ปี 2550 โศกนาฏกรรม ที่ช็อกคนทั่วประเทศ รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่พิสมัยการพักผ่อนท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต และจังหวัดในฝั่งอันดามัน หนีไม่พ้น อุบัติเหตุเครื่องบินสายการบินวันทูโก ลื่นไถลออกนอกรันเวย์สนามบินนานาชาติ จังหวัดภูเก็ต และเกิดระเบิดลุกไหม้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต มากถึง 90 คน
แม้เหตุการณ์ในคราวนั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของไทย อย่างที่มีการคาดการณ์ในช่วงแรกมากนัก แต่ก็ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินราคาถูกโลว์คอสต์ ได้รับกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..... จากความไม่เชื่อมั่นของผู้โดยสารในระยะแร ก
ย้อนไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะที่จ.ภูเก็ต ไม่มีใครคาดคิดว่า จะเกิดเหตุร้ายแรงกับสายการบินวันทูโก ที่ขนผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 130 คน ที่บินจากกรุงเทพฯสู่จ.ภูเก็ต จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 90 คน เนื่องจากเป็นช่วงฝนตกหนักตามฤดูกาล
บ่ายวันที่ 16 กันยายน 2550 เป็นวันเวลา ที่คนภูเก็ตต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน หลังจากเมื่อปลายปี 2547 ได้เผชิญวิกฤตคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มเสียหายยับเยินมาแล้ว จากเหตุเครื่องบินของสายการบินวันทูโก เที่ยวบินที่ OG 269 ที่ทะยานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ในเวลา 14.30 น. พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 130 คน มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ในสภาพที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทัศนวิสัยการมองเห็นค่อนข้างแย่
เวลาประมาณ 16.00 น. เครื่องบินวันทูโกถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต ทันที่ที่ล้อเครื่องบินแตะพื้นก็เสียการทรงตัว ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ไปชนกับกำแพงดิน พร้อมเกิดระเบิดตามมา 2 ครั้ง ทำให้เครื่องบินหักเป็น 2 ท่อน และมีไฟลุกไหม้ ขณะที่มีผู้โดยสารและลูกเรือยู่ในเครื่องบิน 130 คน ยังไม่รู้ชะตากรรม
หลังเกิดเหตุการณ์หน่วยรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานภูเก็ตระดมกำลังทั้งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ รถพยาบาลจากทุกหน่วยในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงทำการระดมดับเพลิงเครื่องบินขณะที่มีผู้โดยสารและลูกเรืออยู่ในเครื่องบิน พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตทยอยส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกู้ศพผู้เสียชีวิตออกจากซากเครื่องบิน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเกือบตลอดเวลา พร้อมกับนำศพผู้เสียชีวิตที่กู้ออกมาทยอยไปเก็บไว้ที่อาคารเอนกประสงค์ของท่าอากาศยานภูเก็ต เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พยายามกู้ศพผู้เสียชีวิตออกจากซากเครื่องบินตลอดทั้งคืนของวันที่ 16 กันยายน แต่ก็ไม่สามารถที่จะกู้ศพผู้เสียชีวิตออกได้ทั้งหมดในคืนนั้น เนื่องจากฝนตกลงมาตลอดทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาศพผู้เสียชีวิตและซากเครื่องบินที่เกิดการระเบิดและหักเป็น 2 ท่อนก็เป็นอุปสรรคในการกู้ศพผู้เสียชีวิตด้วย
ขณะที่ยังไม่สามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตออกมาทั้งหมด ก็ไม่สามารถที่จะกู้ซากเครื่องบินให้พ้นจากรันเวย์ของสนามบินภูเก็ตได้ ทำให้ต้องสั่งปิดสนามบินภูเก็ตเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถเคลียร์ซากเครื่องบินออกได้ ผู้โดยสารทั้งหมดที่จะเดินทางออกจากสนามบินภูเก็ตช่วงเวลาตั้งแต่ 16.30 น. จะต้องเลื่อนการเดินทางออกไปอีก 1-2 วัน และจะต้องเดินทางไปใช้บริการที่สนามบินกระบี่หรือสุราษฎร์ธานีในวันรุ่งขึ้น
ความพยายามของเจ้าหน้าที่กู้ภัยประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตศพสุดท้ายออกจากซากเครื่องบินได้ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 17 กันยายน 2550 เป็นศพชาวต่างชาติสัญชาติอิสราเอล ติดอยู่ตรงบริเวณหัวเครื่องบินได้สำเร็จ
