ตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัดสินใจแขวน "เอสพี" หุ้นปตท.ยาว จนกว่าจะได้ข้อมูลครบ ขณะที่ก.ล.ต.ยันปตท.ยังคงสถานภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียน แต่เตือนนักลงทุนวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนลงทุน ขณะที่เรื่องการคำนวนเอ็นเอวี ของกองทุนที่มีปตท.ในพอร์ตยังไม่ได้ข้อสรุป พร้อมเรียกสมาคม บลจ.หารือด่วน เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ก่อนวันจันทร์ ด้าน"ก้องเกียรติ"ระบุคืนธุรกิจท่อส่งก๊าซให้กระทรวงการคลังมูลค่าทรัพย์สินวูบ 1 แสนล้าน ชี้กระทบราคาหุ้น100 บาท ส่วน "ประเสริฐ"โต้ราคาหุ้นไม่ทรุดหนัก เหตุ ปตท. ยังมีสิทธิเช่าท่อก๊าซทำธุรกิจเหมือนเดิม
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โอนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินคืนให้กับรัฐว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะยังคงห้ามการซื้อขายหุ้น PTT ต่อไป จนกว่าจะมีการแจ้งข้อมูลในเรื่องการดำเนินการหลังจากที่ศาลมีคำตัดสินให้มีการแยกทรัพย์สินในส่วนท่อก๊าซและที่ดิน เพราะเรื่องดังกล่าวจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ทั้งนี้ จากการประสานงานไปยัง ปตท.นั้น ปตท.จะมีการเสนอในเรื่องการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 18 ธ.ค. ซึ่งหากครม.อนุมัติ และปตท.แจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะมีการปลดเครื่องหมาย SP เพื่อเปิดการซื้อขายตามปกติ
"เดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะห้ามซื้อขายแค่ในช่วงเช้าวันที่ 14 ธ.ค. แต่จากการประสานงานไปยังปตท.นั้น ทางปตท.ยังไม่สามารถที่จะชี้แจงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯได้ ทำให้ต้องห้ามการซื้อขายจนถึงวันอังคาร เพราะจะต้องรอผลการพิจารณาการดำเนินการแยกท่อก๊าซออกมาว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งหาก ปตท.แจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเปิดซื้อขายทันที" นางภัทรียากล่าว
อย่างไรก็ตาม จากผลการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดที่ออกมา ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องสถานะของปตท. ที่ยังคงการเป็นบริษัทจทะเบียนต่อไป พิจารณาได้จากปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับ 17,000 ล้านบาทโดยถือว่า อยู่ระดับที่ดี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเองไม่ได้มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เพียงแค่มีการสอบถามเข้ามาว่า จะเปิดให้มีการซื้อขายเมื่อไรเท่านั้น
**ยัน ปตท.คงสภาพบริษัทจดทะเบียน
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีให้ บมจ.ปตท. แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หยุดการซื้อขายหุ้นปตท. เป็นการชั่วคราว โดยจะเปิดให้มีการซื้อขายอีกครั้ง เมื่อบริษัทชี้แจงข้อมูล รวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบและขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทอย่างชัดเจนเพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า คำพิพากษาดังกล่าว ไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานการณ์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของปตท. แต่อย่างใด แต่การที่ ปตท. แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบริษัท
สำหรับกรณีกองทุนรวม ผู้ลงทุนยังคงซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ ปตท. ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้ไม่สามารถคำนวนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มูลค่าหน่วยลงทุน ราคาขาย และราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่มีการลงทุนในหุ้นปตท.ได้ ก.ล.ต. จะได้ติดตามความคืบหน้าและชี้แจงให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำนักงานก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนติดตามคำชี้แจงของ ปตท. บทวิเคราะห์หุ้นปตท. จากบริษัทหลักทรัพย์ และการประกาศเปิดให้มีการซื้อขายหุ้น ปตท. อีกครั้ง ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูล และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจในการลงทุน
**นัดสมาคม บลจ.ถกวิธีคำนวณ NAV
แหล่งข่าวจาก ก.ล.ต.ระบุว่า การคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนต่างๆ ที่มีหุ้น บมจ.ปตท. อยู่ในพอร์ตลงทุนในขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า จะใช้วิธีการคำนวณรูปแบบใด เนื่องจากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น ทั้งนี้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนจะเข้ามาหารือกับก.ล.ต. เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันจันทร์
"ตอนนี้เรายังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าจะใช้วิธีใด เพราะบลจ.แต่ละแห่งมีความต้องการที่จะคำนวณ NAV ที่ต่างกัน ซึ่งทำให้ต้องรอผลสรุปจากสมาคมกับก.ล.ต.ก่อน โดยก.ล.ต.ได้นัดหารือกับสมาคม บลจ.ในวันนี้ (15 ธ.ค.) และคาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการก่อนวันจันทร์" แหล่งข่าวกล่าว
**กระทบราคาหุ้น 100 บาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ผลตัดสินที่ออกมาถือว่าเป็นไปอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยการแยกท่อก๊าซ 3 เส้นทางคืนให้กระทรวงการคลัง น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นไม่เกิน 100 บาท จากราคาบนกระดาน ล่าสุดก่อนตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสั่งห้ามการซื้อขายอยู่ที่หุ้นละ 368 บาท ขณะที่การคาดหมายของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ กับราคาที่เหมาะสมของหุ้นบริษัท ซึ่งอยู่ที่ 430-470 บาท หรือมูลค่าหลักทรัพย์รวมที่เหมาะสม 1-1.3 ล้านล้านบาท ปัจจุบันถือว่า ราคาที่ซื้อขายอยู่ก็สะท้อนในเรื่องดังกล่าวไปแล้วในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวต่อสายตานักลงทุนต่างชาติ ยังคงมีคำถามตามมาว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาจากกรณีดังกล่าวอีกหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก กับการดำเนินการกับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาแล้วหลายปีอย่าง บมจ.ปตท.
"ตอนนี้ผลที่ออกมายังถือว่าไม่จบ เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องติดตาม แต่เชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากนี้คงจะดีขึ้น โดยผลจากเรื่องดังกล่าว คงส่งผลกระทบทำให้มูลค่าทรัพย์สินปตท.ลดลงประมาณ 1 แสนล้าน" นายก้องเกียรติกล่าว
สำหรับสิ่งที่จะต้องติดตามต่อจากนี้ คือ สัญญาในเรื่องการเช่าท่อส่งก๊าซ รวมทั้งสัญญาในการบริหารว่าจะมีการกำหนดเท่าไร และมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นต้นทุนที่บริษัทจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการดำเนินการในปัจจุบัน
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า ความคาดหวังในการนำรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่งมาแปรรูปหลังจากนี้ คงยากขึ้น เพราะเพียงแค่กฎหมายใหม่ที่ออกมา ก็มีข้อจำกัดค่อนข้างมากเกี่ยวกับการแปรรูป ในขณะที่ผลการตัดสินคดี ปตท.ที่ออกมาคงสร้างความกังวลต่อการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่า ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ เนื่องจากการแปรรูปจะทำให้กระบวนการต่างๆ มีการตรวจสอบจากภาคประชาชนมากกว่า การเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้แปรรูป
ส่วนภาคการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น เชื่อว่าจิตวิทยาในการลงทุนจะดีขึ้นจากก่อนหน้านี้นักลงทุนค่อนข้างกังวลต่อผลการตัดสินที่จะเกิดขึ้น โดยหลังจากนี้เชื่อว่าหากดัชนีจะปรับตัวลดลงก็คงไม่มาก เนื่องจากยังมีปัจจัยลบที่ยังกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่โดยเฉพาะประเด็นซับไพรม์ แต่ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) (KEST) กล่าวว่า นักลงทุนพอใจกับคำพิพากษาในครั้งนี้ที่สร้างความเป็นธรรมให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่การโอนทรัพย์สินคืนให้กับภาครัฐก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือสร้างปัญหาให้กับปตท.แต่อย่างใด
"การโอนท่อก๊าซและน้ำมันกลับมาเป็นของรัฐ ไม่น่าจะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านธุรกิจของปตท.ลดน้อยลง เพียงแค่จากเดิมที่ปตท. เป็นเจ้าของ ก็กลับมาเป็นการเช่าจากภาครัฐแทน ซึ่งคาดว่าทั้งปตท. และภาครัฐจะสามารถตกลงในเรื่องค่าใช้จ่ายให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย"
** "ประเสริฐ"ราคาหุ้นไม่ทรุดหนัก
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันถึง กรณีที่บทวิเคราะห์ออกมาระบุว่าราคาหุ้นปตท.จะหายไปประมาณ 1 ใน 3 ของราคาปัจจุบัน หลังต้องโอนสินทรัพย์ท่อก๊าซฯให้กระทรวงการคลัง และเสียภาษีการโอนสินทรัพย์ ว่า ราคาหุ้นปตท. คงไม่ปรับลดไปมากขนาดนั้น เนื่องจากปตท. ยังมีสิทธิในการใช้ท่อก๊าซฯเหมือนเดิมเพียงแต่เสียค่าเช่าท่อให้รัฐ
ทั้งนี้ หากปตท. เสียภาษีโอนทรัพย์สินสูงสุดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ขึ้นอยู่กับการโอนท่อก๊าซฯนั้น จะทำให้กำไรของบริษัทหายไปประมาณ 4 บาท/หุ้น ซึ่งจะเป็นรายจ่ายเพียงครั้งเดียว
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โอนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินคืนให้กับรัฐว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะยังคงห้ามการซื้อขายหุ้น PTT ต่อไป จนกว่าจะมีการแจ้งข้อมูลในเรื่องการดำเนินการหลังจากที่ศาลมีคำตัดสินให้มีการแยกทรัพย์สินในส่วนท่อก๊าซและที่ดิน เพราะเรื่องดังกล่าวจะต้องใช้เวลาในการดำเนินการ
ทั้งนี้ จากการประสานงานไปยัง ปตท.นั้น ปตท.จะมีการเสนอในเรื่องการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาในวันอังคารที่ 18 ธ.ค. ซึ่งหากครม.อนุมัติ และปตท.แจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะมีการปลดเครื่องหมาย SP เพื่อเปิดการซื้อขายตามปกติ
"เดิมนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะห้ามซื้อขายแค่ในช่วงเช้าวันที่ 14 ธ.ค. แต่จากการประสานงานไปยังปตท.นั้น ทางปตท.ยังไม่สามารถที่จะชี้แจงข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯได้ ทำให้ต้องห้ามการซื้อขายจนถึงวันอังคาร เพราะจะต้องรอผลการพิจารณาการดำเนินการแยกท่อก๊าซออกมาว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ซึ่งหาก ปตท.แจ้งข้อมูลมายังตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเปิดซื้อขายทันที" นางภัทรียากล่าว
อย่างไรก็ตาม จากผลการตัดสินของศาลปกครองสูงสุดที่ออกมา ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลในเรื่องสถานะของปตท. ที่ยังคงการเป็นบริษัทจทะเบียนต่อไป พิจารณาได้จากปริมาณการซื้อขายอยู่ในระดับ 17,000 ล้านบาทโดยถือว่า อยู่ระดับที่ดี ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเองไม่ได้มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว เพียงแค่มีการสอบถามเข้ามาว่า จะเปิดให้มีการซื้อขายเมื่อไรเท่านั้น
**ยัน ปตท.คงสภาพบริษัทจดทะเบียน
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีให้ บมจ.ปตท. แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ ในขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้หยุดการซื้อขายหุ้นปตท. เป็นการชั่วคราว โดยจะเปิดให้มีการซื้อขายอีกครั้ง เมื่อบริษัทชี้แจงข้อมูล รวมทั้งแจ้งถึงผลกระทบและขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทอย่างชัดเจนเพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ขอชี้แจงว่า คำพิพากษาดังกล่าว ไม่ได้มีผลกระทบต่อสถานการณ์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของปตท. แต่อย่างใด แต่การที่ ปตท. แยกทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินโอนคืนให้รัฐ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของบริษัท
สำหรับกรณีกองทุนรวม ผู้ลงทุนยังคงซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมได้ตามปกติ อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นของ ปตท. ซึ่งอาจมีผลกระทบทำให้ไม่สามารถคำนวนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ มูลค่าหน่วยลงทุน ราคาขาย และราคารับซื้อคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมที่มีการลงทุนในหุ้นปตท.ได้ ก.ล.ต. จะได้ติดตามความคืบหน้าและชี้แจงให้ผู้ลงทุนทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำนักงานก.ล.ต. ขอให้ผู้ลงทุนติดตามคำชี้แจงของ ปตท. บทวิเคราะห์หุ้นปตท. จากบริษัทหลักทรัพย์ และการประกาศเปิดให้มีการซื้อขายหุ้น ปตท. อีกครั้ง ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูล และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ก่อนตัดสินใจในการลงทุน
**นัดสมาคม บลจ.ถกวิธีคำนวณ NAV
แหล่งข่าวจาก ก.ล.ต.ระบุว่า การคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนต่างๆ ที่มีหุ้น บมจ.ปตท. อยู่ในพอร์ตลงทุนในขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่า จะใช้วิธีการคำนวณรูปแบบใด เนื่องจากกรณีดังกล่าวถือว่าเป็นครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น ทั้งนี้สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนจะเข้ามาหารือกับก.ล.ต. เพื่อหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปก่อนวันจันทร์
"ตอนนี้เรายังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่าจะใช้วิธีใด เพราะบลจ.แต่ละแห่งมีความต้องการที่จะคำนวณ NAV ที่ต่างกัน ซึ่งทำให้ต้องรอผลสรุปจากสมาคมกับก.ล.ต.ก่อน โดยก.ล.ต.ได้นัดหารือกับสมาคม บลจ.ในวันนี้ (15 ธ.ค.) และคาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการก่อนวันจันทร์" แหล่งข่าวกล่าว
**กระทบราคาหุ้น 100 บาท
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ผลตัดสินที่ออกมาถือว่าเป็นไปอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยการแยกท่อก๊าซ 3 เส้นทางคืนให้กระทรวงการคลัง น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นไม่เกิน 100 บาท จากราคาบนกระดาน ล่าสุดก่อนตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสั่งห้ามการซื้อขายอยู่ที่หุ้นละ 368 บาท ขณะที่การคาดหมายของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ กับราคาที่เหมาะสมของหุ้นบริษัท ซึ่งอยู่ที่ 430-470 บาท หรือมูลค่าหลักทรัพย์รวมที่เหมาะสม 1-1.3 ล้านล้านบาท ปัจจุบันถือว่า ราคาที่ซื้อขายอยู่ก็สะท้อนในเรื่องดังกล่าวไปแล้วในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ ผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวต่อสายตานักลงทุนต่างชาติ ยังคงมีคำถามตามมาว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาจากกรณีดังกล่าวอีกหรือไม่ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก กับการดำเนินการกับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาแล้วหลายปีอย่าง บมจ.ปตท.
