วันที่ 5 ธันวาคม 2550 เป็นวันที่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศต่างมีความสุขใจมากที่สุดอีกวันหนึ่ง ที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และพระสุรเสียงที่แจ่มชัด ตลอดจนได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาด้วยเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญจากพสกนิกรชาวไทยดังกระหึ่มไปทั้งประเทศ ประชาชนต่างได้แซ่ซ้องสรรเสริญพระบารมีกึกก้องไปทั่วโลก
ในทุกๆ ปีในช่วงประมาณก่อนวันที่ 5 ธันวาคม นอกจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่างเฝ้ารอคอยกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทยด้วยความจงรักภักดีแล้ว ประชาชนชาวไทยยังมีความคาดหวังต่อกระแสพระราชดำรัสมาเตือนสตินักการเมือง ข้าราชการ และพลเรือนให้ตั้งอยู่ในธรรมและฝ่าฟันวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองในแต่ละช่วงเวลาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกด้วย
สำหรับปีนี้เป็นอภิลักขิตมหามงคลกาล คล้ายวันพระบรมราชสมภพ 80 พรรษา กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอคอยเป็นกรณีพิเศษอีกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยทรงมีกระแสพระราชดำรัสเมื่อปีที่แล้วว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะที่เป็นวิกฤตที่สุดในโลก
วันที่ 2 ธันวาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ออกเป็นประธานในงานพระราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและตรวจพลสวนสนามของทหารมหาดเล็กและทหารรักษาพระองค์ และได้ทรงตรัสด้วยสุรเสียงอย่างชัดเจนความตอนหนึ่งว่า “สถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้เป็นที่ทราบแก่ใจทุกคนอยู่แล้วว่าไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่าหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคี ก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ”
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฝากเหล่าทหารว่า “จึงขอให้ทหารทุกคนและชาวไทยทุกคนทุกหมู่เหล่าได้พิจารณาตัดสินใจว่าประเทศชาติของเรานั้นสำคัญ ควรที่เราจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่”
และทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานแนวทางในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ว่า “ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงงานหนักมาตลอดรัชกาลแทนที่พระองค์ควรจะมีความสบายพระราชหฤทัยเนื่องในวันมหามงคลเช่นนี้ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้พระองค์ต้องทรงตรัสถึงสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ว่ามีความไม่น่าไว้วางใจ
กระแสพระราชดำรัสในวันนั้นจึงสร้างความสะเทือนใจให้กับพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากทุกฝ่ายตั้งอยู่ในธรรมและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์โดยทำการสิ่งใดก็ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุดแล้ว วันมหามงคลปีนี้คงจะเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ โดยไม่มีเรื่องที่จะมาทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทเป็นแน่
อย่างน้อยทหารหาญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคงไม่ใช่มีหน้าที่เพียงแค่กลับเข้าสู่กรมกองโดยไม่ต้องทำอะไร ใน “สถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ” เช่นนี้
อย่างน้อยประชาชนโดยทั่วไปจะต้องช่วยกันสร้างความสามัคคีในการทำคุณงามความดี และพร้อมใจกันขจัดเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจทั้งหลายให้หมดสิ้นไปจากความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นักการเมืองและข้าราชการโดยส่วนใหญ่ต่างออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อสารมวลชน ด้วยคำพูดว่า น้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม ทั้งในเรื่อง “การลดอคติ” และ “ความสามัคคี” ก็ควรจะน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมในกระแสพระราชดำรัสเรื่อง “ความสัตย์สุจริต” และ “การยึดเอาความปลอดภัยของชาติเป็นเป้าหมายสูงสุด” ด้วย เพราะมีสาระในกระแสพระราชดำรัสที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
