กกต.แจ้งความกรณีพรรคพลังประชาชน ปลอมลายเซ็น "สิทธิชัย โควสุรัตน์"แล้ว พร้อมตั้ง อนุกก.ตรวจสอบพรรคและหัวหน้าพรรคมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากรู้เห็นเป็นใจโทษถึงยุบพรรค ส่วนกรณี"วิซีดีแม้ว-เอกสารลับคมช." จะมีการพิจารณาวันนี้ แฉอีกวีซีดีบันทึกภาพผู้สมัครพปช. นครพนม เก็บรวบรวมบัตรประชาชน ส่วน พปช.อุทัยธานี ลองดี กกต. ฝืนใช้รูป-เสียงแม้ว ช่วยหาเสียง คาดเจอใบแดงก่อนเลือกตั้ง
วานนี้ (11 ธ.ค.) พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการคมช. ในฐานะตัวแทนประธาน คมช. พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผอ.สำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าสำนักเลขาธิการ คมช. พล.ต.ปัญญา รอดเชื้อ นายทหารประจำสำนักงานเลขาธิการ คมช. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. พร้อมด้วยคณะ เข้าชี้แจงกรณีเอกสารลับของพรรคพลังประชาชน ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.อ.วินัย ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าชี้แจงว่า ได้นำต้นฉบับเอกสารของคมช.มาเปรียบเทียบกับตัวสำเนาที่มีอยู่ แต่ไม่ได้ขอดูสำเนาของพรรคพลังประชาชน เพราะมีหนังสือพิมพ์ลงอยู่เยอะแล้ว และคมช.จะฟ้องพรรคพลังประชาชนหรือไม่ คงต้องคุยกันอีกครั้ง
ส่วนเอกสารระบุ คำสั่งยกเลิกการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการนั้น พล.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่มีเอกสาร แต่ได้ชี้แจงกกต. ไปว่า ได้ยกเลิกแผนปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ และครม. มีมติให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ซึ่งคงไม่ต้องชี้แจงอะไรเพิ่มเติม
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า พล.อ.วินัย ได้นำต้นฉบับเอกสารลับมาให้ และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดย กกต.ก็ได้สอบถามเรื่องที่ต้องการทราบเรียบร้อยแล้ว เอกสารลับฉบับจริงนำมาให้ กกต.เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง กกต.ได้นำมาเปรียบเทียบกับสำเนาเอกสาร คมช.ที่ส่งมาก่อนหน้านี้ โดย กกต.จะพิจารณาและวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันนี้(12 ธ.ค.) และจะทราบว่าได้ข้อยุติอย่างไร
"จากที่ดูเนื้อหาของเอกสารที่ฝ่ายทหารนำมาแสดงต่อ กกต. ตรงกับสำเนาเอกสารลับที่ คมช.นำมาชี้แจงต่อคณะกรรมการสืบสวน และกับที่เคยปรากฏทางสื่อ ซึ่งต้นฉบับเอกสารที่ทาง คมช.นำมาแสดง เขาก็ยืนยันว่าเป็นตัวจริง และดูแล้วก็มีสีหมึกที่ ไม่ใช่สำเนา โดย กกต.คงไม่ต้องส่งเอกสารให้กองพิสูจน์หลักฐานพิจารณา เพราะสามารถดูได้ด้วยตัวเอง" ประธาน กกต.กล่าว
เมื่อถามว่า เอกสารที่พรรคพลังประชาชนนำมาเผยแพร่ กับเอกสารของฝ่ายคมช. ตรงกันหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้นำสำเนาของพรรคพลังประชาชนมาเปรียบเทียบ แต่การประชุม กกต.วันนี้ จะนำมาเปรียบเทียบกันอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่ พล.อ.วินัย ชี้แจงว่าได้ยกเลิกคำสั่งตามแผนปฏิบัติการแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ กกต.ต้องเรียกคำสั่งมาดู โดย กกต.ก็ได้สอบถาม พล.อ.วินัย เช่นกัน แต่เนื้อหาลึกๆ แล้วตนไม่สามารถอธิบายในครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่า กกต.มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเรื่อง เพราะเมื่อเราเชิญตัวแทน คมช. มาชี้แจงเขาก็มา แสดงว่าเขาก็เห็นว่า กกต.มีอำนาจ
**"วีระ"มอบวีซีดีแม้วให้ กกต.
ในวันเดียวกันนี้ กกต. ได้มีการพิจารณากรณีมีการเผยแพร่วีซีดี ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังช่วยหาเสียง เชิญชวนประชาชน เลือกพรรคพลังประชาชน โดยขณะที่กกต.กำลังพิจารณานั้น นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.)และคณะ ได้เดินทางมายื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบการเผยแพร่วีซีดี ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นการพูดเชิญชวนให้เลือกพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีการแจกจ่ายอย่างแพร่หลายในพื้นที่ภาคเหนือ กับภาคกลาง และที่มีการแปลเป็นภาษาถิ่นจำนวน 2 แผ่น และที่พึ่งได้รับโดยมีการแจกจ่ายในพื้นที่ จ.เชียงราย 1 แผ่น พร้อมกับเอกสารเนื้อหาข่าวที่แผยแพร่ทางสื่อ มอบให้กับ กกต.
นายวีระ กล่าวว่า หลักฐานที่นำมายื่นครั้งนี้ ประกอบกับเรื่องอื่นๆ ที่พรรคพลังประชาชนทำมาก่อนหน้านี้ จะทำให้ กกต. เสนอยุบพรรคพลังประชาชนได้ ส่วนที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับวีซีดีดังกล่าว อยากบอกว่าโจรที่ไหนจะมารับสารภาพว่าทำผิด หากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็ไม่มีทางที่จะสารภาพ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการดำเนินการของ กกต. 3 วันก็น่าจะเสร็จ
ด้านนายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม ที่เป็นตัวแทนมารับหลักฐานจากนายวีระ กล่าวว่า กกต.ได้รับข้อมูลเรื่องนี้จากหลายส่วน และก็มีข้อมูลจากจ.ศรีสะเกษ ส่งมาให้ ซึ่งจะพยายามรวบรวมข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับวีซีดีทั้งหมด นำเข้าที่ประชุม กกต.ในวันนี้ ( 12 ธ.ค.) อีกครั้ง เพื่อจะดูว่าใครเป็นคนแจก เนื้อหาเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวภายหลังการประชุม ว่า เวลานี้มี วีซีดี ที่อ้างว่าเป็นเสียงของพ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามายัง กกต.หลายรูปแบบมาก ในช่วงเช้า ก็มีข่าวว่าพบที่ จ.นครพนม แต่เมื่อสอบถามไปก็ได้รับแจ้งว่า เป็นซีดีการปราศรัยของ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในหัวข้อ "1 ปีที่หายไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ซึ่งการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง โดย กกต.จว.นครพนม ได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่ง กกต.ต้องตรวจสอบว่าเนื้อหาการปราศรัย และวีซีดี ที่แจกไปนั้นถูกต้องหรือไม่
นอกจากนี้ต้องพิจารณาด้วยว่า วีซีดี ที่ให้นั้น ถือเป็นทรัพย์สินหรือไม่ ส่วนวีซีดี ที่อ้างว่าเป็นการพูดจากลอนดอนนั้น เจ้าหน้าที่ได้ถอดเทป และที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว โดยเนื้อหาคำพูดตรงกับที่สื่อมวลชนเผยแพร่
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว กกต.ยังไม่มีการวางกรอบว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ในส่วนของวีซีดี ที่มาจากลอนดอน ก็คงต้องดูว่าที่อ้างว่าทำก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งนั้นว่า จะมีผลอย่างไร แต่ตรงนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะกกต.กลาง ก็ได้รับรายงานจาก กกต.จังหวัด ว่ามีการแจกวีซีดีนี้ ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีพยานมาให้ข้อมูลกับ กกต.ได้
**แจ้งความ พปช.ปลอมลายเซ็น
นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกต.ยังมีมติให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ พรรคพลังประชาชน ต่อ ผบ.ตร. กรณีที่มีการปลอมแปลงเอกสารสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนของนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัครส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะถือว่ามีความผิดทางอาญา ส่วนจะมีผลไปถึงพรรค และหัวหน้าพรรคหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า นอกจาก กกต.จะเตรียมฟ้องร้องทางอาญา กับพรรคพลังประชาชนแล้ว กกต.ยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการที่มีนายสุวิทย ธีรพงศ์ เป็นประธาน ขึ้นมาตรวจสอบถึงกระทำดังกล่าวว่า มีการหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค มีส่วนรู้เห็นต่อเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะหากพบว่า กระทำผิดตาม มาตรา 19 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองแล้ว ก็จะตรวจสอบว่า พรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจด้วย หรือจงใจกลั่นแกล้งผู้สมัครพรรคการเมืองอื่น ซึ่งก็จะถือเป็นความผิดตามมาตรา 104 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีพรรคการเมืองเป็นผู้กระทำ ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น แต่หากเป็นบุคคลกระทำความผิด ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
**คมช.ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (11ธ.ค.) พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเช้า ร่วมกับสมาชิก คมช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก ทั้งนี้ พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และสมาชิก คมช. กล่าวว่า พล.อ.สนธิ ได้พูดคุยระหว่างการรับประทานอาหาร โดยสอบถาม พล.อ. วินัย ภัททิยกุล ถึงการที่จะไปชี้แจงเอกสารลับต่อ กกต. ว่ามีความพร้อมอย่างไร ซึ่ง พล.อ.วินัย ชี้แจงว่าทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมมีเหตุมีผลชี้แจงได้
ส่วนกรณีวีซีดี พ.ต.ท. ทักษิณ ก็มีการพูดคุยกัน แต่ตนยังไม่เห็นวีซีดี ดังกล่าว และคงไม่ต้องไปตรวจสอบแหล่งที่มา เพราะ ไม่ใช่หน้าที่ของ คมช. เราได้พูดคุยกันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่เช่นนั้นจะไม่จบ ปล่อยให้เดินไปสู่การเลือกตั้งดีกว่า สิ่งที่ คมช.เป็นห่วงคือ ต้องการให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งได้กำชับกำลังพล ครอบครัว และให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งและให้ตัดสินใจเลือกเอง ซึ่งควรจะเป็นคนดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เรียกร้องให้ทหารยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติ หลังการเลือกตั้ง พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า จะให้ยืนยันอย่างไร
"ให้นักการเมืองยืนยันว่า นักการเมืองจะดูแลบ้านเมืองให้เรียบร้อยได้หรือไม่ นักการเมืองจะยืนยันหรือไม่" ผบ.ทร. กล่าว
**แฉวีซีดีเก็บบัตรประชาชนที่นครพนม
ในวันเดียวกันนี้ นายเศวต ทินกูล ผู้สมัครส.ส.เขต 1 พรรคประชาราช จ.นครพนม ได้เดินทางเข้าพบ นางสดศรี สัตยธรรม กกต. โดยนำวีซีดี บันทึกภาพการเก็บบัตรประชาชน ของพรรคพลังประชาชนในระหว่างจัดงานโครงการอบรมสัมมนาสมาชิก เกี่ยวกับระเบียบวิธีการปฏิบัติในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 ที่ หอประชุมหนองญาติ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. มีความยาว 5 นาที
ทั้งนี้หลักฐานปรากฏอยู่ในซีดีนั้นเชื่อว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้สมัคร ทั้งแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขต และถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชนได้ เพราะมีกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่อยู่ใน จ.นครพนม ร่วมในเหตุการณ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการครั้งนี้ ก็มี ผอ.กต.จว. เข้าไปมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำในการเก็บบัตรประชาชน
"ผมอยากถามกกต.ว่าการเก็บบัตรประชาชน ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง หรือไม่ ซึ่งจากหลักฐานพบว่ามีการรวบรวมบัตรประชาชน ผมได้ส่งคนเข้าไปในงานดังกล่าว พร้อมติดกล้องกระดุม ทำการบันทึกภาพขั้นตอนวิธีการรวบรวมบัตร ทั้งเห็นใบหน้า ผู้สมัคร กรรมการบริหารพรรค และผู้กระทำอย่างชัดเจน แต่ที่ยังไม่เปิดเผยในขณะนี้เพราะต้องการให้มีการจ่ายเงิน ซึ่งเมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการจ่ายเงินหัวละ300 บาท ผมได้หาพยานหลักฐานไว้แล้ว และพร้อมที่จะเป็นพยานให้กับ กกต. หากผู้สมัครพรรคพลังประชาชน จะดำเนินคดีกับผมก็พร้อมที่จะสู้ชั้นศาล" นายเศวต กล่าว