ทำให้สรุปยอดผู้เสียชีวิตทันที 89 ศพ และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัว กระจายไปตามโรงพยาบาล 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 2 คน โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต 29 คน และโรงพยาบาลสิริโรจน์ 10 คน โดยผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ต้องอยู่ในห้องไอซียู 6 คนจากที่ถูกไฟคลอกอย่างหนัก หลังจากเหตุการณ์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษหนึ่งในผู้ที่บาดเจ็บสาหัสได้เสียชีวิตลง หลังจากทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่กรุงเทพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนั้น เพิ่มเป็น 90 คน แบ่งเป็นคนไทย 32 และต่างชาติ 58 คน
หลังกู้ศพผู้เสียชีวิตออกมาได้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดรันเวย์ เพื่อเปิดใช้สนามบินภูเก็ตให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากการเปิดใช้สนามบินภูเก็ตล่าช้าออกไป อาจสร้างความเสียหายให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตมากขึ้นเท่านั้น และเพื่อที่ต้อนรับเป็นเที่ยวบินที่นำคณะของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีที่เดินทางมาถึงในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 17 กันยายน เพื่อรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ และที่สำคัญเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่สายการบินต่างๆ ในการใช้บริการสนามบินภูเก็ตต่อไป
ภายหลังจากที่เปิดใช้สนามบินภูเก็ต เครื่องบินของสายการบินต่างๆ ได้ทยอยเดินทางมายังสนามบินภูเก็ตและการใช้บริการสนามบินภูเก็ตกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันเท่านั้น
สำหรับศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์บางรายที่ยังต้องดำเนินการในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ที่ไม่สามารถระบุได้เพราะถูกไหม้ ส่วนศพอื่นๆ ก็สามารถที่จะทยอยส่งให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุ หน่วยพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของสำนักงานตำตรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ในคืนที่เกิดเหตุเช่นได้ ได้ทำการพิสูจน์ศพและทยอยส่งให้ญาติของผู้เสียชีวิตตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุ และศพบางศพไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเป็นใคร ได้เข้าสู่ขั้นตอนของการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลโดยการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถานทูตของประเทศนั้นเป็นอย่างดี ทำให้สามารถส่งศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดเวลา 10 วันหลังเกิดเหตุการณ์ เป็นศพครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล
ขณะที่ การให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิต สายการบินวันทูโกได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบตั้งวันแรกที่เกิดเหตุการณ์ทั้งในเรื่องของการดูแลค่ารักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ ค่าขนส่งและค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต รวมทั้งเงินประกันที่ผู้โดนสารจะได้รับ โดยในเบื้องต้นทางสายการบินได้ช่วยเหลือในการจัดการศพผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บรายละ 100,000 บาท และผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยรายละ 5 ล้านบาท จากที่สายการบินวันทูโกได้ทำประกันไว้ 300 ล้านเหรียญ ซึ่งขณะนี้ได้ทยอยจ่ายให้กับญาติผู้เสียชีวิตบ้างแล้ว แต่สำหรับรายที่ฟ้องร้องเรียนค่าเสียหายเพิ่มเติมจะจ่ายก็ต่อเมื่อคดีสิ้นสุดแล้วเท่านั้น
อุบัติเหตุวันทูโกที่เกิดขึ้นที่สนามบินภูเก็ต ทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางเครื่องบินต้นทุนต่ำและกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในระยะแรก แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะภายหลังจากที่เปิดใช้สนามบินนานาชาติภูเก็ต นักท่องเที่ยวและสายการบินต่างๆ กลับมาใช้สนามบินภูเก็ตตามปกติจนถึงขณะนี้ที่ภูเก็ตเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก คาดว่าตลอดทั้งปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านคน
ถึงวันนี้.....โศกนาฎกรรมวันทูโกที่สนามบินภูเก็ตได้ผ่านพ้นมาหลายเดือนแล้ว ญาติผู้เสียชีวิตทำใจยอมรับกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักได้บ้างแล้ว ผู้บาดเจ็บเริ่มหายจากขวัญผวาไปบ้าง และผู้บาดเจ็บรายสุดท้าย นายชัยณรงค์ มหาแร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ประจักษ์ต่อสาธารณชน คือ สาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฎกรรมในครั้งนี้
