มิชลิน ฟันธงตลาดยางรถยนต์ใหม่หดตัวตามตลาดรถยนต์ 4-5% แต่ส่งผลดีต่อตลาดยางรถยนต์ทดแทนทำให้โตขึ้น 3% ยันส่วนแบ่งตลาดเท่าเดิม ไม่หวั่นแม้คู่แข่งเพิ่มขึ้น ชูยางประหยัดน้ำมันคุ้มค่ากว่าในระยะยาว พร้อมจับมือมูลนิธิเมาไม่ขับจัดโครงการรณรงค์ช่วยลดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่
นายประยงค์ หิรัญญะวณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสยามมิชลิน กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดยางรถยนต์ (OEM)ปีนี้ คาดว่าจะลดลงกว่าปีที่แล้วประมาณ 4-5% เท่ากับตลาดรถยนต์ที่บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ประเมินกันว่าจะลดลงประมาณ 4-5% แต่ส่งผลให้ตลาดยางรถยนต์ประเภททดแทน (REM) ขยายตัวประมาณ 3% เนื่องจากผู้บริโภคออกรถยนต์ใหม่น้อยลง ทำให้มีการเปลี่ยนยางสำหรับรถเก่ามากขึ้น โดยในส่วนของบริษัทฯ ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าเดิม แต่ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้ ขณะที่ยอดขายรวมทั้งหมดเติบโตเท่ากับตลาด
“ตลาดยางรถยนต์ในปัจจุบันของไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์แบบ และเป็นโอกาสของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เนื่องจากการลดกำแพงภาษียางนำเข้าเมื่อปี 2548 ทำให้มียางรถยนต์หลากหลายยี่ห้อเข้ามาทำตลาดมากขึ้นทั้งจาก ยุโรป, อเมริกา, เกาหลี, จีน และ อินเดีย” นายประยงค์กล่าว
ทั้งนี้แม้จะมียางรถยนต์ยี่ห้อใหม่เข้ามาทำตลาดในราคาถูก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ เนื่องจากมิชลินทำตลาดด้วยยางที่เน้นคุณภาพและประหยัดน้ำมัน ซึ่งกระแสตอบรับของผู้บริโภคดีมากหลังการเปิดตัวยางประหยัดน้ำมันรุ่น อีเนอร์จี่ (Energy) เนื่องจากเห็นความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว
ล่าสุดบริษัทฯ จัดโครงการ “Michelin Safe on the Road” โดยร่วมมือกับมูลนิธิเมาไม่ขับและปตท. เพื่อช่วยรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ และให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษายางและเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมทั้งให้บริการตรวจเช็คความดันลมยาง ณ สถานีบริการน้ำมันปตท.ที่เข้าร่วมโครงการฯ และจุดบริการรถตู้ใกล้สถานีขนส่งหมอชิต ตั้งแต่วันที่ 18-23 ธ.ค. ศกนี้
นายประยงค์ หิรัญญะวณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มสยามมิชลิน กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดยางรถยนต์ (OEM)ปีนี้ คาดว่าจะลดลงกว่าปีที่แล้วประมาณ 4-5% เท่ากับตลาดรถยนต์ที่บริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ประเมินกันว่าจะลดลงประมาณ 4-5% แต่ส่งผลให้ตลาดยางรถยนต์ประเภททดแทน (REM) ขยายตัวประมาณ 3% เนื่องจากผู้บริโภคออกรถยนต์ใหม่น้อยลง ทำให้มีการเปลี่ยนยางสำหรับรถเก่ามากขึ้น โดยในส่วนของบริษัทฯ ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดเท่าเดิม แต่ไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขได้ ขณะที่ยอดขายรวมทั้งหมดเติบโตเท่ากับตลาด
“ตลาดยางรถยนต์ในปัจจุบันของไทยถือว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสมบูรณ์แบบ และเป็นโอกาสของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เนื่องจากการลดกำแพงภาษียางนำเข้าเมื่อปี 2548 ทำให้มียางรถยนต์หลากหลายยี่ห้อเข้ามาทำตลาดมากขึ้นทั้งจาก ยุโรป, อเมริกา, เกาหลี, จีน และ อินเดีย” นายประยงค์กล่าว
ทั้งนี้แม้จะมียางรถยนต์ยี่ห้อใหม่เข้ามาทำตลาดในราคาถูก แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทฯ เนื่องจากมิชลินทำตลาดด้วยยางที่เน้นคุณภาพและประหยัดน้ำมัน ซึ่งกระแสตอบรับของผู้บริโภคดีมากหลังการเปิดตัวยางประหยัดน้ำมันรุ่น อีเนอร์จี่ (Energy) เนื่องจากเห็นความคุ้มค่ามากกว่าในระยะยาว
ล่าสุดบริษัทฯ จัดโครงการ “Michelin Safe on the Road” โดยร่วมมือกับมูลนิธิเมาไม่ขับและปตท. เพื่อช่วยรณรงค์ลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ และให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรักษายางและเติมลมยางอย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมทั้งให้บริการตรวจเช็คความดันลมยาง ณ สถานีบริการน้ำมันปตท.ที่เข้าร่วมโครงการฯ และจุดบริการรถตู้ใกล้สถานีขนส่งหมอชิต ตั้งแต่วันที่ 18-23 ธ.ค. ศกนี้