**พปช.อุทัยธานี ส่อเจอใบแดง
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ลงไปสอบสวนพยานที่รู้เห็น เกี่ยวข้องกรณีที่ นายประแสง มงคลศิริ ผู้สมัคร ส.ส.เขต จ.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชน (พปช.) ยืนยันว่า จะใช้รูปถ่าย และเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาประกอบการประชาสัมพันธ์ ในการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะถือว่าเป็นการกระทำฝ่าฝืนระเบียบ และข้อห้ามตามกฎหมายเลือกตั้ง
ทั้งนี้ กรณีมติดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ นายประแสง ได้มีหนังสือที่ 17/11/2550 ลงวันที่ 17 พ.ย. เรียนประธาน กกต.ผ่านสำนักงาน กกต.จว.อุทัยธานี เรื่อง แจ้งความประสงค์ขอรับผิด ต่อการนำชื่อ รูปถ่าย และเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาประกอบเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีเนื้อหาว่า นายประแสง ยืนยันว่า รับทราบคำสั่งจากพรรค พปช. ที่ 9/2550 ลงวันที่ 24 ต.ค. เป็นอย่างดี กรณีห้ามผู้สมัครส.ส.ในนามพรรค กระทำการฝ่าฝืนระเบียบของ กกต. และข้อห้ามตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด
แต่นายประแสง มีความเชื่อมั่นว่าการกระทำของตนเอง ตามที่ได้กล่าวมานั้น เป็นสิทธิอันพึงมีของบุคคล ตามมาตรา 26-30 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ และตนย่อมได้รับความคุ้มครองสิทธิดังกล่าวในฐานะประชาชนชาวไทยอย่างเต็มที่ จึงไม่อาจยอมรับการละเมิดสิทธิ โดยการออกคำสั่งองค์กรใดๆ และยืนยันที่จะดำเนินการต่อไปหากเป็นความผิด หรือมีความเสียหายประการใดเกิดขึ้น ก็จะขอยอมรับผิดต่อการกระทำดังกล่าวด้วยตนเอง โดยยืนยันว่า พรรคพลังประชาชน มิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ และแม้ทางพรรคจะได้ห้ามปรามโดยการออกคำสั่งพรรค และกำชับสั่งการให้ปฏิบัติโดยเคร่งครัดในที่ประชุมพรรคหลายครั้งแล้วก็ตาม ซึ่งหนังสือดังกล่าวมาถึง กกต. กลาง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. และ กกต.ได้มีการพิจารณาในการประชุมวานนี้ (11 ธ.ค.)
"นายประแสงยืนยันว่า การทำเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค กกต.จึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 คนให้ไปสืบสวนสอบสวนพยานที่รู้เห็นเรื่องนี้ที่ จ.อุทัยธานี เพื่อรายงานให้ กกต.ทราบเป็นการด่วน ในวันนี้ ( 12 ) ซึ่ง กกต.ก็จะพิจารณาว่าขัดต่อระเบียบหรือกฎหมาย กกต.หรือไม่ เพราะการฝ่าฝืนระเบียบ และมติ อาจโดนใบเหลือง ใบแดงได้ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ก่อนการเลือกตั้ง"
เมื่อถามว่า การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการท้าทายกกต.ใช่หรือไม่ นายอภิชาต ย้อนถามว่า " คุณคิดว่าท้าทายไหมล่ะ มันก็พอเข้าใจได้ มีหนังสือมาอย่างนี้ ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว จะดำเนินของตัวเองไป ทางกกต.ก็จะดำเนินตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่"
**กกต.สรุปมีร้องทุจริต 324 เรื่อง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลงว่า ศูนย์แจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้งได้สรุปเรื่องร้องเรียน ตั้งแต่วันที่ 4-10 ธ.ค. มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 94 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นกรณีการแจกเงิน แจกทรัพย์สิน 60 เรื่อง จัดเลี้ยง 2 เรื่อง ให้ประโยชน์ตอบแทน 4 เรื่อง การเก็บรวบรวมสำเนาบัตรประชาชน 1 เรื่อง การวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ของรัฐ 12 เรื่อง การปิดป้ายหาเสียง 1 เรื่อง การใส่ร้ายหลอกลวง 2 เรื่อง และอื่นๆ อีก 12 เรื่อง แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่ทราบรายละเอียด 40 เรื่อง และอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ 78 เรื่อง ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ มามีเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 324 เรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่พบพยานหลักฐาน และรายละเอียดไม่ชัดเจน 246 เรื่อง และอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 78 เรื่อง
วานนี้ (11 ธ.ค.) พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการคมช. ในฐานะตัวแทนประธาน คมช. พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ผอ.สำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าสำนักเลขาธิการ คมช. พล.ต.ปัญญา รอดเชื้อ นายทหารประจำสำนักงานเลขาธิการ คมช. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก คมช. พร้อมด้วยคณะ เข้าชี้แจงกรณีเอกสารลับของพรรคพลังประชาชน ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.อ.วินัย ให้สัมภาษณ์หลังการเข้าชี้แจงว่า ได้นำต้นฉบับเอกสารของคมช.มาเปรียบเทียบกับตัวสำเนาที่มีอยู่ แต่ไม่ได้ขอดูสำเนาของพรรคพลังประชาชน เพราะมีหนังสือพิมพ์ลงอยู่เยอะแล้ว และคมช.จะฟ้องพรรคพลังประชาชนหรือไม่ คงต้องคุยกันอีกครั้ง
ส่วนเอกสารระบุ คำสั่งยกเลิกการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการนั้น พล.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่มีเอกสาร แต่ได้ชี้แจงกกต. ไปว่า ได้ยกเลิกแผนปฏิบัติภารกิจตั้งแต่ มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ และครม. มีมติให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง ซึ่งคงไม่ต้องชี้แจงอะไรเพิ่มเติม
ด้านนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า พล.อ.วินัย ได้นำต้นฉบับเอกสารลับมาให้ และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดย กกต.ก็ได้สอบถามเรื่องที่ต้องการทราบเรียบร้อยแล้ว เอกสารลับฉบับจริงนำมาให้ กกต.เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง กกต.ได้นำมาเปรียบเทียบกับสำเนาเอกสาร คมช.ที่ส่งมาก่อนหน้านี้ โดย กกต.จะพิจารณาและวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันนี้(12 ธ.ค.) และจะทราบว่าได้ข้อยุติอย่างไร
"จากที่ดูเนื้อหาของเอกสารที่ฝ่ายทหารนำมาแสดงต่อ กกต. ตรงกับสำเนาเอกสารลับที่ คมช.นำมาชี้แจงต่อคณะกรรมการสืบสวน และกับที่เคยปรากฏทางสื่อ ซึ่งต้นฉบับเอกสารที่ทาง คมช.นำมาแสดง เขาก็ยืนยันว่าเป็นตัวจริง และดูแล้วก็มีสีหมึกที่ ไม่ใช่สำเนา โดย กกต.คงไม่ต้องส่งเอกสารให้กองพิสูจน์หลักฐานพิจารณา เพราะสามารถดูได้ด้วยตัวเอง" ประธาน กกต.กล่าว
เมื่อถามว่า เอกสารที่พรรคพลังประชาชนนำมาเผยแพร่ กับเอกสารของฝ่ายคมช. ตรงกันหรือไม่ นายอภิชาต กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้นำสำเนาของพรรคพลังประชาชนมาเปรียบเทียบ แต่การประชุม กกต.วันนี้ จะนำมาเปรียบเทียบกันอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนที่ พล.อ.วินัย ชี้แจงว่าได้ยกเลิกคำสั่งตามแผนปฏิบัติการแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ กกต.ต้องเรียกคำสั่งมาดู โดย กกต.ก็ได้สอบถาม พล.อ.วินัย เช่นกัน แต่เนื้อหาลึกๆ แล้วตนไม่สามารถอธิบายในครั้งนี้ได้ อย่างไรก็ตาม คิดว่า กกต.มีอำนาจที่จะวินิจฉัยเรื่อง เพราะเมื่อเราเชิญตัวแทน คมช. มาชี้แจงเขาก็มา แสดงว่าเขาก็เห็นว่า กกต.มีอำนาจ
**"วีระ"มอบวีซีดีแม้วให้ กกต.
ในวันเดียวกันนี้ กกต. ได้มีการพิจารณากรณีมีการเผยแพร่วีซีดี ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ยังช่วยหาเสียง เชิญชวนประชาชน เลือกพรรคพลังประชาชน โดยขณะที่กกต.กำลังพิจารณานั้น นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.)และคณะ ได้เดินทางมายื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบการเผยแพร่วีซีดี ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นการพูดเชิญชวนให้เลือกพรรคพลังประชาชน ซึ่งมีการแจกจ่ายอย่างแพร่หลายในพื้นที่ภาคเหนือ กับภาคกลาง และที่มีการแปลเป็นภาษาถิ่นจำนวน 2 แผ่น และที่พึ่งได้รับโดยมีการแจกจ่ายในพื้นที่ จ.เชียงราย 1 แผ่น พร้อมกับเอกสารเนื้อหาข่าวที่แผยแพร่ทางสื่อ มอบให้กับ กกต.