จึงขอเชิญชวนให้นักการเมือง ข้าราชการ พลเรือน น้อมกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อมให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกเนื้อหาสาระและนำไปปฏิบัติให้ได้จริงโดยพลัน
วันที่ 4 ธันวาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานให้กับคณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัส ย้ำอีกครั้งให้มีความสามัคคี ปรองดองกัน เพื่อไม่ให้ประเทศชาติล่มจม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแนวทางในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลิตภัณฑ์น้ำมันไบโอดีเซล ตลอดจนแนวทางในการทำธุรกิจและการพาณิชย์ของคนในประเทศที่ต้องไม่กำไรจนหน้าเลือดเกินไปแต่ก็ไม่กำไรน้อยจนเกินไป และต้องไม่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศแบบเสียเปรียบขาดทุน
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเตือนสติในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศชาติ โดยเฉพาะในภาวะที่มีการอนุมัติในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จำนวนมากในยุคนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานให้กองทัพเรือสร้างเรือเองและให้มีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น และหากจะซื้อเรือดำน้ำก็ควรจะพิจารณาของรัสเซียที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีราคาถูกกว่าของประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา อันเป็นสิ่งที่กองทัพเรือควรต้องน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปปฏิบัติ
ทรงมีกระแสพระราชดำรัสไม่เห็นด้วยกับการซื้อเครื่องบินรัสเซียมีขนาดใหญ่และใช้ไม่ได้ ในขณะที่การจัดซื้อเครื่องบินของกองทัพอากาศในยุคนี้ที่ซื้อมาจากประเทศสวีเดน ทรงมีกระแสพระราชดำรัสว่าดูดีเพราะมีขนาดไม่ใหญ่ อันเป็นสิ่งที่กองทัพอากาศพึงจะต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทอดพระเนตรเห็นการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพของกองทัพอากาศในยุคนี้
ทรงมีกระแสพระราชดำรัสเตือนสติกองทัพบกในการจัดซื้อรถถังสมัยใหม่ที่ใช้ไม่ได้ ล้าสมัย จมเลน และควรให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้พิจารณาซื้อรถถังน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า อันเป็นสิ่งที่กองทัพบกพึงจะต้องน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปปฏิบัติไปพิจารณาทำการตรวจสอบและยุติการจัดซื้อรถถังที่ล้าสมัย จมเลนโดยทันที และชะลอโครงการการจัดซื้อรถถังออกไปให้รัฐบาลในสมัยหน้าให้เป็นผู้พิจารณาโครงการดังกล่าวแทน
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานแนวทางในเรื่องการบริหารค่าเงินบาทค่าเงินบาทที่แข็งค่าในบริบทของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการใช้เงินตราต่างประเทศในทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่มากไปทำการใช้จ่ายให้มากขึ้นในทางที่ควร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงชี้แนะในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของคนที่มีเงินกับคนที่ไม่มีเงินในสังคมว่า คนที่มีเงินควรใช้จ่ายแล้วช่วยคนที่ไม่มีเงิน เพราะหากคนที่ไม่มีเงินจ่ายมากก็ต้องไปกู้และทำให้คนที่มีเงินมากๆ ได้กำไรไปเรื่อยๆ อันไม่ใช่หนทางของเศรษฐกิจพอเพียง
ในทุกๆ ปีหลังจากมีกระแสพระราชดำรัส นักการเมืองและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็มักจะเอ่ยวาจาว่าจะน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปปฏิบัติ แต่ในทางความเป็นจริงแล้วนักการเมืองและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองในบางยุคก็เพียงแค่แสดงท่าทีปฏิบัติเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็เพิกเฉยต่อกระแสพระราชดำรัสที่พระราชทานให้ไว้อย่างน่าผิดหวัง
บางปีหลังมีกระแสพระราชดำรัสเรื่องคนหูตึงกับเสียงดังเกินมาตรฐานในสถานบันเทิง ฝ่ายการเมืองเข้าการตรวจสอบเสียงดังในสถานบันเทิงกันอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก็เงียบซาหายไป บางปีทรงมีกระแสพระราชดำรัสให้ตรวจสอบและรายงานการฆ่าตัดตอนในคดียาเสพติดฝ่ายการเมืองก็เพิกเฉย และอีกหลายปีที่ทรงมีกระแสพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ก็ไม่ได้มีการนำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง
ปีนี้เนื่องในวันมหามงคล จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนได้ถวายพระพรด้วยการอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นธงนำในการปฏิบัติบูชาอย่างจริงจังเพื่อถวายความจงรักภักดีให้พระองค์ท่านสบายพระราชหฤทัยกันอย่างพร้อมเพรียง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
ในทุกๆ ปีในช่วงประมาณก่อนวันที่ 5 ธันวาคม นอกจากประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่างเฝ้ารอคอยกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทยด้วยความจงรักภักดีแล้ว ประชาชนชาวไทยยังมีความคาดหวังต่อกระแสพระราชดำรัสมาเตือนสตินักการเมือง ข้าราชการ และพลเรือนให้ตั้งอยู่ในธรรมและฝ่าฟันวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองในแต่ละช่วงเวลาให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอีกด้วย
สำหรับปีนี้เป็นอภิลักขิตมหามงคลกาล คล้ายวันพระบรมราชสมภพ 80 พรรษา กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงเป็นสิ่งที่ประชาชนเฝ้ารอคอยเป็นกรณีพิเศษอีกเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เคยทรงมีกระแสพระราชดำรัสเมื่อปีที่แล้วว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะที่เป็นวิกฤตที่สุดในโลก
วันที่ 2 ธันวาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ออกเป็นประธานในงานพระราชพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและตรวจพลสวนสนามของทหารมหาดเล็กและทหารรักษาพระองค์ และได้ทรงตรัสด้วยสุรเสียงอย่างชัดเจนความตอนหนึ่งว่า “สถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้เป็นที่ทราบแก่ใจทุกคนอยู่แล้วว่าไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่าหากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคี ก็อาจจะประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ”
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฝากเหล่าทหารว่า “จึงขอให้ทหารทุกคนและชาวไทยทุกคนทุกหมู่เหล่าได้พิจารณาตัดสินใจว่าประเทศชาติของเรานั้นสำคัญ ควรที่เราจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่”
และทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานแนวทางในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจเช่นนี้ว่า “ขอให้สังวร ระวังกาย ใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงงานหนักมาตลอดรัชกาลแทนที่พระองค์ควรจะมีความสบายพระราชหฤทัยเนื่องในวันมหามงคลเช่นนี้ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ทำให้พระองค์ต้องทรงตรัสถึงสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ว่ามีความไม่น่าไว้วางใจ
กระแสพระราชดำรัสในวันนั้นจึงสร้างความสะเทือนใจให้กับพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากทุกฝ่ายตั้งอยู่ในธรรมและทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์โดยทำการสิ่งใดก็ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุดแล้ว วันมหามงคลปีนี้คงจะเต็มไปด้วยความปลื้มปีติ โดยไม่มีเรื่องที่จะมาทำให้ระคายเบื้องพระยุคลบาทเป็นแน่
อย่างน้อยทหารหาญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคงไม่ใช่มีหน้าที่เพียงแค่กลับเข้าสู่กรมกองโดยไม่ต้องทำอะไร ใน “สถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ” เช่นนี้
อย่างน้อยประชาชนโดยทั่วไปจะต้องช่วยกันสร้างความสามัคคีในการทำคุณงามความดี และพร้อมใจกันขจัดเรื่องที่ไม่น่าไว้วางใจทั้งหลายให้หมดสิ้นไปจากความห่วงใยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นักการเมืองและข้าราชการโดยส่วนใหญ่ต่างออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อสารมวลชน ด้วยคำพูดว่า น้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม ทั้งในเรื่อง “การลดอคติ” และ “ความสามัคคี” ก็ควรจะน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมในกระแสพระราชดำรัสเรื่อง “ความสัตย์สุจริต” และ “การยึดเอาความปลอดภัยของชาติเป็นเป้าหมายสูงสุด” ด้วย เพราะมีสาระในกระแสพระราชดำรัสที่มีความสำคัญเช่นเดียวกัน
จึงขอเชิญชวนให้นักการเมือง ข้าราชการ พลเรือน น้อมกระแสพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อมให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกเนื้อหาสาระและนำไปปฏิบัติให้ได้จริงโดยพลัน
วันที่ 4 ธันวาคม 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานให้กับคณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัส ย้ำอีกครั้งให้มีความสามัคคี ปรองดองกัน เพื่อไม่ให้ประเทศชาติล่มจม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแนวทางในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลิตภัณฑ์น้ำมันไบโอดีเซล ตลอดจนแนวทางในการทำธุรกิจและการพาณิชย์ของคนในประเทศที่ต้องไม่กำไรจนหน้าเลือดเกินไปแต่ก็ไม่กำไรน้อยจนเกินไป และต้องไม่ซื้อสินค้าจากต่างประเทศแบบเสียเปรียบขาดทุน
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเตือนสติในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศชาติ โดยเฉพาะในภาวะที่มีการอนุมัติในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์จำนวนมากในยุคนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีกระแสพระราชดำรัสพระราชทานให้กองทัพเรือสร้างเรือเองและให้มีขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น และหากจะซื้อเรือดำน้ำก็ควรจะพิจารณาของรัสเซียที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีราคาถูกกว่าของประเทศเยอรมนีและสหรัฐอเมริกา อันเป็นสิ่งที่กองทัพเรือควรต้องน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปปฏิบัติ
ทรงมีกระแสพระราชดำรัสไม่เห็นด้วยกับการซื้อเครื่องบินรัสเซียมีขนาดใหญ่และใช้ไม่ได้ ในขณะที่การจัดซื้อเครื่องบินของกองทัพอากาศในยุคนี้ที่ซื้อมาจากประเทศสวีเดน ทรงมีกระแสพระราชดำรัสว่าดูดีเพราะมีขนาดไม่ใหญ่ อันเป็นสิ่งที่กองทัพอากาศพึงจะต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงทอดพระเนตรเห็นการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพของกองทัพอากาศในยุคนี้
ทรงมีกระแสพระราชดำรัสเตือนสติกองทัพบกในการจัดซื้อรถถังสมัยใหม่ที่ใช้ไม่ได้ ล้าสมัย จมเลน และควรให้รัฐบาลใหม่เป็นผู้พิจารณาซื้อรถถังน่าจะมีความเหมาะสมมากกว่า อันเป็นสิ่งที่กองทัพบกพึงจะต้องน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปปฏิบัติไปพิจารณาทำการตรวจสอบและยุติการจัดซื้อรถถังที่ล้าสมัย จมเลนโดยทันที และชะลอโครงการการจัดซื้อรถถังออกไปให้รัฐบาลในสมัยหน้าให้เป็นผู้พิจารณาโครงการดังกล่าวแทน
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานแนวทางในเรื่องการบริหารค่าเงินบาทค่าเงินบาทที่แข็งค่าในบริบทของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการใช้เงินตราต่างประเทศในทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่มากไปทำการใช้จ่ายให้มากขึ้นในทางที่ควร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงชี้แนะในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของคนที่มีเงินกับคนที่ไม่มีเงินในสังคมว่า คนที่มีเงินควรใช้จ่ายแล้วช่วยคนที่ไม่มีเงิน เพราะหากคนที่ไม่มีเงินจ่ายมากก็ต้องไปกู้และทำให้คนที่มีเงินมากๆ ได้กำไรไปเรื่อยๆ อันไม่ใช่หนทางของเศรษฐกิจพอเพียง
ในทุกๆ ปีหลังจากมีกระแสพระราชดำรัส นักการเมืองและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองก็มักจะเอ่ยวาจาว่าจะน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปปฏิบัติ แต่ในทางความเป็นจริงแล้วนักการเมืองและผู้มีอำนาจในบ้านเมืองในบางยุคก็เพียงแค่แสดงท่าทีปฏิบัติเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็เพิกเฉยต่อกระแสพระราชดำรัสที่พระราชทานให้ไว้อย่างน่าผิดหวัง
บางปีหลังมีกระแสพระราชดำรัสเรื่องคนหูตึงกับเสียงดังเกินมาตรฐานในสถานบันเทิง ฝ่ายการเมืองเข้าการตรวจสอบเสียงดังในสถานบันเทิงกันอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วก็เงียบซาหายไป บางปีทรงมีกระแสพระราชดำรัสให้ตรวจสอบและรายงานการฆ่าตัดตอนในคดียาเสพติดฝ่ายการเมืองก็เพิกเฉย และอีกหลายปีที่ทรงมีกระแสพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ก็ไม่ได้มีการนำมาปฏิบัติอย่างจริงจัง
ปีนี้เนื่องในวันมหามงคล จึงขอเชิญชวนคนไทยทุกคนได้ถวายพระพรด้วยการอัญเชิญกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นธงนำในการปฏิบัติบูชาอย่างจริงจังเพื่อถวายความจงรักภักดีให้พระองค์ท่านสบายพระราชหฤทัยกันอย่างพร้อมเพรียง
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน