ขุนพลลูกหนังไทยยังคงยิ่งใหญ่ในซีเกมส์หลังครองเหรียญทองได้เป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกันหลังสอนเชิงพม่าไปด้วยสกอร์ 2-0 ในการแข่งขันฟุตบอลทีมชายรอบชิงชนะเลิศซีเกมส์ ครั้งที่ 24 โดยมีแฟนบอลชาวโคราชแห่ไปให้กำลังใจเต็มความจุสองหมื่นที่นั่งของสนามเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
การแข่งขันฟุตบอลทีมชายรอบชิงชนะเลิศในซีเกมส์ครั้งที่ 24 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 50 ทีมชาติไทยที่ทำผลงานอย่างเหนือชั้นมาตั้งแต่รอบแรกด้วยการเข้ามาเป็นที่หนึ่งในสาย ก่อนจะเอาชนะสิงค์โปร์ในรอบรองชนะเลิศชนิดปิดบัญชีแค้นจากการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี เอเชี่ยน คัพ ด้วยสกอร์ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับทีมชาติพม่าซึ่งในนัดเปิดสนามไทยเฉือนชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ประตู
โดยการดวลแข้งระหว่างไทยกับพม่านั้นเริ่มต้นขึ้นในเวลาประมาณ 18.30 น. ขณะที่แฟนบอลชาวนครราชสีมาเดินทางมาให้กำลังใจขุนพลทีมชาติไทยกันเต็มความจุสนามสองหมื่นที่นั่ง ซึ่งนัดนี้ทีมชาติไทยใส่ชุดแข่งสีเหลืองทั้งชุดลงสนาม ขณะที่ทีมชาติพม่าอยู่ในชุดสีขาว ส่วนผู้ตัดสินในสนามนั้นเป็นชาวมาเลเซีย ขณะที่ ไลน์แมนเป็นผู้ตัดสินจากลาว และ บรูไน โดยผู้ตัดสินชุดนี้เคยทำหน้าที่ในเกมรอบรองชนะเลิศที่พม่าชนะจุดโทษเวียดนามมา 3-1 หลังจากเสมอกันในปกติ
สำหรับการจัดทัพของ อ.ทองสุข สัมปหังสิต กุนซือใหญ่ และ อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ที่ปรึกษาของทีมได้ส่งตัวลงเล่นในนัดนี้ประกอบด้วยผู้รักษาประตู - ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กองหลัง - จิระ เจริญสุข, เกียรติประวุฒิ สายแวว, ปรัชญ์ สมัคราษฏร์, ณัฐพงษ์ สมณะ กองกลาง - อภิภู สุนทรพนาเวศ, อดุล หละโสะ, วุฒิชัย ทาทอง, วิศรุต พันนาศรี กองหน้า - อานนท์ สังข์สระน้อย ยืนคู่กับ ธีรเทพ วิโนทัย โดยนัดนี้ขุนพลทีมชาติไทยไม่มี อาทิตย์ สุนทรพิธ มิดฟิลด์เท้าซ้ายที่มีอาการบาดเจ็บ ต้องส่ง วิศรุต พันนาศรี ลงมาแทน
ทันทีที่กรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน ไทยเปิดเกมบุกทันที ขณะที่ นักฟุตบอลพม่าเองต่อบอลได้อย่างสูสีโดยเฉพาะการเติมเกมทางกราบซ้ายของ ไพ ซอ ที่เกือบทำให้พม่ามีจังหวะทำประตู แข้งไทยมีลุ้นทำประตูแรกในนาทีที่ 11 เมื่อ ธีรเทพ วิโนทัย อาศัยความเร็วที่เหนือกว่ากระชากพาบอลเข้าไปยิง แต่ตรงตัว คยอ ซิน เฮียท รับเข้าซองไปแบบไม่ยากเย็น
เมื่อการแข่งขันเข้าสู่นาทีที่ 15 แฟนบอลทั้งสนามก็ได้เฮ เมื่อคู่กองหน้า ธีรเทพ ฉีกตัวลงต่ำรับบอลก่อนดึงรอจังหวะแทงทะลุช่องตัดหลังเซนเตอร์แบ็กให้กับ อานนท์ สังข์สระน้อย สอดขึ้นไปหลุดเดี่ยวก่อนที่จะแปด้วยขวาผ่านมือ คยอ ซิน เฮียท เข้าประตูไปส่งผลให้ทีมไทยขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว 1-0 ประตู
จากนั้นในนาทีที่ 24 ทีมไทยต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง วิศรุต พันนาศรี มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง ธนา ชนะบุตร ลงมาแทน นาทีที่ 39 ธนา ก็แผลงฤทธิ์เมื่อพาบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนโชว์สเต็ปหลบนักเตะ พม่า สองคนดีดบอลเข้ากลางแฉลบผู้รักษาประตูเล็กน้อยแต่กลายเป็นดีไปเข้าทาง ธีรเทพ ที่ยืนอยู่เสาสองไร้คนประกบเกร็งคอโหม่งบอลเข้าประตูไปโล่งๆ ไทยขึ้น นำ พม่า เป็น 2-0 ประตู ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นโดยไทยเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า และเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พม่าพยายามใช้การเข้าสกัดหนักเพื่อหยุดการเล่นของไทย นาที 62 ธีรเทพ วิโนทัย มีโอกาสลากลูกหลบผู้รักษาประตูพม่าก่อนจะยิงไปชนโคนเสา พลาดบวกสกอร์เพิ่มไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นไทยยังเป็นฝ่ายครองบอลกดดันคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง โดยนักเตะทุกคนทุ่มเทเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในรอบแรกที่นำโด่งแล้วโดนพม่าไล่กวดกลับมาซ้ำรอยอีก สุดท้ายก็สามารถยันไว้ได้จบหมดเวลา 90 นาที ไทยเอาชนะพม่าไปได้ 2-0 ครองเจ้าฟุตบอลชายซีเกมส์ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน ถือเป็นความสำเร็จของสมาคมฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 โดยก่อนหน้านี้ทีมหญิงก็คว้าเหรียญทองมาประดับคอได้ก่อนหน้าแล้วจากการเอาชนะเวียดนาม ขณะที่อันดับที่ 3 เหรียญทองแดงได้แก่ สิงคโปร์ ซึ่งถล่มเวียดนามไปอย่างยับเยิน 5-0
การแข่งขันฟุตบอลทีมชายรอบชิงชนะเลิศในซีเกมส์ครั้งที่ 24 เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 50 ทีมชาติไทยที่ทำผลงานอย่างเหนือชั้นมาตั้งแต่รอบแรกด้วยการเข้ามาเป็นที่หนึ่งในสาย ก่อนจะเอาชนะสิงค์โปร์ในรอบรองชนะเลิศชนิดปิดบัญชีแค้นจากการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซี เอเชี่ยน คัพ ด้วยสกอร์ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับทีมชาติพม่าซึ่งในนัดเปิดสนามไทยเฉือนชนะไปด้วยสกอร์ 3-2 ประตู
โดยการดวลแข้งระหว่างไทยกับพม่านั้นเริ่มต้นขึ้นในเวลาประมาณ 18.30 น. ขณะที่แฟนบอลชาวนครราชสีมาเดินทางมาให้กำลังใจขุนพลทีมชาติไทยกันเต็มความจุสนามสองหมื่นที่นั่ง ซึ่งนัดนี้ทีมชาติไทยใส่ชุดแข่งสีเหลืองทั้งชุดลงสนาม ขณะที่ทีมชาติพม่าอยู่ในชุดสีขาว ส่วนผู้ตัดสินในสนามนั้นเป็นชาวมาเลเซีย ขณะที่ ไลน์แมนเป็นผู้ตัดสินจากลาว และ บรูไน โดยผู้ตัดสินชุดนี้เคยทำหน้าที่ในเกมรอบรองชนะเลิศที่พม่าชนะจุดโทษเวียดนามมา 3-1 หลังจากเสมอกันในปกติ