แม้เหตุการณ์ในคราวนั้น ไม่ได้สร้างความเสียหายและผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของไทย อย่างที่มีการคาดการณ์ในช่วงแรกมากนัก แต่ก็ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินราคาถูกโลว์คอสต์ ได้รับกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้..... จากความไม่เชื่อมั่นของผู้โดยสารในระยะแร ก
ย้อนไปเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2550 ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะที่จ.ภูเก็ต ไม่มีใครคาดคิดว่า จะเกิดเหตุร้ายแรงกับสายการบินวันทูโก ที่ขนผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 130 คน ที่บินจากกรุงเทพฯสู่จ.ภูเก็ต จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 90 คน เนื่องจากเป็นช่วงฝนตกหนักตามฤดูกาล
บ่ายวันที่ 16 กันยายน 2550 เป็นวันเวลา ที่คนภูเก็ตต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน หลังจากเมื่อปลายปี 2547 ได้เผชิญวิกฤตคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มเสียหายยับเยินมาแล้ว จากเหตุเครื่องบินของสายการบินวันทูโก เที่ยวบินที่ OG 269 ที่ทะยานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ในเวลา 14.30 น. พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 130 คน มุ่งหน้าสู่สนามบินนานาชาติภูเก็ต ในสภาพที่ฝนตกลงมาอย่างหนัก ทัศนวิสัยการมองเห็นค่อนข้างแย่
เวลาประมาณ 16.00 น. เครื่องบินวันทูโกถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต ทันที่ที่ล้อเครื่องบินแตะพื้นก็เสียการทรงตัว ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ไปชนกับกำแพงดิน พร้อมเกิดระเบิดตามมา 2 ครั้ง ทำให้เครื่องบินหักเป็น 2 ท่อน และมีไฟลุกไหม้ ขณะที่มีผู้โดยสารและลูกเรือยู่ในเครื่องบิน 130 คน ยังไม่รู้ชะตากรรม
หลังเกิดเหตุการณ์หน่วยรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานภูเก็ตระดมกำลังทั้งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ รถพยาบาลจากทุกหน่วยในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงทำการระดมดับเพลิงเครื่องบินขณะที่มีผู้โดยสารและลูกเรืออยู่ในเครื่องบิน พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือผู้ที่รอดชีวิตทยอยส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โรงพยาบาลสิริโรจน์ และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังกู้ศพผู้เสียชีวิตออกจากซากเครื่องบิน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาเกือบตลอดเวลา พร้อมกับนำศพผู้เสียชีวิตที่กู้ออกมาทยอยไปเก็บไว้ที่อาคารเอนกประสงค์ของท่าอากาศยานภูเก็ต เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้พยายามกู้ศพผู้เสียชีวิตออกจากซากเครื่องบินตลอดทั้งคืนของวันที่ 16 กันยายน แต่ก็ไม่สามารถที่จะกู้ศพผู้เสียชีวิตออกได้ทั้งหมดในคืนนั้น เนื่องจากฝนตกลงมาตลอดทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหาศพผู้เสียชีวิตและซากเครื่องบินที่เกิดการระเบิดและหักเป็น 2 ท่อนก็เป็นอุปสรรคในการกู้ศพผู้เสียชีวิตด้วย
ขณะที่ยังไม่สามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตออกมาทั้งหมด ก็ไม่สามารถที่จะกู้ซากเครื่องบินให้พ้นจากรันเวย์ของสนามบินภูเก็ตได้ ทำให้ต้องสั่งปิดสนามบินภูเก็ตเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะสามารถเคลียร์ซากเครื่องบินออกได้ ผู้โดยสารทั้งหมดที่จะเดินทางออกจากสนามบินภูเก็ตช่วงเวลาตั้งแต่ 16.30 น. จะต้องเลื่อนการเดินทางออกไปอีก 1-2 วัน และจะต้องเดินทางไปใช้บริการที่สนามบินกระบี่หรือสุราษฎร์ธานีในวันรุ่งขึ้น
ความพยายามของเจ้าหน้าที่กู้ภัยประสบความสำเร็จ เมื่อสามารถกู้ศพผู้เสียชีวิตศพสุดท้ายออกจากซากเครื่องบินได้ในช่วงเวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 17 กันยายน 2550 เป็นศพชาวต่างชาติสัญชาติอิสราเอล ติดอยู่ตรงบริเวณหัวเครื่องบินได้สำเร็จ
ทำให้สรุปยอดผู้เสียชีวิตทันที 89 ศพ และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัว กระจายไปตามโรงพยาบาล 3 แห่ง คือ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต 2 คน โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต 29 คน และโรงพยาบาลสิริโรจน์ 10 คน โดยผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ต้องอยู่ในห้องไอซียู 6 คนจากที่ถูกไฟคลอกอย่างหนัก หลังจากเหตุการณ์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษหนึ่งในผู้ที่บาดเจ็บสาหัสได้เสียชีวิตลง หลังจากทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่กรุงเทพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนั้น เพิ่มเป็น 90 คน แบ่งเป็นคนไทย 32 และต่างชาติ 58 คน
