xs
xsm
sm
md
lg

สมัชชาแห่งชาติ-สมัชชาประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

1. สมัชชาแห่งชาติ คืออะไร

สมัชชาแห่งชาติเป็นจารีตประชาธิปไตยไทย ที่คงไม่มีใครในโลกคัดค้านได้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แม้ในขณะนั้น ประเทศไทยจะยังมิได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรของจอมพลถนอม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ในขณะนั้นสภานิติบัญญัติยุคก่อน 14 ตุลาคม 2516 ยังมีอยู่ พระองค์ก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งสมัชชาแห่งชาติขึ้น ภายหลังมีพระราชาธิบายว่า

“เมื่อครั้งอาจารย์สัญญาได้รับตั้งเป็นนายกฯ ที่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ รองประธานสภานิติบัญญัติ นายทวี แรงขำ. ดังนั้น ไปทบทวนประวัติศาสตร์หน่อย. ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านก็ทราบมี มีกฎเกณฑ์ที่รองรับ แล้วก็งานอื่นๆ ก็มี แม้จะที่เรียกว่าสภาสนามม้า ก็หัวเราะกัน สภาสนามม้า แต่ไม่ผิด ไม่ผิดกฎหมาย เพราะว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับสนอง. นายกรัฐมนตรี นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ได้รับสนองพระบรมราชโองการก็สบายใจว่าทำอะไรแบบถูกต้อง ตามครรลองของรัฐธรรมนูญ.”

ผมเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ในยุคนั้น จำได้ว่าบรรหาร ศิลปอาชาก็เป็นคนหนึ่ง และมีอดีต ส.ส.เก่าเกือบทุกพรรคหลายคน คนที่ทำประโยชน์ให้สภาและประเทศชาติได้มากคนหนึ่ง คือ นายประมวล กุลมาตย์ ส.ส.ชุมพร พรรคสหประชาไทยของจอมพลถนอม ผู้เสนอ พ.ร.บ.จัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นที่ยอมรับว่าสภานิติบัญญัติฯ ชุดนั้นมีประสิทธิภาพในการออกกฎหมายดีๆ หลายฉบับที่มีผลในทางปฏิรูปและรับใช้ประชาชน เช่น กฎหมายกระจายอำนาจกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวชเป็นหัวกระบวนผู้คัดค้าน อาสาสมัครสาธารณสุขผู้ใดยังไม่เคยอ่าน ขอให้ไปอ่านบันทึกรายงานการประชุมการอภิปรายของนายสมัครเสีย

การแต่งตั้งสมัชชาแห่งชาติทำให้สมาชิกสภานิติบัญญัติฯ ซึ่งมีอยู่ในขณะนั้นพากันทยอยลาออกไป เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดสุญญากาศในสภา ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสามารถใช้พระราชอำนาจอันเป็นนวัตกรรมในการปฏิรูปได้ ผมเชื่อว่าหาก สนช.ปัจจุบันจะได้ลองศึกษาดู ท่านอาจจะได้มีโอกาสโดยเสด็จพระราชกระแสครั้งนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้เกิด “ราชประชาสมาสัย” ในครั้งนี้ก็ได้

ผมเชื่อว่า หากเราจะมีสมัชชาแห่งชาติอีกครั้ง รูปแบบของสภาสนามม้าอาจจะไม่จำเป็น เพราะปัจจุบันเรามีโครงสร้างประชาธิปไตยสำเร็จรูปอยู่แล้ว คือองค์กรบริหารและสภาท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งได้รับเลือกจากประชาชนโดยตรง เป็นจำนวนถึง 159,705 คน น่าจะเป็นสมัชชาที่ใหญ่ หลากหลาย และมีความเป็นตัวแทนจำลองแบบมาจากประเทศไทยอย่างแท้จริง

สมัชชาแห่งชาติ 2516 มีความเป็นมาย่อๆ ดังต่อไปนี้

(วันที่ 10 ธันวาคม 2516 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมตั้งสมัชชาแห่งชาติขึ้น ประกอบด้วยบุคคลผู้มีรายนามท้ายประกาศพระบรมราชโองการนี้ และให้สมัชชาแห่งชาติประชุมกันเลือกบุคคลที่เหมาะสมจากสมัชชาแห่งชาติขึ้นจำนวนหนึ่ง แล้วนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณา เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งบุคคลเหล่านั้นเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปรายชื่อสมาชิกสมัชชาแห่งชาติตามประกาศนี้ มีรวม 2347 คน

วันที่ 11 ธันวาคม 2516 ประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติลาออกจากตำแหน่ง มีสมาชิกได้ลาออกจากตำแหน่งด้วยกันจนถึงบัดนี้เป็นจำนวน 185 คน

วันที่ 12 ธันวาคม 2516 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติลาออกจากตำแหน่ง เพิ่มเติมอีก 61 คน

วันที่ 13 ธันวาคม 2516 มีพระบรมราชโองการเรียกประชุมสมัชชาแห่งชาติ เวลา 9.30 น.และมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติลาออกอีก 13 คน

วันที่ 14 ธันวาคม 2516 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและรองประธานสมัชชาแห่งชาติ

1. พลตรีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เป็นประธานที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติ

2. พระยามานวราชเสวี เป็นรองประธานที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติ คนที่ 1

3. นายสุกิจ นิมมานเหมินท์ เป็นรองประธานที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติ คนที่ 2

และมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติลาออกอีก 10 คน รวมที่ลาออกมาแต่ก่อนและลาออกไปเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและถึงแก่กรรมด้วย รวมที่ลาออกจนถึงวันที่ 14 ธันวาคม จำนวน 288 คน

วันที่ 15 ธันวาคม 2516 สำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกคำชี้แจงแก่ประชาชนเรื่องการจัดตั้งสมัชชาแห่งชาติ

วันที่ 16 ธันวาคม 2516 มีพระราชกฤษฎีกายุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติยังคงเหลือผู้ที่ยังมิได้ลาออกและสิ้นสมาชิกภาพไปจำนวน 11 คน เพราะมีพระราชกฤษฎีกายุบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

วันที่ 18 ธันวาคม 2516 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงกระทำพิธีเปิดประชุมสมัชชาแห่งชาติ เป็นครั้งแรก ณ สนามราชตฤณมัยสมาคม เวลา 8.30 น.

วันที่ 19 ธันวาคม 2516 มีการประชุมสมัชชาแห่งชาติเป็นครั้งแรก ณ สนามราชตฤณมัยสมาคม เวลา 8.30 น. เพื่อเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมี นายประสิทธิ์ ศรีสุชาติ เลขาธิการรัฐสภาเป็นประธานกรรมการ และเริ่มมีการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เริ่มตั้งแต่เวลา 10.15 น.

วันที่ 20 ธันวาคม 2516 นับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติฯ เสร็จสิ้นเวลา 6.30 น.

วันที่ 23 ธันวาคม 2516 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดที่ 2 จำนวน 299 คน

วันที่ 28 ธันวาคม 2516 มีพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งอนันตสมาคมเปิดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เวลา 14.00 น. มีการเลือกประธานและรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ประชุมได้เลือก

-ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นประธานสภานิติบัญญัติ
-พลเอกสำราญ แพทยกุล เป็นรองประธานสภานิติบัญญัติฯ คนที่ 1
-นายประภาศน์ อวยชัย เป็นรองประธานสภานิติบัญญัติฯ คนที่ 2)

พระอัจฉริยภาพของในหลวงเรื่องสมัชชาแห่งชาตินี้ น่าจะทำให้เรามั่นใจว่า วุฒิสภาชั่วคราว และรัฐบาลชั่วคราว ที่มีองค์ประกอบ โครงสร้าง ที่มา ฉันทานุมัติ และความชอบธรรมในการดำรงแหน่ง สง่างาม สมนามอารยะและเป็นประชาธิปไตยนั้น ไม่เกินปัญญาของคนไทย และนักการเมืองทั้งหลายที่ยอมสละแก๊งเลือกตั้งก็ไม่น่าจะต้องกลัวว่าจะถูกตัดขาดออกไปจากเครือข่ายสมานฉันท์ เพราะทุกๆคนที่ตัดสินใจยึดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริงย่อมจะมีสิทธิออกเดินทางก้าวแรกพร้อมๆ กัน

2. สมัชชาประชาธิปไตยฯ คือ อะไร

ที่อยู่สมัชชาประชาธิปไตยฯ
ตู้ ปณ. 19
ปณ. ทำเนียบรัฐบาล
กรุงเทพฯ 10302

สมัชชาประชาธิปไตยฯ คือ อะไร

สมัชชาประชาธิปไตยฯ คือ นามแฝงที่ นายปราโมทย์ นาครทรรพ ขอเช่าตู้ ปณ. 19 ไปรษณีย์ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรับจดหมายที่ได้มาจากการระดมความคิด และการมีส่วนร่วมของพลเมืองดี ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ผู้ไม่ต้องการเห็นประชาธิปไตยจอมปลอมของนักการเมืองผูกขาดไม่กี่กลุ่ม ไม่กี่คน ที่แอบอ้างเอาการเลือกตั้งบังหน้า

สมัชชาประชาธิปไตยฯ มิใช่นิติบุคคล ไม่มีความเกี่ยวข้องทั้งทางตรงทางอ้อมต่อกันแต่อย่างใดกับรัฐบาล กองทัพ และพรรคการเมือง

สมัชชาประชาธิปไตยฯ เป็นเวทีแสดงความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเป็นเอกภาพ โดยยึดหลักสันติธรรม ความรัก และความสงบเรียบร้อย ไม่มีการเดินขบวน ชุมนุม หรือต่อต้านพวกใดพรรคใด

การสื่อสารระหว่างสมาชิกกับสมัชชาฯ และบุคคลหรือองค์กรภายนอกในชั้นนี้ กระทำโดยการส่งจดหมายทางไปรษณีย์เท่านั้น

พลเมืองดีที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาธิปไตย ทุกคนเป็นสมาชิกสมัชชาประชาธิปไตยฯ ได้โดยอัตโนมัติ เมื่อบุคคลนั้นส่งสำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมทั้งข้อเสนอและข้อคิดเห็น ในการแก้ปัญหาและความขัดข้องและไม่เป็นประชาธิปไตยของประเทศ ทั้งนี้โดยไม่ต้องเสียค่าสมัคร ค่าสมาชิก ค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ นอกจากค่ากระดาษและค่าดวงตราไปรษณียากรเท่านั้น

สำหรับปัญหาที่พวกเราจะมีส่วนร่วมช่วยกันแก้ครั้งนี้ อาจจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย นั่นก็คือ การช่วยกันชะลอมิให้การเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 เกิดขึ้นได้ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ไม่สมประกอบ ไม่มีทางที่จะสุจริตเที่ยงธรรม เพราะพรรคการเมืองต่างๆ ก็ไม่สมประกอบ กฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเลือกตั้งก็ไม่สมประกอบ ผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง เช่น รัฐบาลและ กกต.ก็ไม่สมประกอบ ทุกฝ่ายมีการกระทำที่บกพร่องและไม่สอด คล้องกับกฎหมายและกฎระเบียบมากมายหลายกรณี หากฝืนเลือกลงไปจะต้องมีการฟ้องร้องและเผชิญหน้าขัดแย้งต่อสู้กันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นการเอาอนาคตของบ้านเมืองและสถาบันไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ดังได้บรรยายไว้โดยละเอียดในหนังสือชื่อ “พระราชอำนาจจากพระโอษฐ์ในหลวงกับเลือกตั้งน้ำเน่าเราจะพากันไปตาย”

ดังนั้น ขอให้ท่านที่เห็นด้วยอัดสำเนาบัตรประชาชนของท่านลงไปในแผ่นกระดาษ จั่วหัวว่า สมัชชาประชาธิปไตยฯ และเขียนข้อความลงไปว่า 1. ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้ ขอให้แก้ไขพระราชกฤษฎีกาเลื่อนออกไปอีก 6 เดือนหรือ 1 ปี (เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง) 2. ข้าพเจ้าขอทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระบรมราชวินิจฉัย พระราชทานสมัชชาแห่งชาติฯ (โปรดดูตัวอย่าง)

ขอรับรองว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่เป็นการยืดอายุรัฐบาลปัจจุบัน ไม่เป็นการเชื้อเชิญการปฏิวัติ เพราะมีมาตรการตามครรลอง และจารีตประเพณีที่เป็นประชาธิปไตยมากกว่าเดิมพร้อมอยู่ กับทั้งจะไม่เป็นการรบกวนเบื้องพระยุคลบาทเกินกว่าการใช้พระราชอำนาจในกรณีทั่วๆ ไปแต่อย่างใด

โปรดส่งจดหมายของท่านไปที่

สมัชชาประชาธิปไตยฯ
ตู้ ปณ. 19
ปณ. ทำเนียบรัฐบาล
กรุงเทพฯ 10302
กำลังโหลดความคิดเห็น