สำหรับการจัดทัพของ อ.ทองสุข สัมปหังสิต กุนซือใหญ่ และ อ.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ที่ปรึกษาของทีมได้ส่งตัวลงเล่นในนัดนี้ประกอบด้วยผู้รักษาประตู - ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กองหลัง - จิระ เจริญสุข, เกียรติประวุฒิ สายแวว, ปรัชญ์ สมัคราษฏร์, ณัฐพงษ์ สมณะ กองกลาง - อภิภู สุนทรพนาเวศ, อดุล หละโสะ, วุฒิชัย ทาทอง, วิศรุต พันนาศรี กองหน้า - อานนท์ สังข์สระน้อย ยืนคู่กับ ธีรเทพ วิโนทัย โดยนัดนี้ขุนพลทีมชาติไทยไม่มี อาทิตย์ สุนทรพิธ มิดฟิลด์เท้าซ้ายที่มีอาการบาดเจ็บ ต้องส่ง วิศรุต พันนาศรี ลงมาแทน
ทันทีที่กรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน ไทยเปิดเกมบุกทันที ขณะที่ นักฟุตบอลพม่าเองต่อบอลได้อย่างสูสีโดยเฉพาะการเติมเกมทางกราบซ้ายของ ไพ ซอ ที่เกือบทำให้พม่ามีจังหวะทำประตู แข้งไทยมีลุ้นทำประตูแรกในนาทีที่ 11 เมื่อ ธีรเทพ วิโนทัย อาศัยความเร็วที่เหนือกว่ากระชากพาบอลเข้าไปยิง แต่ตรงตัว คยอ ซิน เฮียท รับเข้าซองไปแบบไม่ยากเย็น
เมื่อการแข่งขันเข้าสู่นาทีที่ 15 แฟนบอลทั้งสนามก็ได้เฮ เมื่อคู่กองหน้า ธีรเทพ ฉีกตัวลงต่ำรับบอลก่อนดึงรอจังหวะแทงทะลุช่องตัดหลังเซนเตอร์แบ็กให้กับ อานนท์ สังข์สระน้อย สอดขึ้นไปหลุดเดี่ยวก่อนที่จะแปด้วยขวาผ่านมือ คยอ ซิน เฮียท เข้าประตูไปส่งผลให้ทีมไทยขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว 1-0 ประตู
จากนั้นในนาทีที่ 24 ทีมไทยต้องเปลี่ยนตัวคนแรกหลัง วิศรุต พันนาศรี มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง ธนา ชนะบุตร ลงมาแทน นาทีที่ 39 ธนา ก็แผลงฤทธิ์เมื่อพาบอลขึ้นมาทางด้านซ้ายก่อนโชว์สเต็ปหลบนักเตะ พม่า สองคนดีดบอลเข้ากลางแฉลบผู้รักษาประตูเล็กน้อยแต่กลายเป็นดีไปเข้าทาง ธีรเทพ ที่ยืนอยู่เสาสองไร้คนประกบเกร็งคอโหม่งบอลเข้าประตูไปโล่งๆ ไทยขึ้น นำ พม่า เป็น 2-0 ประตู ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังเริ่มต้นขึ้นโดยไทยเป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า และเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่พม่าพยายามใช้การเข้าสกัดหนักเพื่อหยุดการเล่นของไทย นาที 62 ธีรเทพ วิโนทัย มีโอกาสลากลูกหลบผู้รักษาประตูพม่าก่อนจะยิงไปชนโคนเสา พลาดบวกสกอร์เพิ่มไปอย่างน่าเสียดาย
หลังจากนั้นไทยยังเป็นฝ่ายครองบอลกดดันคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง โดยนักเตะทุกคนทุ่มเทเพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในรอบแรกที่นำโด่งแล้วโดนพม่าไล่กวดกลับมาซ้ำรอยอีก สุดท้ายก็สามารถยันไว้ได้จบหมดเวลา 90 นาที ไทยเอาชนะพม่าไปได้ 2-0 ครองเจ้าฟุตบอลชายซีเกมส์ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกัน ถือเป็นความสำเร็จของสมาคมฟุตบอลในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 24 โดยก่อนหน้านี้ทีมหญิงก็คว้าเหรียญทองมาประดับคอได้ก่อนหน้าแล้วจากการเอาชนะเวียดนาม ขณะที่อันดับที่ 3 เหรียญทองแดงได้แก่ สิงคโปร์ ซึ่งถล่มเวียดนามไปอย่างยับเยิน 5-0