นายวีระ กล่าวว่า หลักฐานที่นำมายื่นครั้งนี้ ประกอบกับเรื่องอื่นๆ ที่พรรคพลังประชาชนทำมาก่อนหน้านี้ จะทำให้ กกต. เสนอยุบพรรคพลังประชาชนได้ ส่วนที่พรรคพลังประชาชนอ้างว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับวีซีดีดังกล่าว อยากบอกว่าโจรที่ไหนจะมารับสารภาพว่าทำผิด หากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ก็ไม่มีทางที่จะสารภาพ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการดำเนินการของ กกต. 3 วันก็น่าจะเสร็จ
ด้านนายสุเมธ อุปนิสากร กกต. ด้านการมีส่วนร่วม ที่เป็นตัวแทนมารับหลักฐานจากนายวีระ กล่าวว่า กกต.ได้รับข้อมูลเรื่องนี้จากหลายส่วน และก็มีข้อมูลจากจ.ศรีสะเกษ ส่งมาให้ ซึ่งจะพยายามรวบรวมข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับวีซีดีทั้งหมด นำเข้าที่ประชุม กกต.ในวันนี้ ( 12 ธ.ค.) อีกครั้ง เพื่อจะดูว่าใครเป็นคนแจก เนื้อหาเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังบอกอะไรไม่ได้ โดยส่วนตัวเชื่อว่า น่าจะต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวภายหลังการประชุม ว่า เวลานี้มี วีซีดี ที่อ้างว่าเป็นเสียงของพ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามายัง กกต.หลายรูปแบบมาก ในช่วงเช้า ก็มีข่าวว่าพบที่ จ.นครพนม แต่เมื่อสอบถามไปก็ได้รับแจ้งว่า เป็นซีดีการปราศรัยของ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ในหัวข้อ "1 ปีที่หายไปของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ซึ่งการปราศรัยที่ท้องสนามหลวง โดย กกต.จว.นครพนม ได้รับเรื่องไว้แล้ว ซึ่ง กกต.ต้องตรวจสอบว่าเนื้อหาการปราศรัย และวีซีดี ที่แจกไปนั้นถูกต้องหรือไม่
นอกจากนี้ต้องพิจารณาด้วยว่า วีซีดี ที่ให้นั้น ถือเป็นทรัพย์สินหรือไม่ ส่วนวีซีดี ที่อ้างว่าเป็นการพูดจากลอนดอนนั้น เจ้าหน้าที่ได้ถอดเทป และที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว โดยเนื้อหาคำพูดตรงกับที่สื่อมวลชนเผยแพร่
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าว กกต.ยังไม่มีการวางกรอบว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ในส่วนของวีซีดี ที่มาจากลอนดอน ก็คงต้องดูว่าที่อ้างว่าทำก่อนมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งนั้นว่า จะมีผลอย่างไร แต่ตรงนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะกกต.กลาง ก็ได้รับรายงานจาก กกต.จังหวัด ว่ามีการแจกวีซีดีนี้ ทั้งในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอีสาน ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีพยานมาให้ข้อมูลกับ กกต.ได้
**แจ้งความ พปช.ปลอมลายเซ็น
นายอภิชาติ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกต.ยังมีมติให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ พรรคพลังประชาชน ต่อ ผบ.ตร. กรณีที่มีการปลอมแปลงเอกสารสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนของนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ ผู้สมัครส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4 พรรคเพื่อแผ่นดิน เพราะถือว่ามีความผิดทางอาญา ส่วนจะมีผลไปถึงพรรค และหัวหน้าพรรคหรือไม่ จะต้องมีการตรวจสอบต่อไป
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวว่า นอกจาก กกต.จะเตรียมฟ้องร้องทางอาญา กับพรรคพลังประชาชนแล้ว กกต.ยังได้ตั้งคณะอนุกรรมการที่มีนายสุวิทย ธีรพงศ์ เป็นประธาน ขึ้นมาตรวจสอบถึงกระทำดังกล่าวว่า มีการหัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรค มีส่วนรู้เห็นต่อเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ เพราะหากพบว่า กระทำผิดตาม มาตรา 19 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมืองแล้ว ก็จะตรวจสอบว่า พรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจด้วย หรือจงใจกลั่นแกล้งผู้สมัครพรรคการเมืองอื่น ซึ่งก็จะถือเป็นความผิดตามมาตรา 104 ของ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่มีโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีพรรคการเมืองเป็นผู้กระทำ ให้ยุบพรรคการเมืองนั้น แต่หากเป็นบุคคลกระทำความผิด ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
**คมช.ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วานนี้ (11ธ.ค.) พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมรับประทานอาหารเช้า ร่วมกับสมาชิก คมช. ที่กองบัญชาการกองทัพบก ทั้งนี้ พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. และสมาชิก คมช. กล่าวว่า พล.อ.สนธิ ได้พูดคุยระหว่างการรับประทานอาหาร โดยสอบถาม พล.อ. วินัย ภัททิยกุล ถึงการที่จะไปชี้แจงเอกสารลับต่อ กกต. ว่ามีความพร้อมอย่างไร ซึ่ง พล.อ.วินัย ชี้แจงว่าทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมมีเหตุมีผลชี้แจงได้
ส่วนกรณีวีซีดี พ.ต.ท. ทักษิณ ก็มีการพูดคุยกัน แต่ตนยังไม่เห็นวีซีดี ดังกล่าว และคงไม่ต้องไปตรวจสอบแหล่งที่มา เพราะ ไม่ใช่หน้าที่ของ คมช. เราได้พูดคุยกันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว ไม่เช่นนั้นจะไม่จบ ปล่อยให้เดินไปสู่การเลือกตั้งดีกว่า สิ่งที่ คมช.เป็นห่วงคือ ต้องการให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง และเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งได้กำชับกำลังพล ครอบครัว และให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งและให้ตัดสินใจเลือกเอง ซึ่งควรจะเป็นคนดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง เรียกร้องให้ทหารยืนยันว่าจะไม่มีการปฏิวัติ หลังการเลือกตั้ง พล.ร.อ.สถิรพันธุ์ กล่าวว่า จะให้ยืนยันอย่างไร
"ให้นักการเมืองยืนยันว่า นักการเมืองจะดูแลบ้านเมืองให้เรียบร้อยได้หรือไม่ นักการเมืองจะยืนยันหรือไม่" ผบ.ทร. กล่าว
**แฉวีซีดีเก็บบัตรประชาชนที่นครพนม
ในวันเดียวกันนี้ นายเศวต ทินกูล ผู้สมัครส.ส.เขต 1 พรรคประชาราช จ.นครพนม ได้เดินทางเข้าพบ นางสดศรี สัตยธรรม กกต. โดยนำวีซีดี บันทึกภาพการเก็บบัตรประชาชน ของพรรคพลังประชาชนในระหว่างจัดงานโครงการอบรมสัมมนาสมาชิก เกี่ยวกับระเบียบวิธีการปฏิบัติในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 50 ที่ หอประชุมหนองญาติ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. มีความยาว 5 นาที
ทั้งนี้หลักฐานปรากฏอยู่ในซีดีนั้นเชื่อว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้สมัคร ทั้งแบบสัดส่วนและแบบแบ่งเขต และถึงขั้นยุบพรรคพลังประชาชนได้ เพราะมีกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่อยู่ใน จ.นครพนม ร่วมในเหตุการณ์ด้วย อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการครั้งนี้ ก็มี ผอ.กต.จว. เข้าไปมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำในการเก็บบัตรประชาชน
"ผมอยากถามกกต.ว่าการเก็บบัตรประชาชน ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง หรือไม่ ซึ่งจากหลักฐานพบว่ามีการรวบรวมบัตรประชาชน ผมได้ส่งคนเข้าไปในงานดังกล่าว พร้อมติดกล้องกระดุม ทำการบันทึกภาพขั้นตอนวิธีการรวบรวมบัตร ทั้งเห็นใบหน้า ผู้สมัคร กรรมการบริหารพรรค และผู้กระทำอย่างชัดเจน แต่ที่ยังไม่เปิดเผยในขณะนี้เพราะต้องการให้มีการจ่ายเงิน ซึ่งเมื่อต้นเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการจ่ายเงินหัวละ300 บาท ผมได้หาพยานหลักฐานไว้แล้ว และพร้อมที่จะเป็นพยานให้กับ กกต. หากผู้สมัครพรรคพลังประชาชน จะดำเนินคดีกับผมก็พร้อมที่จะสู้ชั้นศาล" นายเศวต กล่าว
**พปช.อุทัยธานี ส่อเจอใบแดง
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. กล่าวว่า กกต.มีมติตั้งคณะกรรมการสอบสวน 3 คน ลงไปสอบสวนพยานที่รู้เห็น เกี่ยวข้องกรณีที่ นายประแสง มงคลศิริ ผู้สมัคร ส.ส.เขต จ.อุทัยธานี พรรคพลังประชาชน (พปช.) ยืนยันว่า จะใช้รูปถ่าย และเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาประกอบการประชาสัมพันธ์ ในการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะถือว่าเป็นการกระทำฝ่าฝืนระเบียบ และข้อห้ามตามกฎหมายเลือกตั้ง
ทั้งนี้ กรณีมติดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ นายประแสง ได้มีหนังสือที่ 17/11/2550 ลงวันที่ 17 พ.ย. เรียนประธาน กกต.ผ่านสำนักงาน กกต.จว.อุทัยธานี เรื่อง แจ้งความประสงค์ขอรับผิด ต่อการนำชื่อ รูปถ่าย และเสียงของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาประกอบเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีเนื้อหาว่า นายประแสง ยืนยันว่า รับทราบคำสั่งจากพรรค พปช. ที่ 9/2550 ลงวันที่ 24 ต.ค. เป็นอย่างดี กรณีห้ามผู้สมัครส.ส.ในนามพรรค กระทำการฝ่าฝืนระเบียบของ กกต. และข้อห้ามตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด
แต่นายประแสง มีความเชื่อมั่นว่าการกระทำของตนเอง ตามที่ได้กล่าวมานั้น เป็นสิทธิอันพึงมีของบุคคล ตามมาตรา 26-30 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งทั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ และตนย่อมได้รับความคุ้มครองสิทธิดังกล่าวในฐานะประชาชนชาวไทยอย่างเต็มที่ จึงไม่อาจยอมรับการละเมิดสิทธิ โดยการออกคำสั่งองค์กรใดๆ และยืนยันที่จะดำเนินการต่อไปหากเป็นความผิด หรือมีความเสียหายประการใดเกิดขึ้น ก็จะขอยอมรับผิดต่อการกระทำดังกล่าวด้วยตนเอง โดยยืนยันว่า พรรคพลังประชาชน มิได้มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ และแม้ทางพรรคจะได้ห้ามปรามโดยการออกคำสั่งพรรค และกำชับสั่งการให้ปฏิบัติโดยเคร่งครัดในที่ประชุมพรรคหลายครั้งแล้วก็ตาม ซึ่งหนังสือดังกล่าวมาถึง กกต. กลาง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. และ กกต.ได้มีการพิจารณาในการประชุมวานนี้ (11 ธ.ค.)
"นายประแสงยืนยันว่า การทำเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค กกต.จึงมีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 3 คนให้ไปสืบสวนสอบสวนพยานที่รู้เห็นเรื่องนี้ที่ จ.อุทัยธานี เพื่อรายงานให้ กกต.ทราบเป็นการด่วน ในวันนี้ ( 12 ) ซึ่ง กกต.ก็จะพิจารณาว่าขัดต่อระเบียบหรือกฎหมาย กกต.หรือไม่ เพราะการฝ่าฝืนระเบียบ และมติ อาจโดนใบเหลือง ใบแดงได้ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ก่อนการเลือกตั้ง"
เมื่อถามว่า การกระทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการท้าทายกกต.ใช่หรือไม่ นายอภิชาต ย้อนถามว่า " คุณคิดว่าท้าทายไหมล่ะ มันก็พอเข้าใจได้ มีหนังสือมาอย่างนี้ ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรค เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว จะดำเนินของตัวเองไป ทางกกต.ก็จะดำเนินตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่"
**กกต.สรุปมีร้องทุจริต 324 เรื่อง
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย แถลงว่า ศูนย์แจ้งเหตุทุจริตเลือกตั้งได้สรุปเรื่องร้องเรียน ตั้งแต่วันที่ 4-10 ธ.ค. มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา 94 เรื่อง ส่วนใหญ่เป็นกรณีการแจกเงิน แจกทรัพย์สิน 60 เรื่อง จัดเลี้ยง 2 เรื่อง ให้ประโยชน์ตอบแทน 4 เรื่อง การเก็บรวบรวมสำเนาบัตรประชาชน 1 เรื่อง การวางตัวไม่เป็นกลางของเจ้าหน้าที่ของรัฐ 12 เรื่อง การปิดป้ายหาเสียง 1 เรื่อง การใส่ร้ายหลอกลวง 2 เรื่อง และอื่นๆ อีก 12 เรื่อง แต่จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเรื่องที่ไม่ทราบรายละเอียด 40 เรื่อง และอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ 78 เรื่อง ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ มามีเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 324 เรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่พบพยานหลักฐาน และรายละเอียดไม่ชัดเจน 246 เรื่อง และอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 78 เรื่อง