หลังกู้ศพผู้เสียชีวิตออกมาได้ทั้งหมด เจ้าหน้าที่เร่งทำความสะอาดรันเวย์ เพื่อเปิดใช้สนามบินภูเก็ตให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากการเปิดใช้สนามบินภูเก็ตล่าช้าออกไป อาจสร้างความเสียหายให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตมากขึ้นเท่านั้น และเพื่อที่ต้อนรับเป็นเที่ยวบินที่นำคณะของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีที่เดินทางมาถึงในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ของวันที่ 17 กันยายน เพื่อรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดและเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลต่างๆ และที่สำคัญเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่สายการบินต่างๆ ในการใช้บริการสนามบินภูเก็ตต่อไป
ภายหลังจากที่เปิดใช้สนามบินภูเก็ต เครื่องบินของสายการบินต่างๆ ได้ทยอยเดินทางมายังสนามบินภูเก็ตและการใช้บริการสนามบินภูเก็ตกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 วันเท่านั้น
สำหรับศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์บางรายที่ยังต้องดำเนินการในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ที่ไม่สามารถระบุได้เพราะถูกไหม้ ส่วนศพอื่นๆ ก็สามารถที่จะทยอยส่งให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนาตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุ หน่วยพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลของสำนักงานตำตรวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ในคืนที่เกิดเหตุเช่นได้ ได้ทำการพิสูจน์ศพและทยอยส่งให้ญาติของผู้เสียชีวิตตั้งแต่คืนที่เกิดเหตุ และศพบางศพไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าเป็นใคร ได้เข้าสู่ขั้นตอนของการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลโดยการตรวจดีเอ็นเอ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถานทูตของประเทศนั้นเป็นอย่างดี ทำให้สามารถส่งศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดเวลา 10 วันหลังเกิดเหตุการณ์ เป็นศพครอบครัวของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล
ขณะที่ การให้การช่วยเหลือผู้เสียชีวิต สายการบินวันทูโกได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบตั้งวันแรกที่เกิดเหตุการณ์ทั้งในเรื่องของการดูแลค่ารักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ ค่าขนส่งและค่าจัดการศพผู้เสียชีวิต รวมทั้งเงินประกันที่ผู้โดนสารจะได้รับ โดยในเบื้องต้นทางสายการบินได้ช่วยเหลือในการจัดการศพผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บรายละ 100,000 บาท และผู้ที่เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยรายละ 5 ล้านบาท จากที่สายการบินวันทูโกได้ทำประกันไว้ 300 ล้านเหรียญ ซึ่งขณะนี้ได้ทยอยจ่ายให้กับญาติผู้เสียชีวิตบ้างแล้ว แต่สำหรับรายที่ฟ้องร้องเรียนค่าเสียหายเพิ่มเติมจะจ่ายก็ต่อเมื่อคดีสิ้นสุดแล้วเท่านั้น
อุบัติเหตุวันทูโกที่เกิดขึ้นที่สนามบินภูเก็ต ทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการเดินทางเครื่องบินต้นทุนต่ำและกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในระยะแรก แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะภายหลังจากที่เปิดใช้สนามบินนานาชาติภูเก็ต นักท่องเที่ยวและสายการบินต่างๆ กลับมาใช้สนามบินภูเก็ตตามปกติจนถึงขณะนี้ที่ภูเก็ตเริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก คาดว่าตลอดทั้งปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้านคน
ถึงวันนี้.....โศกนาฎกรรมวันทูโกที่สนามบินภูเก็ตได้ผ่านพ้นมาหลายเดือนแล้ว ญาติผู้เสียชีวิตทำใจยอมรับกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักได้บ้างแล้ว ผู้บาดเจ็บเริ่มหายจากขวัญผวาไปบ้าง และผู้บาดเจ็บรายสุดท้าย นายชัยณรงค์ มหาแร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ที่ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ประจักษ์ต่อสาธารณชน คือ สาเหตุที่แท้จริงของโศกนาฎกรรมในครั้งนี้