าอาย อย่างไรก็ตามการที่คตส.เร่งสปีดคดีที่อยู่ในการพิจารณาไม่เกี่ยวกับเหตุผลทางการเมืองหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือเตรียมรับมือกับพรรคพลังประชาชนแต่อย่างใด แต่เป็นไปตามเหตุผลที่หลายฝ่ายต้องการให้คตส. เร่งดำเนินการเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง

ด้านนายสัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. กล่าวถึงแนวโน้มที่พรรคพลังประชาชนจะออกกฎหมายยุบ คตส.และให้การกระทำของคตส.เป็นโมฆะว่า ต้องกลับไปดูกฎหมาย รัฐธรรมนูญมาตรา 319 ที่ระบุว่าการกระทำใดที่เกิดก่อนหรือหลังที่เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ หากมีเหตุที่ต้องยกเลิกหรือเป็นโมฆะให้ถือว่า กฎหมายนั้นขัดรัฐธรรมนูญ

“ธีรภัทร์”เชื่อยุบ คตส.วุ่นแน่

นาย ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาลได้และนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็อาจจะก่อให้เกิดชนวนความขัดแย้งได้ ไม่ว่า เป็นเรื่อง 111 คน หรือยุบ คตส.เชื่อว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง ความจริง ไม่อยากทำอย่างนั้นก็ได้ เพราะคตส.กฎหมายระบุชัดว่าจะสิ้นสภาพในเดือนมิ.ย.นี้ ส่วนการนิรโทษ111 คน นั้นเป็นการเห็นต่างกันในทางกฎหมาย และในหมู่ประชาชนด้วยกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดความขัดแย้งแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรฝ่ายที่ถูกขับไล่กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะต้องผ่านกระบวรยุติธรรม เพราะขณะนี้มีหมายจับรออยู่ และไม่มีการห้ามให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลับมา มาเมื่อไรก็ได้ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นเรื่องการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงชะตากรรมตนเองและรัฐบาลหรือไม่ ในเรื่องการเช็คบิล นาย ธีรภัทร์ หัวเราะก่อนตอบว่า ขนาดสมัยรัฐบาลที่แล้วตนยังไม่กลัวเลย ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่าถ้าเราปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมาบนความถูกต้องชอบธรรม ก็ไม่ต้องกลัวอะไร คนที่ไม่กระทำดังกล่าวน่าจะเป็นฝ่ายกลัวมากกว่า เมื่อถามว่าดูจากท่าทีของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นจะทำอย่างไร นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ตรงนี้ต้องไปถามทางโน้น ถามตนคงไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น