"ตอนนี้ผลที่ออกมายังถือว่าไม่จบ เพราะยังมีอีกหลายประเด็นที่ยังต้องติดตาม แต่เชื่อว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนหลังจากนี้คงจะดีขึ้น โดยผลจากเรื่องดังกล่าว คงส่งผลกระทบทำให้มูลค่าทรัพย์สินปตท.ลดลงประมาณ 1 แสนล้าน" นายก้องเกียรติกล่าว
สำหรับสิ่งที่จะต้องติดตามต่อจากนี้ คือ สัญญาในเรื่องการเช่าท่อส่งก๊าซ รวมทั้งสัญญาในการบริหารว่าจะมีการกำหนดเท่าไร และมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เนื่องจากเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นต้นทุนที่บริษัทจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจากต้นทุนการดำเนินการในปัจจุบัน
นายก้องเกียรติ กล่าวอีกว่า ความคาดหวังในการนำรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่งมาแปรรูปหลังจากนี้ คงยากขึ้น เพราะเพียงแค่กฎหมายใหม่ที่ออกมา ก็มีข้อจำกัดค่อนข้างมากเกี่ยวกับการแปรรูป ในขณะที่ผลการตัดสินคดี ปตท.ที่ออกมาคงสร้างความกังวลต่อการแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่นๆ ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่า ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ เนื่องจากการแปรรูปจะทำให้กระบวนการต่างๆ มีการตรวจสอบจากภาคประชาชนมากกว่า การเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้แปรรูป
ส่วนภาคการลงทุนในตลาดหุ้นนั้น เชื่อว่าจิตวิทยาในการลงทุนจะดีขึ้นจากก่อนหน้านี้นักลงทุนค่อนข้างกังวลต่อผลการตัดสินที่จะเกิดขึ้น โดยหลังจากนี้เชื่อว่าหากดัชนีจะปรับตัวลดลงก็คงไม่มาก เนื่องจากยังมีปัจจัยลบที่ยังกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่โดยเฉพาะประเด็นซับไพรม์ แต่ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) (KEST) กล่าวว่า นักลงทุนพอใจกับคำพิพากษาในครั้งนี้ที่สร้างความเป็นธรรมให้กับทั้ง 2 ฝ่าย ขณะที่การโอนทรัพย์สินคืนให้กับภาครัฐก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือสร้างปัญหาให้กับปตท.แต่อย่างใด
"การโอนท่อก๊าซและน้ำมันกลับมาเป็นของรัฐ ไม่น่าจะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านธุรกิจของปตท.ลดน้อยลง เพียงแค่จากเดิมที่ปตท. เป็นเจ้าของ ก็กลับมาเป็นการเช่าจากภาครัฐแทน ซึ่งคาดว่าทั้งปตท. และภาครัฐจะสามารถตกลงในเรื่องค่าใช้จ่ายให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างกันได้ทั้ง 2 ฝ่าย"
** "ประเสริฐ"ราคาหุ้นไม่ทรุดหนัก
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวยืนยันถึง กรณีที่บทวิเคราะห์ออกมาระบุว่าราคาหุ้นปตท.จะหายไปประมาณ 1 ใน 3 ของราคาปัจจุบัน หลังต้องโอนสินทรัพย์ท่อก๊าซฯให้กระทรวงการคลัง และเสียภาษีการโอนสินทรัพย์ ว่า ราคาหุ้นปตท. คงไม่ปรับลดไปมากขนาดนั้น เนื่องจากปตท. ยังมีสิทธิในการใช้ท่อก๊าซฯเหมือนเดิมเพียงแต่เสียค่าเช่าท่อให้รัฐ
ทั้งนี้ หากปตท. เสียภาษีโอนทรัพย์สินสูงสุดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ขึ้นอยู่กับการโอนท่อก๊าซฯนั้น จะทำให้กำไรของบริษัทหายไปประมาณ 4 บาท/หุ้น ซึ่งจะเป็นรายจ่ายเพียงครั้งเดียว