ผู้จัดการรายวัน – เทศกาลแห่งความสุข ส่งท้ายปี ฉุดตลาดหลอดไฟส่องสว่าง “แอลแอนด์อี” ได้ปลื้มคว้างานติดหลอดไฟประดับกลางใจเมือง ปูพรมวางรากฐานรายได้ปีหน้าคาดโตกระฉูด 20% ด้านเมกกาแมน ขยับอีกก้าว ทุ่ม 8 ล้านบาท ทำหนังโฆษณาสร้างการรับรู้ มั่นใจรายได้โต 15% เช่นกัน
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านหลอดไฟและโคมไฟ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทฯได้เข้าร่วมประมูลและได้รับให้เป็นผู้ติดตั้งหลอดไฟประดับทั้งในกรุงเทพฯและธนบุรีไว้หลายงาน
ล่าสุดทางบริษัทฯกำลังจะเซ็นสัญญา เพื่อเป็นผู้ติดตั้งหลอดไฟประดับในย่านใจกลางเมืองอย่างบริเวณราชประสงค์และปทุมวัน คาดว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าจะสามารถดำเนินการติดตั้งได้ ส่วนงานอื่นๆเริ่มทยอยติดตั้งแล้วเช่นกัน ส่วนมูลค่าโครงการไม่สามารถเปิดเผยได้
“งานติดตั้งหลอดไฟประดับในหลายสถานที่ในปีนี้ ยอมรับว่าเป็นอีกปีที่มีผู้เข้าร่วมประมูลหลายราย แต่ส่วนใหญ่เกินครึ่งของงาน ผู้ที่ได้รับเลือกให้รับคัดเลือกคือแอลแอนด์อี เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาๆเป็นสิ่งที่ทำให้ภาครัฐเกิดความมั่นใจ”
นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในปีหน้า บริษัทฯได้รับงานด้านโครงการไว้แล้วหลายราย รวมมูลค่ากว่า 450 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มองว่าปีหน้ารายได้จากตลาดโครงการจะดีขึ้น เพราะนอกจากนี้มองว่าปีหน้าห้างสรรพสินค้า และกลุ่มโรงแรมจะมีการปรับปรุงและก่อสร้างอีกครั้ง เห็นได้จากการเปิดตัวสาขาของกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่จะเกิดขึ้นอีกหลายสาขาทั่วประเทศ หลังจากที่ปีนี้ชะลอการปรับปรุงหรือก่อสร้างลง เพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ถึงแม้ปีหน้าการเมืองจะดีหรือไม่ดี การปรับปรุงและการก่อสร้างก็ต้องเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่าบริษัทฯจะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% แน่
ขณะที่ปีนี้มีการปรับเป้ารายได้ลดลงเหลือเพียง 10% จาก 1,550 ล้านบาท แบ่งได้เป็น ตลาดโครงการ 65% ขายตรงและขายปลีก 33% และส่งออกอีก 2% เนื่องจากมีการลงเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีก 1 เท่าตัวในการส่งออกปีหน้า จากเดิมที่มีการส่งออกไปยังเอเชียใต้ กลุ่มอาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ปีหน้าจะโฟกัสกลุ่มตะวันออกกลาง อาเซียน และแอฟริกาใต้มากขึ้น คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 5-10% ได้ในปีหน้า
นอกจากนี้ในส่วนขายตรงและขายปลีก ได้มีกลยุทธ์เพิ่มจำนวนพันธมิตรที่มีสินค้าของแอลแอนด์อีจำหน่ายในร้านมากขึ้น จากเดิมที่มี 7 ราย ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 10 ราย ซึ่งจะเป็นพันธมิตรในต่างจังหวัดทั้งหมด
นายปกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ตลาดหลอดไฟรวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 15-20% เช่นกัน จากเดิมในปีนี้ที่มีการชะลอตัว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสำคัญ
**เมกกาแมนเซ็งธ.ค.เงียบ**
นายกฤษณ์ เพชราภิรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เมกกาแมน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหลอดไฟประหยัดพลังงาน กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทฯมีหลอดไฟเพื่อครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มระดับพรีเมี่ยม ดังนั้นจึงไม่มีงานด้านโครงการเข้ามาแต่อย่างไร ขณะเดียวกันช่วงเดือนธันวาคม ถือเป็นช่วงเงียบของตลาดหลอดไฟ เนื่องจากมีวันหยุดมาก ผู้บริโภคไม่มีการซื้อหลอดไฟ ทำให้ยอดขายในเดือนนี้ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงต้นไตรมาสสี่ที่ผ่านมา ที่มียอดขายค่อนสูง ดังนั้นหากเทียบรายได้ของไตรมาสสี่กับไตรมาสสาม ถือว่ายังเติบโตสูงกว่าประมาณ 5% ดังนั้นคาดว่ารายได้ปีนี้ที่ 30 ล้านบาท ยังคงเป็นไปตามเป้า
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปีหน้า นายกฤษณ์ กล่าวว่า ปีหน้าบริษัทฯจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 2-3 ชนิด อีกทั้งในช่วงไตรมาสสามจะมีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อโทรทัศน์เป้นครั้งปรกด้วย ภายใต้งบประมาณกว่า 8 ล้านบาท มั่นใจว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯเติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 15%
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจด้านหลอดไฟและโคมไฟ เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า ช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ที่จะถึงนี้ ทางบริษัทฯได้เข้าร่วมประมูลและได้รับให้เป็นผู้ติดตั้งหลอดไฟประดับทั้งในกรุงเทพฯและธนบุรีไว้หลายงาน
ล่าสุดทางบริษัทฯกำลังจะเซ็นสัญญา เพื่อเป็นผู้ติดตั้งหลอดไฟประดับในย่านใจกลางเมืองอย่างบริเวณราชประสงค์และปทุมวัน คาดว่าไม่เกินอาทิตย์หน้าจะสามารถดำเนินการติดตั้งได้ ส่วนงานอื่นๆเริ่มทยอยติดตั้งแล้วเช่นกัน ส่วนมูลค่าโครงการไม่สามารถเปิดเผยได้
“งานติดตั้งหลอดไฟประดับในหลายสถานที่ในปีนี้ ยอมรับว่าเป็นอีกปีที่มีผู้เข้าร่วมประมูลหลายราย แต่ส่วนใหญ่เกินครึ่งของงาน ผู้ที่ได้รับเลือกให้รับคัดเลือกคือแอลแอนด์อี เนื่องจากผลงานที่ผ่านมาๆเป็นสิ่งที่ทำให้ภาครัฐเกิดความมั่นใจ”
นายปกรณ์ กล่าวต่อว่า ส่วนในปีหน้า บริษัทฯได้รับงานด้านโครงการไว้แล้วหลายราย รวมมูลค่ากว่า 450 ล้านบาท เชื่อว่าจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่มองว่าปีหน้ารายได้จากตลาดโครงการจะดีขึ้น เพราะนอกจากนี้มองว่าปีหน้าห้างสรรพสินค้า และกลุ่มโรงแรมจะมีการปรับปรุงและก่อสร้างอีกครั้ง เห็นได้จากการเปิดตัวสาขาของกลุ่มห้างสรรพสินค้าที่จะเกิดขึ้นอีกหลายสาขาทั่วประเทศ หลังจากที่ปีนี้ชะลอการปรับปรุงหรือก่อสร้างลง เพื่อรอดูสถานการณ์ทางการเมือง ทั้งนี้ถึงแม้ปีหน้าการเมืองจะดีหรือไม่ดี การปรับปรุงและการก่อสร้างก็ต้องเกิดขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่าบริษัทฯจะมีรายได้เติบโตขึ้นกว่า 20% แน่
ขณะที่ปีนี้มีการปรับเป้ารายได้ลดลงเหลือเพียง 10% จาก 1,550 ล้านบาท แบ่งได้เป็น ตลาดโครงการ 65% ขายตรงและขายปลีก 33% และส่งออกอีก 2% เนื่องจากมีการลงเครื่องจักรใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีก 1 เท่าตัวในการส่งออกปีหน้า จากเดิมที่มีการส่งออกไปยังเอเชียใต้ กลุ่มอาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ปีหน้าจะโฟกัสกลุ่มตะวันออกกลาง อาเซียน และแอฟริกาใต้มากขึ้น คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 5-10% ได้ในปีหน้า
นอกจากนี้ในส่วนขายตรงและขายปลีก ได้มีกลยุทธ์เพิ่มจำนวนพันธมิตรที่มีสินค้าของแอลแอนด์อีจำหน่ายในร้านมากขึ้น จากเดิมที่มี 7 ราย ปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 10 ราย ซึ่งจะเป็นพันธมิตรในต่างจังหวัดทั้งหมด
นายปกรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ตลาดหลอดไฟรวมมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 15-20% เช่นกัน จากเดิมในปีนี้ที่มีการชะลอตัว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสำคัญ
**เมกกาแมนเซ็งธ.ค.เงียบ**
นายกฤษณ์ เพชราภิรัชต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เมกกาแมน (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายหลอดไฟประหยัดพลังงาน กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทฯมีหลอดไฟเพื่อครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มระดับพรีเมี่ยม ดังนั้นจึงไม่มีงานด้านโครงการเข้ามาแต่อย่างไร ขณะเดียวกันช่วงเดือนธันวาคม ถือเป็นช่วงเงียบของตลาดหลอดไฟ เนื่องจากมีวันหยุดมาก ผู้บริโภคไม่มีการซื้อหลอดไฟ ทำให้ยอดขายในเดือนนี้ค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับช่วงต้นไตรมาสสี่ที่ผ่านมา ที่มียอดขายค่อนสูง ดังนั้นหากเทียบรายได้ของไตรมาสสี่กับไตรมาสสาม ถือว่ายังเติบโตสูงกว่าประมาณ 5% ดังนั้นคาดว่ารายได้ปีนี้ที่ 30 ล้านบาท ยังคงเป็นไปตามเป้า
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจปีหน้า นายกฤษณ์ กล่าวว่า ปีหน้าบริษัทฯจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 2-3 ชนิด อีกทั้งในช่วงไตรมาสสามจะมีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อโทรทัศน์เป้นครั้งปรกด้วย ภายใต้งบประมาณกว่า 8 ล้านบาท มั่นใจว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯเติบโตขึ้นอีกอย่างน้อย 15%