ขึ้นค่าโดยสารวุ่น ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามขึ้นค่ารถเมล์ และรถ บขส. เหตุราคาหน้าตั๋วไม่ตรงกับราคาที่เก็บ ทุกหน่วยงานขานรับ รอหนังสือแจ้งคำสั่งศาล ก่อนยื่นอุทธรณ์ ส่วน"เจ๊เกียว" เตรียมขอศาลคุ้มครอง ชี้กระทบธุรกิจ
วานนี้(14 ธ.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามรถโดยเมล์ และรถโดยสารประจำทาง ปรับขึ้นค่าโดยสารจาก ที่นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาล ตัวแทนประชาชนได้ยื่นร้องต่อศาล กรณีที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ระร่วมเอกชน กับบขส. รถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วม ขสมก. ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 50 เนื่องจากตรวจสอบพบว่า รถร่วมฯบริการ ขสมก. และ บขส. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขึ้นราคาเกินราคาหน้าตั๋ว จากที่อนุมัติให้รถร่วม บขส. ขึ้นราคา 3 สต. ต่อกม. เป็นขึ้น 6 สต.ต่อ กม. และรถร่วมฯขสมก. ให้ขึ้น 50 สต. จาก 6.50 บาทเป็น 7 บาท แต่ราคาหน้าตั๋วเป็น 6.50 บาท
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวว่า ได้รับรายงาน แต่ยังไม่ได้รับแจ้งหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อมีคำสั่งศาลออกมาเช่นนี้ ทุกฝ่ายจะต้องเคารพในการตัดสินของศาล ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ได้รับรายงานจาก นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะเลขาที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกลางว่า อาจมีการพิจารณาความเป็นไปได้ ที่จะยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลในเรื่องนี้
ด้านนายศิลปชัย กล่าวว่า ได้มีการหารือในเบื้องต้น เกี่ยวกับแนวทางการดำเนิน การในกรณีที่ศาลให้มีการชะลอหรือทบทวนเรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสาร จะต้องดำเนินการอย่างไร ในกรณีที่ผู้ประกอบ การได้มีการปรับค่าโดยสารไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีการพิมพ์บัตรเก็บค่าโดยสารในอัตราใหม่ และประกาศแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ หากจะสั่งให้ระงับ หรือปรับราคาโดยทันที คงทำได้ยาก จะต้องมีขั้นตอน และกระบวน การว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า เรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสาร เป็นอำนาจตามมติของคณะกรรมการขนส่งทางบกลาง ที่เป็นไปตามกฎหมาย บขส. เป็นเพียงหน่วยปฏิบัติ ไม่มีอำนาจที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารได้เอง ดังนั้นเรื่องนี้ทางคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง จะต้องมีการพิจารณาภายหลังจากศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติดำเนินการอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่ได้มีการปรับราคาไปแล้ว หากจะมีมติให้ปรับลดราคา ก็สามารถทำได้ คือไปจัดเก็บในอัตราเดิม และปรับลดราคาจากราคาที่ปรับขึ้นตามจำนวนวันที่ได้มีการปรับราคาไปแล้วก่อนหน้านี้เท่านั้น
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า หากศาลมีมติอย่างไร ทาง ขสมก.ก็พร้อมจะต้องดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งในขั้นตอนกรณีที่มีการอนุมัติให้ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก.ปรับขึ้นค่าโดยสารไปแล้ว จะต้องนำเรื่องนี้หารือไปยังกรมการขนส่งทางบก เนื่องจากอำนาจการปรับขึ้นค่าโดยสาร อยู่ที่คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ในขณะเดียวกัน หากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวหมายความว่า ห้ามมีการปรับขึ้นค่าโดยสารในส่วนที่ได้มีการปรับไปแล้วก็จำเป็นต้องแจ้งให้กับผู้ประกอบการรถร่วมได้รับทราบด้วย
นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการเดินรถโดยสาร กล่าวว่าเมื่อคำสั่งศาลออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายจะต้องเคารพ และยึดปฏิบัติ แต่หากเห็นว่าไม่ควรให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร ตนเองในฐานะผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ก็จะต้องมีการพิจารณาเพื่อยื่นขอให้ศาลให้ความคุ้มครองเช่นกัน เพราะในการลงทุนทำธุรกิจนั้น ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระ และได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบจากราคาน้ำมัน ที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
วานนี้(14 ธ.ค.) ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามรถโดยเมล์ และรถโดยสารประจำทาง ปรับขึ้นค่าโดยสารจาก ที่นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาล ตัวแทนประชาชนได้ยื่นร้องต่อศาล กรณีที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ระร่วมเอกชน กับบขส. รถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วม ขสมก. ได้ปรับขึ้นค่าโดยสารเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 50 เนื่องจากตรวจสอบพบว่า รถร่วมฯบริการ ขสมก. และ บขส. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขึ้นราคาเกินราคาหน้าตั๋ว จากที่อนุมัติให้รถร่วม บขส. ขึ้นราคา 3 สต. ต่อกม. เป็นขึ้น 6 สต.ต่อ กม. และรถร่วมฯขสมก. ให้ขึ้น 50 สต. จาก 6.50 บาทเป็น 7 บาท แต่ราคาหน้าตั๋วเป็น 6.50 บาท
นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวว่า ได้รับรายงาน แต่ยังไม่ได้รับแจ้งหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งเมื่อมีคำสั่งศาลออกมาเช่นนี้ ทุกฝ่ายจะต้องเคารพในการตัดสินของศาล ส่วนขั้นตอนการดำเนินการหลังจากนี้ ได้รับรายงานจาก นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะเลขาที่ประชุมคณะกรรมการขนส่งทางบกลางว่า อาจมีการพิจารณาความเป็นไปได้ ที่จะยื่นขออุทธรณ์ต่อศาลในเรื่องนี้
ด้านนายศิลปชัย กล่าวว่า ได้มีการหารือในเบื้องต้น เกี่ยวกับแนวทางการดำเนิน การในกรณีที่ศาลให้มีการชะลอหรือทบทวนเรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสาร จะต้องดำเนินการอย่างไร ในกรณีที่ผู้ประกอบ การได้มีการปรับค่าโดยสารไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่มีการพิมพ์บัตรเก็บค่าโดยสารในอัตราใหม่ และประกาศแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ หากจะสั่งให้ระงับ หรือปรับราคาโดยทันที คงทำได้ยาก จะต้องมีขั้นตอน และกระบวน การว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า เรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสาร เป็นอำนาจตามมติของคณะกรรมการขนส่งทางบกลาง ที่เป็นไปตามกฎหมาย บขส. เป็นเพียงหน่วยปฏิบัติ ไม่มีอำนาจที่จะปรับขึ้นค่าโดยสารได้เอง ดังนั้นเรื่องนี้ทางคณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง จะต้องมีการพิจารณาภายหลังจากศาลปกครองได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติดำเนินการอย่างไร เพราะที่ผ่านมามีผู้ประกอบการบางรายเท่านั้นที่ได้มีการปรับราคาไปแล้ว หากจะมีมติให้ปรับลดราคา ก็สามารถทำได้ คือไปจัดเก็บในอัตราเดิม และปรับลดราคาจากราคาที่ปรับขึ้นตามจำนวนวันที่ได้มีการปรับราคาไปแล้วก่อนหน้านี้เท่านั้น
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า หากศาลมีมติอย่างไร ทาง ขสมก.ก็พร้อมจะต้องดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งในขั้นตอนกรณีที่มีการอนุมัติให้ผู้ประกอบการรถร่วม ขสมก.ปรับขึ้นค่าโดยสารไปแล้ว จะต้องนำเรื่องนี้หารือไปยังกรมการขนส่งทางบก เนื่องจากอำนาจการปรับขึ้นค่าโดยสาร อยู่ที่คณะกรรมการขนส่งทางบกกลาง ในขณะเดียวกัน หากคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวดังกล่าวหมายความว่า ห้ามมีการปรับขึ้นค่าโดยสารในส่วนที่ได้มีการปรับไปแล้วก็จำเป็นต้องแจ้งให้กับผู้ประกอบการรถร่วมได้รับทราบด้วย
นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการเดินรถโดยสาร กล่าวว่าเมื่อคำสั่งศาลออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายจะต้องเคารพ และยึดปฏิบัติ แต่หากเห็นว่าไม่ควรให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร ตนเองในฐานะผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ก็จะต้องมีการพิจารณาเพื่อยื่นขอให้ศาลให้ความคุ้มครองเช่นกัน เพราะในการลงทุนทำธุรกิจนั้น ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระ และได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบจากราคาน้ำมัน ที่ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน